Sanook! Drive : Chevrolet Volt ตัวจริงรถไฟฟ้าที่รอความชัดเจน
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถ้าใครยังจำได้ในงาน BOI Fair ที่เริ่มวาดลีลาตั้งแต่ต้นปี ถือเป็นงานที่เรียกว่ารวมสุดยอดเทคโนดลยีต่างๆเอาไว้มากมาย และค่ายรถยนต์หลายเจ้าต่างก็มาพร้อมการอวดเทคโนโลยีใหม่มากมาย รวมถึงในส่วนของยานยนต์แห่งอนาคต ที่รถไฟฟ้าคือคำตอบของโลกวันหน้า
แนวคิดในเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ต้องยอมรับว่าใหม่ สำหรับประเทศไทยไม่แพ้รถยนต์ไฮบริด แต้ในขณะที่หลายค่ายพยายามมานักต่อนัก แต่ Chevrolet ดูจะมองการไกลมากกว่าแค่แนะนำให้รู้จัก เพราะล่าสุดพวกเขาก็ใจปล้ำพาเราไปขับ Chevrolet Volt รถไฟฟ้าตัวเป็นๆที่ยังไม่ได้เปรยว่าจะวางจำหน่าย แต่ถ้าถามความเป็นไปได้ก็มีอย่างแน่นอน
การออกมาเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการของ Chevrolet Volt นี้เป็นไปตามความต้องการของ Chevrolet หลังจากที่ส่งรถรุ่นนี้วางจำหน่ายในหลากตลาดสำคัญ ทั้งอเมริกา,ยุโรป รวมถึงในเอเชียก็จำหน่ายแล้วในประเทศจีน ซึ่งเอเซียก็เป็นตลาดที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
ด้วยมุมมองนี้เองทำให้ Chevrolet สู้ลงทุนในการนำรถยนต์ Chevrolet volt เข้ามาให้ได้เราสัมผัสกันเป็นคนกลุ่มแรกๆของประเทศไทย ที่จะได้ขับจริงกับรถไฟฟ้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตอันใกล้ มันอาจจะเป็นตัวเลือกหนึ่งของการเดินทางจากค่ายโบว์ไทน์
ภายนอกทันสมัย เน้นหนักความสปอร์ต
ตั้งแต่เห็นตัวเป็นๆครั้งแรกในงาน BOI Fair ที่พาวิลเลี่ยนของเชฟวี่ Chevrolet Volt จัดว่าเป็นพระเอกที่หลายคนชื่นชอบ ภายใต้การนำเสนอผ่านเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แต่ถึงแบบนั้น ก็ยังไม่ละเลยที่ใสใจในส่วนของเส้นสายการออกแบบ ที่ลงตัวในการผสานระหว่างความทันสมัยและความสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกัน และในบางมุมรถคันนี้ก็แอบหรูหรามาพร้อมกันด้วย
ใบหน้าเริ่มต้นในการใส่ใจรายละเอียดเน้นการออกแบบที่ลงตัวสปอร์ตทันสมัย ทำให้ Chevrolet Volt มีความแตกต่างจากรถยนต์ที่วางจำหน่ายในปัจจุบันชัดเจน กระจังหน้าถูกปิดเน้นการลู่ลมมากกว่าระบายความร้อนของเครื่องยนต์ แล้วต่อเนื่องเส้นสายออกสู่ด้านข้างให้ทรวดทรงคมดูสปอร์ต ตบด้วยบั้นท้ายมาในแบบทันสมัย และน่าหลงใหลยามเคลื่อนไหว ดูเป็นเสน่ห์ที่รถรุ่นอื่นๆยังไม่มี
ห้องโดยสารสุดแนว สไตล์ล้ำอนาคต
หลังจากใช้เวลารออยู่พักใหญ่ๆในที่สุดเราก็ได้เวลาแล้วในการทดลองขับ Chevrolet Volt รถยนต์ไฟฟ้าตัวจริงเสียงจริง ซึ่งเมื่อเปิดประตูก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร อารมณ์ที่ดูสปอร์ตถูกพลิกด้วยความรู้สึกคล้ายกับมานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกอย่างถูกทำให้ใช้งานง่าย และเข้าใจไม่ยากนักกับระบบสัมผัสทั้งหมด
การแสดงผลเริ่มต้นที่ตรงหน้าคนขับกับจอ LCD ให้รายละเอียดต่างๆที่จำเป็นต่อผู้ขับขี่ ทั้งความเร็วที่ขับขี่ ระยะทางที่ยังเหลือในการขับขี่ สถานะแบตเตอร์รี่ และการขับขี่ระหว่างเร่งหรือเบรก และในช่วงระหว่างชาร์จไฟ จอนี้จะแสดงผลสถานะการชาร์จไฟกับตัวรถ
พวงมาลัย 3 ก้าน แต่งเติมเข้ามาตอบสนองอุดมการณ์ความสปอร์ตที่ยังคงอยู่ในตัว พร้อมออพชั่นพวงมาลัยมัลติฟังชั่น ควบคุมเครื่องเสียงและระบบ Cruise Control ที่เราคุ้นเคยกันดี จากรถยนต์นั่งหลากรุ่นจากค่ายนี้
