Sanook! Drive : Suzuki Swift M/T เลิศมากในความสปอร์ต
เรียกว่ากลายเป็นม้ามืดแห่งวงการรถอีโค่คาร์ไปแล้ว สำหรับ Suzuki Swift ที่ปรับร่างเปลี่ยนโฉมยัดเครื่อง 1.2 ลิตร ให้ความประหยัด 20 กิโลเมตร/ลิตร ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี จนยอดจองที่ล้นหลามทำเอา Suzuki ปวดหัว ไปตามๆ กัน ส่วนผู้ซื้อก็เฝ้ารอรถกันอย่างใจจดจ่อ
ตั้งแต่เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ Suzuki Swift กลายเป็นที่กล่าวถึงอย่างมาก และหลังจากเวอร์ชั่นเกียร์อัตโนมัติ ที่วันนี้มันก็พร้อมแล้วสำหรับเวอร์ชั่นเกียร์ธรรมดา ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนนี้ ตามคำบอกเล่าของ Suzuki
การมาถึงของ Suzuki Swift M/T เป็นการจับเรือนร่างเดิมเติมออพชั่นมากยิ่งขึ้น โดยในการแนะนำรุ่นเกียร์ธรรมดาสู่ตลาด Suzuki ตัดสินใจเลือก 2 รุ่นร่างขึ้นมาให้ทางเลือกมากยิ่งขึ้นได้แก่รุ่น GA และ GL ซึ่ง ในเรื่องการออกแบบภายนอกของตัวรถไม่ได้มีการเปลี่ยนอะไรจนเป็นสิ่งที่เป็นประเด็นสังคม ทั้งหมดยังคงใช้พื้นฐานสปอร์ตดั้งเดิม
เริ่มตั้งแต่การออกแบบในสไตล์สปอร์ตทันสมัยที่ยังมีให้เห็นมาพร้อมกระจังหน้าแบบรวงผึ้งที่ให้ความงดงาม ดูดีลงตัวในสไตล์ของรถที่ให้ความสปอร์ตเร้าใจมากกว่าเป็นสำคัญ ในขณะที่เริ่มตัวถังขนาดที่ใกล้เคียงกับรถซิตี้คาร์ ด้วยกว้าง 1.915 เมตร ยาว 3.85 เมตร และสูงเพียง 1.510 เมตร ให้ฐานล้อกว้าง 4.230 เมตร ในการขับขี่ มาพร้อมล้อกระทะขอบ 15 นิ้ว บวกยาง 175/65/R15 และเมื่อพูดถึงภายนอก Swift M/T ก็ขาดการตบแต่งบางอย่างไป เช่นกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว หรือ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ที่มีอยู่ในรุ่นท๊อป
ด้านในห้องโดยสารโดยรวมก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ถึงอย่างงั้นออพชั่นที่สำคัญๆ บางรายการเราก็ไม่เห็นในรถเกียร์ธรรมดา โดยเฉพาะระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่จะมีมาให้ในรุ่นท๊อป ส่วนนอกนั้นก็เหมือนกับที่เคยได้เห็นมา ไม่ว่าจะเบาะคอนโซลหน้า หรือรายละเอียดการตบแต่งที่ให้อารมณ์สปอร์ตในการขับขี่มากว่า ที่วันนี้เราขับรุ่น GL ก็มาพร้อมหัวเกียร์สีเงิน พร้อมการบอกตำแหน่งเกียร์ 5 สปีด ที่เราคุ้นเคยดีอยู่แล้ว
ในที่สุดก็ได้เวลาที่เราจะไปลองเจ้า Suzuki Swift แม้เราจะเคยผ่านมือรถรุ่นนี้มาบ้างแล้ว แต่การขับในขากลับกทม.นี้ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างตื่นเต้นในการขับขี่ ด้วยนี่คือรถที่มีความสปอร์ตเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากเครื่องขนาด 1.25 ลิตร 91 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที และ ให้แรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตร 4800 รอบต่อนาที
