Sanook Drive : Chevrolet Sonic Sedan 5 M/T แค่นิดเดียวยังเร้าใจ
เรียกว่าเปิดตัวแบบไม่เน้นอลังการ แต่กระแสมาแรงมาก สำหรับรถยนต์ซิตี้คาร์รุ่นใหม่ของค่ายรถยนต์สัญลักษณ์โบว์ไทน์ ที่ออกตัวแรงตามกระแสรถยนต์ซิตี้คาร์มาแรงแลเนการกลับมาทวงบัลลงค์ของเจ้านี้อีกครั้ง หลังเคยประสบความสำเร็จมาแล้ว และแม้จะชื่อคล้ายมอเตอร์ไซค์บางรุ่น แต่แน่นอนว่า Chevrolet Sonic ได้รับการจับตาพอสมควร
ตั้งแต่ที่เริ่มเปิดตัวที่ต่างประเทศ เราค่อนข้างเฝ้ารอรถรุ่นนี้พอสมควร ด้วยมันเป็นหนึ่งในรถที่ค่อนข้างจะมีคะแนนรีวิวที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี และล่าสุดมันก็มาถึงเราแล้วในการขับทดสอบสั่นในแบบ Media Preview ที่นี่คือรถที่เรากล้าพูว่า จะต้องโดนใจวัยรุ่นแน่นอน
ภายนอกสปอร์ตถ่ายทอดจากบิ๊กไบค์
เราหลายคนคงชอบรถยนต์ที่มีกึ๋นดีกรีที่เน้นในความสปอร์ตเต็มพิกัด ตามฉบับวัยรุ่นสดใสซาบซ่า แน่นอว่ามันอาจจะยากที่พบว่ารถที่ดูดีต้องมีราคาแพง แต่เมื่อเราได้พบ Chevrolet Sonic ตัวจริงเสียงจริงเป็นๆ นี่คือรถที่ตอบโจทย์ในแง่ของการออกแบบอย่างลงตัว ที่แทบไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีราคาที่เริ่มต้นเพียง 5 แสนกว่าบาทเท่านั้นเอง
ต้นไอเดียของ Chevrolet Sonic นั้น ทางฝ่ายวิศวกรรมได้มาสรุปสั้นๆว่า พวกเขาได้ไอเดียมาจากรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือที่เราอาจจะคุ้นหูในคำว่า "บิ๊กไบค์" มากกว่า ด้วยเส้นสายที่ต้องการเน้นในความเข้มข้นเฉียบคม ทันสมัย และทั้งหมดนั้นยังบ่งบอกถึงความเป็นเชฟวี่อย่างแท้จริง
ใบหน้าที่ดูดุดันได้กระจังหน้าสไตล์ dual port หรือภาษาไทยบอกว่า "สองช่อง" สอดกับโคมไฟหน้าที่ดุดันเข้มข้นในความสปอร์ตจับเอาไอเดียมาจากมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ที่ตรงกลางบ่งบอกความเป็นตัวตนด้วยโลโก้สีทองที่ให้ความโดดเด่นในการแสดงความเป็นเอกลักษณ์ที่ลงตัว
ด้านข้างเส้นสายที่ไหล่ยังเน้นต่อเนื่องจากด้านหน้าให้ความลงตัวในแบบสปอร์ตส่งสู่บั้นท้ายที่มีความลงตัวสนองในการออกแบบแอบอารมณ์หรูมาไว้ที่ไฟท้าย ซึ่งรถรุ่นที่เราขับขี่วันนี้เป็นรุ่น 4 ประตู แต่ใครที่ไม่ชอบก็ยังมีเวอร์ชั่น 5 ประตูให้เลือก แต่เรายังไม่ได้เจอมันตัวเป็นเลย
ห้องโดยสารโดนใจจัดเต็มคราบสปอร์ต
คงต้องเรียกว่า ถูกใจแน่ๆ สำหรับคอสปอร์ต เพราะถ้าคิดว่าภายนอกโดนใจแล้ว เมื่อก้าวเข้ามาในห้องโดยสารจะยิ่งโดนมากขึ้น วันนี้ในการทดสอบเราได้รับเกียรติเป็นไม้แรกในการขับขี่ โดยเริ่มต้นในรุ่นเกียร์ธรรมดา ซึ่งให้การตอบสนองแบบสมรรถนะการขับขี่เต็มพิกัด
การตบแต่งในห้องโดยสารนั้น โดยรวมเน้นความสปอร์ตแบบจัดเต็มมากตั้งแต่คอนโซลหน้าที่ใส่รายละเอียดมาให้ แม้ในรุ่นที่เราขับขี่จะไม่ใช่รุ่นท๊อป แต่ที่ไม่โดนใจเท่าไรนักคือในรุ่น LTZ ตบแต่งทูโทนสีส้มดำ ที่ดูอาจจะเจ๋งดี แต่มันก็ดูขัดๆบ้างจากที่แอบไปดูรถเพื่อนร่วมก๊วนมา
ตรงหน้าคนขับมาพร้อมชุดมาตรวัดที่ให้การออกแบบผสานระหว่างในส่วนของการวัดผลแบบอนาล็อกและดิจิตอลจัดวางได้อย่างลงตัว เล็กกระทัดรัดและดูดีมากพอสมควรในสไตล์เดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ แต่ก็ไม่เคอะเขินเมื่อมาอยู่ในรถเก๋งคันนี้ และลงตัวดีกับชุดพวงมาลัย 3 ก้าน
ช่องเก็บต่างๆมีมากมากให้ใช้งาน ทั้งฝั่งคนนั่งที่สามารถเปิดได้ 2 จังหวะ บนและล่าง ที่วางแก้วน้ำ ช่องเสียบบัตรที่ตรงกลาง ที่ใส่เหรียญ ทุกอย่างล้วนจัดวางได้อย่างลงตัว ในแบบสปอร์ต และเมื่อเหลียวไปด้านหลัง เราพบว่า มันยังมีที่ว่างมากพอที่ให้คนตัวใหญ่นั่งได้อย่างพอดี แต่ในงานนี้ยังไม่ได้ลองนั่งอย่างจริงจัง
ได้เวลาขับขี่ โซนิค..และคนเมือง
ซิตี้คาร์ถือเป็นรถยนต์ที่เกิดขึ้นมาสำหรับการใช้งานในเมืองอย่างแม้จริงและเชฟวี่ ก็ให้อิสระเราที่จะคลุกคลีโซนิคไปยังที่ต่างๆ ก่อนไปเจอกันที่จุดนัดพบในเวลาที่กำหนด และเราก็เต็มอิ่มกับสมรรถนะของมันในการขับขี่พอตัว
เส้นทางที่เราขับ Chevrolet Sonic โดยรวมมันคือพื้นที่ใช้งานจริงของรถยนต์รุ่นนี้ที่เกิดมาสำหรับขับในเมือง เราลัดเลาะไปพร้อมกระแสการจราจรที่ติดขัดของชีวิตคนเมือง แน่นอนว่า เกียร์ธรรมดา อาจจะฟังดูไม่สบายนัก สำหรับใครที่ไม่ได้ขับบ่อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ของเชฟวี่ขับง่ายและสบายมาก ชุดคลัทช์ให้ความนิ่มนวลสบาย แต่ก็ยังตอบสนองในแบบความเป็นสปอร์ตในฟีลลิ่งและน้ำหนักที่กดลงในการขับขี่
วันนี้ที่ขับเราลืมบอกว่าไปกำลังขับอยู่กับเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลัง 100 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดจัดให้ 130 นิวตันเมตร สูงสุดที่ 4000 รอบต่อนาที เรียกว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้อาจจะมีม้าน้อยไปหน่อยแต่แรงบิดได้เลย
ช่วงระหว่างการขับขี่เราได้ใช้เวลาเล็กๆในการทดสอบอัตราเร่งและเราก็พบว่า แม้จะมีแรงม้าค่อนข้างน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ของรถในกลุ่มเดียวกันที่มาในแบบขุมพลัง 1.5 ลิตร แต่มันก็มีการตอบสนองที่ดีไม่แพ้กัน อาจจะไม่ได้เร็วจี๋มากแบบรถสปอร์ต แต่ก็ให้ความลงตัวต่อการใช้งานจริง แม้จะต้องบอกว่าช่วงแรกที่ออกตัวจะหนืดๆสักนิดตามสไตล์แต่เมื่อล้อได้หมุนแล้ว มันจะเร่งได้ดีจนน่าประทับใจเลยทีเดียว
ตัวระบบเกียร์ธรรมดาที่เราได้สัมผัสวันนี้เองก็ค่อนข้างจะมีความลงตัวในแง่ของอัตราทดที่จัดมาในแบบอัตราทดชิดต่อเนื่อง ตั้งแต่เกียร์ 2 เป็นต้นมา ทำให้ในช่วงระหว่างการขับขี่พอได้ขึ้นทางด่วนลองกดดูยาวๆ ช่วงรอบเครื่อง 110ก.ม./ช.ม. ได้รอบเครื่องป้วนเปี้ยนที่ 3200 รอบต่อนาที ที่เกียร์ 5
เรื่องของการทรงตัวเองในย่านความเร็วที่ใช้งานนี้ค่อนข้างทำได้ประทับใจรถไม่มีการโยนตัว และพร้อมกันยังรู้สึกถึงการตอบสนองที่ดีของช่วงและมันยังรวดเร็วจนอดสงสัยไม่ได้ว่า รถคันนี้เป็นโชคอัพแบบแก๊ส และเราก็ได้คำตอบจากทีมวิศวกรว่ามันคือโช๊คแก๊สกึ่งน้ำมัน ซึ่งให้การเกาะถนนที่หนึบ แต่ไม่กระด้าง ขณะเดียวกัน ก็ซับแรงกระแทกต่างๆได้ดีสมตัวเลยทีเดียว
ได้เวลาจัดหนักกับ...จิมคาน่า
คงไม่บ่อยนักที่เราจะได้ทดสอบรถกันแบบจริงในสไตล์ดิบดุและวัดกันจะๆที่สมรรถนะของรถในรูปแบบการแข่ขัน และดูเหมือน กับ Chevrolet Sonic เองเชฟวี่จะรู้ใจและจัดกิจกรรมให้เราลองจิมคาน่ากับรถคันนี้เล่นๆ แต่เอาจริง...
รูปแบบการขับจิมคาน่า สำหรับใครที่ไม่ทราบ คือการแข่งทำเวลาโดยใช้ทักษะของผู้ขับขี่เช่นเดียวกับสมรรถนะของรถ โดยจิมคาน่าสามารถแสดงถึงเรื่องการทรงตัวของรถ เช่นเดียวกับความแม่นยำของพวงมาลัย ที่ต้องสอดผสานของการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งครั้งนี้เราได้ขับในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
แน่นอนว่าสิ่งที่แตกต่างในรถ Chevrolet Sonic รุ่นเกียร์อัตโนมัติคือการถ่ายทอดในเรื่องของอัตราทดกำลังที่มีมากถึง 6 เกียร์ในการทำงาน และที่สำคัญยังมีโหมดที่สามารถเลือกเปลี่ยนได้เองตามต้องการ แต่ก็ดันจัดวางชุดสวิทช์ที่ปรับเองได้นั้นที่คันเกียร์ ซึ่งอาจจะทำให้อยู่ที่ปลายนิ้วเวลาสัมผัส แต่เมื่อขับใช้งานจริง โดยเฉพาะอย่างสนามแข่งจิมคาน่านี้ ที่ต้องอาศัยเกียร์เข้าช่วยในการทำเวลาที่ดีนั้น กลับพบว่า ระบบโหมดสปอร์ตที่คันเกียร์และ การที่ต้องพวงพวงมาลัย และเปลี่ยนเกียร์ ด้วยคงไม่ใช่เรื่องที่สนุกเท่าไร
ในการขับทดสอบ สนอง จิมคาน่านี้ เรื่องหนึ่งที่โดดเด่นข้าชัดเจนในระหว่างที่กำลังแข่งขันกับสื่ออื่นๆ เราพบว่า นั่นคือในเรื่องของกี่ขับขี่จากระบบช่วงล่างที่ไว้ใจได้มาก การซับแรงกระแทกและตอบสนองอย่างรวดเร็วทำให้รถมีอาการโยนตัวที่น้อยกว่า รถรุ่นอื่นออกอารมณ์บุคลิกสปอร์ตมากกว่า แม้แต่กับการเจอน้ำหลังสภาวะฝนตกก็ไม่ทำให้ย่อหย่อนลงไป แถมพวงมาลัยก็ไว้วางใจได้แม่นยำพอสมควรในระดับรถยนต์ซิตี้คาร์ แต่อาจจะยังไม่คมมากเท่ารถสปอร์ตชั้นนำ
มาดูเรื่องประหยัด สิ่งที่หลายคนรอคอย
ความจริงแล้วตั้งแต่ขับขี่มาเราอาจจะแลเรื่องสมรรถนะเสียเป็นส่วนใหญ่ด้วยส่วนหนึ่ง นี่คือการขับทดสอบเล็กๆไม่ได้เน้นประหยัด และอีกประการคือการทดสอบในรูปแบบนี้ ยังไม่สามารถบอกอะไรแน่นอนถึงอัตราประหยัดได้ ทว่า ช่วงขากลับ เรานั่งมากับพี่ที่สื่อ Motortrivia.com ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ ที่ได้ลองจับอัตราประหยัดดู ก็ทำให้รู้ว่ามันมีความสามารถมากพอที่จะทำได้ โดยกับเครื่อง 1.4 ลิตรในรุ่น LTZ ถ้าคุณทำความเร็วน้อยกว่า 80 กิโลเมตรต่อลิตร ก็จะได้อัตราประหยัดบนหน้าปัด ราว 16 กิโลเมตร/ลิตรในช่วงวิ่งทางยาวๆ
จากการขับขี่ของเรากับ Chevrolet Sonic ตลอดการเดินทางสั้นในทริปนี้ คงต้องยอมรับในเรื่องความลงตัวในหลายๆด้าน จนน่าจะถูกใจกลุ่มลูกค้า ที่เชฟวี่บอกขาย Gen Y เป็นหลัก และจากที่เราดูตลอดการขับขี่มันก็จะเป็นเช่นนั้นจริงๆ และเราเฝ้ารอที่จะได้ทดสอบมันมากกว่านี้ในเร็วๆนี้ ...สวัสดี
อัลบั้มภาพ 72 ภาพ