จากตั้งด่านถึง "ขวัญ" อุษามณี ตร.จราจรไทย ได้เวลาสร้างมาตรฐานใหม่รึยัง??

                จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ในชั่วข้ามคืน สำหรับกรณีล่าสุดของขวัญอุษามณี ที่เธอโพสข้อความตำรวจในอินสตราแกรม โดยระบุถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีของตำรวจที่มีต่อเธอ หากแต่เหตุการณ์ที่เราไม่อาจทราบได้นี้ ทำให้หลายคนที่ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างดี คงจะรู้สึกไปในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจจราจรในปัจจุบัน

                ใครที่ใช้รถใช้ถนนเป็นประจำคงจะคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการจราจร หรือเราอาจจะเรียกผู้เสียสละเหล่านี้ว่า "ตำรวจจราจร" แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไปสังคมที่รถยนต์มากขึ้นในแต่ละวันทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งเครียดจนนำมาสู่เหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ที่ทั้งเป็นข่าวและไม่เป็นข่าว ที่เกิดขึ้นในสังคม

 

                การสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมตำรวจจราจรก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญใช่น้อย โดยเฉพาะเมื่อการตั้งด่านสกัดจับหรือด่านตรวจ กลายมาเป็นที่นิยมอย่างมาก แทบทุกหัวระแหง และจากการอำนวยความสะดวกต่อประชาชนกลายมาเป็นสร้างความลำบากมากในการใช้รถใช้ถนน

                ข้อเท็จจริงเหล่านี้ ตกอยู่ในสายตาของ พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. ดูแลงานจราจร ที่ออกมาเปิดเผยถึงการเตรียมปรับกลยุทธ์ใหม่ของจราจรในกทม.หลังการประชุมเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการห้ามตั้งด่านในตอนกลางวัน หรือก่อนเวลา 21.00 น. แต่ใช้วิธีการการจับในความผิดในเหตุเฉพาะหน้าแทน ใน 12 ข้อหาหลักด้านการจราจร ประกอบด้วย 1.ข้อหาแข่งรถในทาง 2.ขับรถเร็ว 3.แซงในที่คับขัน 4.เมาแล้วขับ 5.ขับรถย้อนศร 6.ไม่สวมหมวกนิรภัย 7.จอดรถซ้อนคัน 8.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 9.มลพิษควันดำ 10.จอดรถในที่ห้ามจอด 11.การจอดรถบนทางเท้า และ 12.การขับรถบนทางเท้า ซึ่งนำมาสู่เหตุการณ์ต่อเนื่อง

 

                เรื่องราวของสาว "ขวัญ" อุษามณี ที่โพสข้อความต่อว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ชัดเจนในเรื่องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จราจร แม้ในช่วงวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา จะมีโต้แย้งทั้งระหว่างขวัญที่ออกมาขอโทษที่จำผิดสน. และยอมรับเรื่องการทำผิดกฎ จราจรหรือจะเป็นเจ้าหน้าที่ พีรรัฐ โยมา เจ้าหน้าที่ตัวละครในเหตุการณ์  ที่ออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่นำมาสู่การเรียกรถของสาว "ขวัญ" อุษามณี

                แม้เหตุการณ์จะมีการกล่าวไปในทางเดียวกัน แต่ก็มีการโต้แย้งกันในเรื่องของคำพูดที่ใช้ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งยากที่จะคาดเดา นอกจากคู่กรณีทั้ง 2 แต่ข้อหนึ่งถ้ามองจากมุมมองของคนใช้รถใช้ถนนเป็นประจำ ก็กลายเป็นการรับรู้ในภาครวมว่า ตำรวจ มักจะใช้คำพูดที่ไม่สุภาพต่อประชาชน แม้การที่ตำรวจเรียกจะเป็นการตักเตือนหรือไม่ก็จับปรับการกระทำความผิดของผู้ขับขี่เอง

 

                ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.วรศักดิ์  ก็มีแนวคิดดีๆ ในการปรับภาพลักษณ์ อย่างเช่นการจัดทำใบเตือนเพื่อเป็นการตักเตือนเหตุก่อนที่จะทำการจับปรับจริง ไปจนถึงแนวคิดสุดล้ำในการจัดหากล้องกระดุม  และอาสาสมัครจราจร ในการคอยกวดขันผู้ขับขี่ด้วยการบันทึกคลิปวีดีโอ หรือภาพ ซึ่งจะเป็นการสร้างหลักฐานในการนำเสนอต่อชั้นศาลต่อไป ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรมากขึ้น และลดหน้าที่ของตำรวจจราจรในการกวดขันผู้ขับขี่ แต่ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยแทน ถือเป็นการสร้างโฉมหน้าใหม่ของวงการตำรวจจราจรไทยเลยทีเดียว

                แม้ท้ายที่สุดนี้ เราคงต้องยอมรับว่า การปรับหรือสร้างมาตรฐานใหม่อาจจะฟังดูยากกับเรื่องของตำรวจจราจรไทยและประชาชน ที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน ในสังคมบ้านเรา แต่นั่นก็ยังไม่สายเกินแก้ เพียงแต่ตำรวจจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าท้ายที่สุดเงินเดือนที่ตำรวจได้รับนั้นก็มาจากภาษีของประชาชน ดังนั้นการสร้างบรรยากาศใหม่ๆในการใช้รถใช้ถนน ก็อาจจะเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน และมันยังช่วยลดความเครียดบนท้องถนนด้วย

 

เรื่องโดย ดินน้ำมัน

ภาพจาก  gettyimage