ตลาด “ไฮบริด” ระอุ ..ค่ายรถพร้อยลุยถ้ารัฐชัดเจน

                เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับรถยนต์ไฮบริดจากอีกหนึ่งค่ายรถยนต์ยนต์อย่าง Honda  ที่ทุบโต๊ะเรื่องราคาไม่ใช้แค่รถสำหรับคนรวยอีกต่อไปจากการประกาศราคาระดับ 7 แสนบาทกลางในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดได้ และมันำให้ตลาดรถยนต์ร้อนระอุขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะรถยนต์กลุ่มประหยัดพลังงานที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง

                การมาของรถยนต์ Honda Jazz Hybrid  นอกจากจะสร้างกระแสในการทำให้คนไทยที่กำลังจะซื้อรถใหม่มีความตระหนักในการหันมองเทคโนโลยีใหม่ที่ให้ความประหยัดและสร้างสรรคืสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสังคมแล้ว ฮอนด้าเองยังต้องการแสดงถึงจุดยืนในแง่ของการรักษาสิงแวดล้อมตามพันธกิจใหม่ของบริษัท

รถไฮบริด

                นายพิทักษ์ พฤกธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโต้โมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าเชื่อมั่นว่า จะได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากลูกค้าชาวไทย แจ๊สไฮบริดที่เปิดตัวมานี้เป็นหนึ่งเทคโนลยีไฮบริด ทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนออกไซด์ต่ำเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประการสำคัญยังเป็นรถไฮบริดที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้

                ทั้งนี้ฮอนด้าได้เปิดราคารถยนต์ ฮฮอนด้า แจ๊สไฮบริด โดยวางจำหน่ายอย่างเป็นทางกในราคาเดียวคือ 768,000 บาท โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 14 แรงม้า โดยทำงานแบบไฮบริดคู่ขนาน มุ่งเน้นการลดการทำงานเครื่องยนต์เป็นสำคัญ

                อย่างไรก็ดีแม้จะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาด แต้เมื่อกลับไปถึงปฐมบททางด้านตลาดไฮบริดคงไม่มีค่ายไหนที่จะทำให้ไทยตลาดนี้ได้ดีไปกว่าเจ้าตลาด โตโยต้าที่ออกมาเปิด Toyota Camry Hybrid  และมียอดจำหน่ายที่ล้นหลามจนนำมาสู่การเปิดตัวรถยนต์ Toyota Prius  และล่าสสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก้มีการแนะนำ Toyota Camry Hybrid  ใหม่อีกครั้ง

รถไฮบริด

                บทบาทของโตโยต้าเองต่อตลาดไฮบริดนับว่าเป็นเรื่องปฏิเสธไม่ได้และในมุมองต่อกลุ่มตลาดใหม่นี้ นายวิเชียร์ เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้เปิดเผยออกมาผ่าน หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เมื่อไม่นานมานี้ว่า การมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ตลาดรถยนต์ไฮบริดได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันของโตโยต้าเองก็มีอยู่แล้วในรถหรูพีเมี่ยม ทั้ง พรีอุม คัมรี่ หรือเล็กซัส ส่วนจะนำมาลงติดในรถขนาดกลางหรือขนาดเล็กหรือไม่นั่นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทแม่

                อย่างไรก็ดีเมื่อมองแน้วโน้มไทยกับตลาดไฮบริดหรือรถยนต์ที่มีกานรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานแล้ว ก่อนหน้านี้ นายโนโบยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิด เผยถึงแนวคิดของบริษัทต่อภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ว่า รัฐน่าจะพิจารณาเลือกโปรดักส์แชมป์เปี้ยนตัวต่อไปเป็นรถไฟฟ้า ต่อจากรถปิคอัพ และรถประหยัดพลังงาน หรือ "อีโค่คาร์" เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ของอาเซียน จึงควรพิจารณาพัฒนาเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก ซึ่งในอเมริกาและยุโรป ต่างก็สนับสนุนการใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งรถยนต์ไฮบริดและรถไฟฟ้า

รถไฮบริด

                โดยนาย โนโบยูกิ ได้เปิดเผยต่อไปว่า มิตซูบิชิมีแนวคิดในเรื่องของรถไฟฟ้าหรือไฮบริดเสียบปลั๊ก โดยจะจับมิตซูบิชิ มิราจมาพัฒนาต่อยอดต่อไป เพียงแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจในการพัฒนาว่าจะเป็นที่ใดกันแน่    

                ทั้งนี้แม้จะยังไม่มีการประกาศออกมา แต่ภายในปีนี้จะมีการเปิดเผยแผนแม่บทอุตสาหกรรมยานยนต์ฉบับที่ 3 ซึ่งจะมีกำหนดระยะเวลาใช้งาน 5 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2555-2559 ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเรียกประชุม ซีอีโอ ฟอรั่มของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งแต่ละแผนจะมีการผลักดันผลิตภัณฑ์หรือโปรดักท์แชมเปี้ยน และก็มีกระแสว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะมุ่งเน้นในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า หรือไฮบริด เพื่อตอบสนองนโยบาย Detroit of Asia ที่ได้ริเริ่มมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา