ติดแก๊ส- E85-ดีเซล- ไฮบริด .. หนทางไหน ประหยัดสุด ...
ทุกวันนี้ราคาน้ำมันถือว่าแนสิ่งที่คนใช้รถใช้ถนนทั่วโลกต่างขยาด ยิ่งกับบ้านเราเองก็ค่อนข้างที่จะมีกระแสตอบรับในแง่ของความประหยัดอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการหาหนทางเลือก ที่มีมากมายแต่ที่เรามักพูดถึงคือว่า เขาเล่ามาว่ามันดี และเราก็เชื่อแบบนั้น ถือว่าเป็นทางออกที่ไม่ถูกต้องในการตัดสินใจ หากแต่ต้องอาศัยข้อมูล ที่มาเป็นตัวตรวจสอบกัน
หนทางประหยัดไหนจะดีที่สุด เราเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า ทำไมเราจึงควรเลือกเส้นทางเหล่านี้ และต่อไปนี้คือการเปรียบเทียบในแต่ละเส้นทางว่าด้านไหนที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับคุณ
ติดแก๊ส
ทางประหยัดที่หลายคนมักได้คำแนะนำมาและมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะต้องพูดถึง เพราะด้วยปัจจุบันมีหลายคนหันมาหาทางนี้กันเยอะ หลังราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันการติดแก๊สมี 2ประเภทใหญ่คือ ก๊าซ LPG และ ก๊าซ CNG ซึ่ง ทั้ง 2 ต่างก็มีแนวทางที่มีเหมือนกัน คือ ปรับแต่งรถให้สามารถใช้พลังงานก๊าซและน้ำมันได้
ในการดำเนินการติดตั้งก๊าซนั้น ก็มีหลากหลายวิธีตั้งแต่ระบบพื้นฐานที่ใช้การดูดร่วมเข้าไปกับอากาศหรือ Fix Mixer ที่มีราคาตั้งแต่หมื่นบาทต้นๆ ไปจนถึงราคาระดับสองหมื่นการด้วยการควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าเอาความแม่นยำมาก ต้องติดตั้งระบบหัวฉีดที่มีค่าใช้จ่ายเริ่มตั้งแต่ 3 หมื่นบาทเป็นต้นไป ส่วนทางด้าน CNG ก็มีการติดตั้งเฉพาะระบบหัวฉีดเท่านั้น
หากมองในแง่การใช้งานแล้ว เมื่อเราติดตั้งระบบก๊าซก็จำเป็นต้องมีเงินก้อนส่วนหนึ่ง ที่จะมาทำให้รถสามารถรองรับการใช้งานก๊าซได้ และถ้าเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันเราจะต้องนำเงินที่ซื้อน้ำมันราวๆ 300 ลิตร หากเทียบกับการติดตั้งแก๊สระบบดูดธรรมดา (เทียบกับราคาน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 ) มาใช้ในการใช้จ่าย และ ถ้าคุณอยากติดตั้งระบบหัวฉีดก็ตจะมีเงินมากพอที่จะซื้อน้ำมันถึง 875 ลิตร ไว้สำหรับเดินทาง ซึ่งหากเทียบค่าเฉลี่ยอัตราประหยัดที่ 12 ก.ม./ลิตร เป็นพื้นฐานสำหรับรถทุกรุ่น แค่เพียงเริ่มติดแก๊สคุณจะต้องใช้เงินที่สามารถเดินทางได้ถึง 3600 ก.ม. และ 10,500 ก.ม. ตามลำดับ ไปก่อนที่จะเริ่มได้ความประหยัดกลับมา และมันไม่ได้ช่วยให้รถประหยัดขึ้น นอกจากเพียงแค่จ่ายค่าพลังงานน้อยลง
แน่นอนการคืนทุนอาจจะใช้เวลายาวนานหรือสั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้รถยนต์คันยาวนานและบ่อยแค่ไหน แต่สัจจะธรรมข้อหนึ่งคือว่า เครื่องยนต์ปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการติดตั้งแก๊สและแก๊สไม่ว่าแบบใดก็ก่อให้เกิดความร้อนในการเผาไหม้ที่สูงกว่าปกติ ทำให้เกิดการสึกหรอที่รวดเร็วกว่า แต่มีดีที่ว่ามันสามารถทำได้กับรถทุกรุ่น ทั้งเก่า/ใหม่
E85 ...อีกทางประหยัดที่น่าสนใจ
แม้จะยังไม่เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง ด้วยส่วนหนึ่งสถานที่จำหน่ายน้ำมัน E85 ยังไม่มากพอที่จะทำให้มันน่าสนใจเมื่อเทียบกับ E20 ที่มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหงแล้ว ทว่า ปัจจุบันในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมารถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก E85 ในราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้พร้อมสรรพจากโรงงาน
ข้อดีข้อหนึ่งของระบบน้ำมัน E85 คงต้องยอมรับว่า มันให้การตอบโจทย์ที่ลงตัวและพร้อมใช้งานจากโรงงาน คุรไม่ต้องไปติดตั้งให้เมื่อยตุ้ม ทุกอย่างพ้อใช้งานแต่อย่างที่บอกว่า คุณจะหาเติมน้ำมัน E85 ได้ ก็ยากสักหน่อย ทว่าด้วยราคาที่ปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ลิตรละ 21.98 บาท ทำให้มันมีราคาถูก และการดูแลก็เท่าๆกับรถยนต์ทั่วไป เพียงแต่อัตราประหยัด อาจจะน้อยกว่าบ้างในบางรุ่นเมื่อเทียบกับการใช้งานน้ำมันธรรมดาทั่วไป
ด้วยเหตุนี้ทางออกในการประหยัดด้วยการเติมน้ำมัน E85 จึงน่าสนใจ เพราะอย่างน้อยถ้าคุณใช้หรือหาเติม E85 ไม่ได้ก็ยังสบายใจว่ารถที่ขับรองรับพลังงานทางเลือก E20 ได้อย่างแน่นอน และไม่เกี่ยงว่าจะใช้ในเขตเมืองและการเดินทางต่างจังหวัด
ดีเซล..เหมาะมากกว่าในการขับทางไกล
หากถามว่ายังมีหนทางอื่นหรือไม่ในความประหยัด แน่นอนว่ามันยังมีอีกมาก และปัจจุบัน น้ำมันดีเซล ก็กลายมาเป็นที่นิยม ด้วยราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนักในราคาลิตรละ 30 บาท โดยเฉลี่ย ทำให้รถยนต์นั่งหลายรุ่นเริ่มปรับเปลี่ยนมาสู่การใช้เครื่องยนต์ดีเซล หรือไม่ก็อาจจะลองมาขับกระบะที่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีดีขึ้นจนเทียบชั้นรถเก๋งได้แล้ว
การหันมาหาเครื่องยนต์ดีเซลในแง่หนึ่งคือ เครื่องยนต์ดีเซลให้สมรรถนะที่ตอบสนองได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และพร้อมกันยังให้ความลงตัวในแง่ของการใช้งาน โดยเฉพาะอัตราประหยัดที่สามารถทำได้ดีขึ้นตามลำดับ โดยปัจจุบันมันมีอัตราประหยัดโดยเฉลี่ยที่ 14-16 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับการเดินทางไกล และกับการขับขี่ในเมืองเองก็ใช้ได้ดี ด้วยแรงบิดสูงในรอบต่ำ ทำให้สามารถเดินคันเร่งน้อยแต่สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ซึ่งหมายถึงความประหยัดที่มากขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ในปัจจุบัน ราคาน้ำมันดีเซลจะมีราคาถูกอยู่แล้ว แต่ก็มีโอกาสที่จะถูกไปกว่านี้อีกในอนาคต ด้วยการพัฒนาไบโอดีเซล ที่สามารถเพิ่มอัตราผสมได้อีก อย่างเช่นที่เคยมีมาแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมากับไบโอดีเซล ซึ่ง ปัจจุบันใช้อยู่ในอัตราร้อยละ 2 หรือ B2 และมันก็ไม่ได้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไร เลย
ไฮบริด- ...ไฮเทค-ประหยัด และรักษาสิ่งแวดล้อม
อะไรคือทางที่ดีที่สุดในการประหยัดน้ำมัน เคยตั้งคำถามหรือไม่ และหนทางนั้น คือการลดการใช้เครื่องยนตืในการขับเคลื่อน ซึ่งวิศวกรยานยนตืต่างก้คิดเช่นกันและนำมาสู่การผสมผสานเครื่องยนต์กับระบบขับเคลื่อนยุคใหม่ อย่างมอเตอร์ไฟฟ้า และนั่นคือทางออกและที่มาของระบบไฮบริดนั่นเอง
เทคโนโลยีไฮบริดที่มีในปัจจุบัน โดยมากได้รับการพัฒนามาเป็นรุ่น 2 และ 3 แล้ว โดยระบบส่วนใหญ่จะใช้วิธีที่เรียกว่าไฮบริดคู่ขนาน กล่าวคือให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานมีบทบาทสำคัญในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำ เช่นการออกตัวจากการหยุดนิ่ง การใช้ความเร็วต่ำ ทั้งหมดจะใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นสำคัญ ซึ่งทำให้ลดการใช้งานเครื่องยนต์ ส่งผลต่อความประหยัดโดยตรง และยังเป็นการลดมลพิษด้วย ในตัวที่สามารถได้อัตราประหยัดที่แน่นอน โดยที่ไม่จำเป็นต้องขับประหยัด
แน่นอนว่า แม้จะมีข้อดีในแง่ของการลดการใช้เครื่องยนต์และอื่นๆ อีกมาก แต่มอเอตร์ไฟฟ้าก็ต้องการชุดแบตเตอร์รี่ ซึ่ง เป็นสิ่งที่หลายคนกังวลมาก ด้วยราคาของมันที่ก็ต้องเป็นที่ยอมรับว่ามีราคาที่ค่อนข้างแพง ทำให้กลายเป็นช่องโหว่ให้คนบางกลุ่มมาพูดอย่างเข้าใจผิดในเรื่องราคาของแบตเตอร์ซึ่ง ในต่างประเทศ แบตเตรอ์รี่ไฮบริดเอง ก็มีราคาไม่แพงมากนัก อย่างเช่น Toyota Prius ปัจจุบันที่อังกฤษมันมีราคาเพียง 2400 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 79,000 บาท แต่แน่นอนว่ายังไม่รวมค่าติดตั้งที่ต้องอาศัยผู้ชำนาญการ
อย่าไงก็ดี มีรายงานมากมายเกี่ยวกับชุดแบตเตอร์รี่ไฮบริดว่ามันมีอายุการใช้งานที่ยาวนานพอสมควร โดยมันมีอายุอย่างน้อย 8 ปี ซึ่งจากรายงานของโตโยต้าในต่างประเทศระบุว่า ตั้งแต่ขายพรีอุสมายังไม่เคยมีลูกค้ามาเปลี่ยนแบตเตอร์รี่เพราะว่ามันหมดอายุเลยสักครั้ง ในขณะที่มีรายงานว่ารถยนต์ Honda Insight มีอายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่ราวๆ 175,000 ไมล์ หรือ 280,000 กิโลเมตร และเมื่อไม่นานมานี้มีการวิจับ ที่ชี้ชัดว่าแบตเตอร์รี่ไฮบริดจะอยู่ได้นานถึง 470,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว
แน่นอนหนทางประหยัดของแต่ละคนอาจจะมีทางเลือกที่ไม่เหมือนกันในการใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุดต่อการเดินทาง ทว่าสิ่งที่ควรคิดให้ดีที่สุดคือว่าความคุ้มค่าในการใช้งาน อย่าเพียงฟังเขาเล่ามาว่า แต่สิ่งท่าสำคัญที่สุด คือคุณต้องตัดสินใจให้ดี และพยายามมองค่าใช้จ่ายที่แฝงอยู่ ..ไปพร้อมกันด้วย
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