การปรับเปลี่ยนมาสู่ระบบเกียร์ธรรมดาครั้งนี้ โดยรวมไม่ได้มีอะไรไปยุ่งเกี่ยวกับเครื่องยนต์แม้แต่น้อย แต่แค่เพียงการปรับเปลี่ยนลูกเกียร์ของระบบส่งกำลังที่ให้อัตราทด 5 จังหวะ เริ่มต้นที่เกียร์ 1 ที่ 3.454 แล้วไล่เรียงไปเรื่อยตั้งแต่1.857,1.28,0.966 และที่เกียร์ 5 สุดที่อัตราทด 0.757 ซึ่งเมื่อเทียบกับอัตราทดของระบบเกียร์ C VT ก็ต้องยอมรับว่า มีอัตราทดที่สูงกว่า จากอัตราทด 4.006-0.550 ของระบบเกียร์ CVT ทำให้ในเกียร์ธรรมดา ต้องมีการปรับอัตราทดไปอยู่ที่ 4.381 แทนที่จะใช้อัตราทดเดิมที่ 3.7
การปรับอัตราทดใหม่นี้ ช่วยให้ Suzuki Swift มีอัตราเร่งที่ดีขึ้นและเมื่อเรื่มต้นการเดินทางที่เราได้ขับในตอนขากลับยังกทม. เราย่ำคลัทช์เข้าเกียร์ก็พบว่า เจ้า Suzuki Swift M/T มาพร้อมความสบายในการขับขี่จากระบบคลัทช์ไฮโดรลิก ที่ให้ความนิ่มนวลมากจนขับได้อย่างง่ายได้ แม้แต่กับผู้ที่ไม่เคยขับเกียร์ธรรมดามาก่อน
หลังออกตัวเราเดินทางไปตามถนน 2 เลน ในสวนผึ้ง ด้วยกำลังเครื่อง 1.25 ลิตร 91 แรงม้า ฟังดูอาจจะไม่ได้ปรู๊ดปร๊าดมากนักเมื่อต้องขับขี่ แต่เมื่อมันมาอยูในระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา ก็ให้สมรรถนะมากขึ้นอย่างชัดเจนในการขับขี่ ด้วยการตอบสนองในอัตราเร่ง ที่รู้สึกได้ทันทีที่จุ่มคันเร่งลงไป
ส่วนหนึ่งด้วย Suzuki Swift M/T ได้อัตราทดเฟืองท้ายที่สูง ทำให้สามารถเร่งได้ดีจนน่าประทับใจในความสปอร์ตที่มีบุคคลิกแตกต่างจากรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และนับหนึ่งมันก็ทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นในการขับขี่ในยามใช้ความเร็ว
การเดินทางของเราในช่วงถนน 2 เลน สวนนี้ ให้ความลงตัวในเรื่องความรู้สึกแต่เมื่อเหลียวดูมาตรวัดรอบ เราก็พบว่ามันใช้รอบเครื่องสูงเช่นกัน โดยที่ ความเร็ว 90 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงานที่ 2500 รอบต่อนาที และเมื่อเราใช้ความเร็ว 110 ก.ม. /ช.ม. ก็ได้รอบเครื่องยนต์ที่ 3050 รอบ โดยประมาณ และเมื่อ ทำความเร็วราวๆ 120 ก.ม./ช.ม. มันก็สูงถึง 3350 รอเลยทีเดียวในการขับขี่
เรื่องรอบเครื่องอาจจะมีความน่ากังวลบ้างแต่ถ้าพูดถึงความสนุกสนานในการขับขี่มันก็ทำให้เราลืมไปเสียสนิท ด้วยส่วนหนึ่ง การเปลี่ยน ระบบเกียร์จะทำให้น้ำหนักของรถลดลงจากเดิม โดยในรุ่น GL ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นเกียร์อัตโนมัติมันเบากว่าถึง 10 ก.ก. (เกียร์ธรรมดา อยู่ที่ 950 ก.ก. เกียร์อัตโนมัติ 960 ก.ก. ) และแน่นอน เมื่อรวมกับพิกัดของพวกเรา ที่มีผู้นั่งและสัมภาระ เหมาะรวมเป็น 1,100 ก.ก. โดยประมาณ มันก็จะแบกน้ำหนักเฉลี่ยราวๆ 12.2 /1 แรงม้า ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกับรถสปอร์ตเลยทีเดียว
ระบบกันสะเทือนก็เป็นอีกสิ่งที่น่าประทับใจ เพราะตั้งแต่ที่เราได้ขับเกียร์อัตโนมัติ มันก็หนึบหนับจนเราติดใจในการขับขี่ และในรุ่นเกียร์ธรรมดานี้มันก็ดูเหมือนจะมีการปรับแต่งเล็กน้อยในช่วงล่าง โดยเฉพาะทางด้านหน้าของรถ ด้วยส่วนหนึ่งเมื่อเครื่องยนต์ผนวกเกียร์ธรรมดา จะมีน้ำหนักเบาลงเล็กน้อย
จากการขับขี่ของเราเองก็ยืนยันได้ในเรื่องนี้ เพราะสมรรถนะของรถมีความแตกต่างแต่ก็ยังอยู่ในบุคคลิกช่วงล่างแบบสปอร์ต โดยเฉพาะการเข้าโค้งที่ความเร็วสูงเจ้า เกียร์ธรรมดาจะทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน แม้ต้องยอมรับว่าการปรับเกียร์เองตามใจจะให้ความมั่นใจกว่าในด้านความรู้สึกและการถ่ายน้ำหนักของรถขณะเข้าโค้ง แต่การตอบสนองของช่วงล่างเจ้าเกียร์ธรรมดา กับตอบสนองรวดเร็วและเฉียบคมว่องไว จนหลุมบ่อบางหลุมอาจจะหายไปถ้าคุณขับเร็วพอ
เรื่องหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นจุดบอดของ Suzuki Swift เกียร์ธรรมดาก็คงเป็นในส่วนของการยกเลิกระบบเบรก ABS ออกไป แต่ Suzuki ก็ใส่ Dp Valve ที่ช่วยในการกระจายแรงเบรก ซึ่งแม้เราจะตระหนักเรื่องนี้ดีแต่ในระหว่างการขับขี่เรากลับรู้สึกว่าระบบเบรกของ Suzuki Swift เกียร์ธรรมดาให้ความรู้สึกที่ดีกว่าในการลดความเร็วหรือหยุด แม้ต้องยอมรับว่า การเบรกแรงๆ อาจจะได้ยินเสียดเอี้ยด!! ยาวๆ ตามมา แต่อีกนัยก็คือตอบสนองในความสปอร์ต
เราขับมาเรื่อยในระหว่างที่กลับ กทม. โดยใช้ความเร็วพอสมควร แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือว่า รถ Suzuki Swift เกียร์ธรรมดา ยังทำได้ดีในเรื่องของความประหยัดด้วย ตัวเลขบนหน้าปัดที่เราจบทริปบนหน้าปัด ยืนยัน ได้ที่ 19.9 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่ายังสมน้ำสมเนื้อในความเป็นอีโค่คาร์ของมัน
Suzuki Swift เกียร์ธรรมดา อาจจะเป็นตัวเลือกที่หลายคนมองข้าม ด้วยระบบเกียร์ที่อาจจะต้องให้ได้ใช้กำลังแขนและขาในการขับขี่เพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ให้อารมณ์สปอร์ตอย่างเต็มเปี่ยมและความประหยัดที่ลงตัวจนไม่สามารถมองข้ามไปได้ ยิ่งตอนนี้ใครที่จองรถไว้แล้ว และกำลังรอรถ แต่ในใจก็อยากได้รถเร็วขึ้น ลองเปลี่ยนทางเลือกเป็นเกียร์ธรรมดาคุณก็จะได้รับรถทันทีเลยล่ะ ...แต่ในจำนวนจำกัดนะ ...
ผลการทดสอบ Suzuki Swift เกียร์ธรรมดา
เส้นทาง อ.สวนผึ้ง-กทม.
การทำงานเครื่องยนต์ที่เกียร์ 5
ใช้ความเร็ว 80 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 2250 รอบต่อนาที
ใช้ความเร็ว 90 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 2500 รอบต่อนาที
ใช้ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 2750 รอบต่อนาที
ใช้ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 3050 รอบต่อนาที
ใช้ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 3350 รอบต่อนาที
อัตราประหยัดจากการขับขี่ 19.9 ก.ม./ลิตร หมายเหตุ อ้างอิงจากหน้าปัดของรถ
*อนึ่ง เนื่องจากการทดสอบในครั้งนี้เป็น Group Test ทางผู้เขียนจึงยังไม่ขอให้คะแนนจากการขับขี่
อัลบั้มภาพ 45 ภาพ