ตรงกลางคอนโซลหน้ามาพร้อมระบบปรับอากาศและเครื่องเสียง รวมถึงจอแสดงผล LCD ที่บอกข้อมูลต่างๆเกี่ยว Chevrolet Volt ทั้งแบตเตอร์รี่ การทำงานของรถ และ การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า โดยยังสามารถกดปรับเลือกโหมดการขับขี่ที่จะเปลี่ยนบุคลิกไปตามฟังชั่นต่างๆ ที่เราเลือก ได้แก่ Normal , Sport และ Mountain ที่ปรับรถให้เหมาะกับเส้นทางที่เราใช้งานจริง ซึ่งทั้งหมด ทำงานง่ายมากด้วยระบบสัมผัส คล้ายกับที่เราใช้ใน Smart Phone ต่างๆ
แหวก..ประสบการณ์กับยานยนต์ล้ำอนาคต
หลังเราฟังการอธิบายรายละเอียดต่างๆ พอสมควรแล้ว ก็ได้เวลาแล้วที่เราจะมาขับขี่รถคันนี้กัน โดยในการเริ่มต้น เราก็ต้องสตาร์ทรถกันและ มันก็ใช้วิธีการจิ้มลงไปที่ปุ่มสีฟ้า วางไว้ใกล้มือทางซ้ายของเรา แต่แทนที่เราจะรู้สึกสั่นสะเทือนและมีเข็มวัดรอบเครื่องยนต์ชี้มาเลข 1 Chevrolet Volt กลับนิ่งเงียบเหมือนรถไม่ได้สตาร์ท แต่หน้าจอแสดงผลตรงหน้าคนขับก็บ่งบอกแล้วว่ามันพร้อมขับขี่
ปรับเกียร์ลงมายังตำแหน่ง D เหมือนรถั่วไปในระบบเกียร์อัตโนมัติ แล้วปล่อยเบรก Chevrolet Volt ก็เริ่มต้นพาเราเดินทางไปในความก้าวล้ำของเทคโนโลยีที่ใช้ไฟฟ้าล้วน ด้วยการขับจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยชุดมอเตอร์ไฟฟ้าหลักมีกำลัง 111 กิโลวัตต์ตอบสนองแรงบิดได้ 370 นิวตันเมตร ส่วนอีกตัวหนึ่งที่จะเป็นทั้งมอเตอร์และเจนเนอร์เรเตอร์ในตัวเดียวกันให้กำลัง 55 กิโลวัตต์
ชุดมอเตอร์ไฟฟ้านี้รับกำลังไฟฟ้ามาจากแบตเตอร์รี่แบบลิเธียมไอออน ขนาด 16 กิโลวัตต์ ที่จัดวางเอาไว้เป็นลักษณะตัว T ที่ตรงกลางของรถ โดยในการชาร์จไฟ 1 ครั้งจนเต็มจะเกินเวลา6 ชั่วโมงครึ่ง และสามารถเดินทางได้ 80 กิโลเมตร จากการชาร์จไฟบ้านธรรมดาตามปลั๊กทั่วไป ซึ่ง Chevrolet Volt ยังสามารถชาร์จเร็วได้อีกด้วย โดยจะใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมงเท่านั้น
ในตอนออกตัวใครที่ขับรถเครื่องยนต์ดีเซลมาก่อน คงจะพอเข้าใจฟีลลิ่งแรงดึงหนักๆที่มาตั้งแต่เริ่มเหยียบคันเร่งลงไป และ Chevrolet Volt ก็เป็นเช่นนั้น ซึ่งการตอบสนองที่รวดเร็วของมอเตอร์ไฟฟ้า ก็ช่วยให้มันกระฉับกระเฉงพอสมควรไม่ดูอืดอาด โดยเฉพาะเมื่อเราเดินทางมาถึงตรงจุดทดสอบอัตราเร่งที่ให้เหยียบ Chevrolet Volt มิดคันเร่ง เจ้ารถไฟฟ้าคันนี้ก็พุ่งแบบต่อเนื่องดึงแบบเห็นๆในสไตล์รถสปอร์ตแม้ยังไม่ได้ขับในโหมดสปอร์ต จนต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่แค่รถที่ออกแบบมาให้ประหยัดอย่างเดียว แต่เน้นในการตอบสนองความสนุกสนานในการขับขี่ด้วย โดยตามการเคลมในเรื่องสมรรถนะของ GM รถรุ่นนี้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ใน 9 วินาทีเท่านั้น และความเร็วปลายมันก็ไม่ได้ย่อหย่อนเลยกับตัวเลข 160 ก.ม./ช.ม. แต่แน่นอนว่าเวลาสนุกของคุณอาจจะไม่มากนัก
เรื่องพวงมาลัยการบังคับเลี้ยวเอง ถือว่าตอบสนองดีมากจนเกินคาด สำหรับรถที่มีขนาดเท่ากับ C-Segment ทั่วไป ซึ่ง Chevrolet Volt ให้อารมณ์ที่กระฉับกระเฉงในการขับขี่ พวงมาลัยเองก็มีน้ำหนักเบา และแม่นยำค่อนข้างสูง ด้วยแพลทฟอร์มขับเคลื่อนแบบล้อหน้าเป็นส่วนช่วยที่สำคัญ แต่การทรงตัวก็ทำได้ดีมาก โดยเฉพาะการเซทระบบกันสะเทือนออกมาไปในสไตล์รถหรู ให้อารมณ์สุนทรีย์ในการขับขี่ ที่ทั้งนุ่มและหนึบ และไม่โยนตัว ซึ่งส่วนหนึ่งก็ยอมรับว่ามันมาจากาการจัดวางชุดแบตเตอร์รี่ที่ลงตัวในการกระจายน้ำหนัก
จุดเด่นที่สำคัญใน Chevrolet Volt ที่ได้พูดคุยขณะขับขี่ไปด้วยนั้น คือความสามารถที่เรียกว่า Extended Range หรือการยืดระยะทางการขับขี่ ซึ่งทำให้ลดข้อจำกัดในการขับขี่ผิดกับรถไฟฟ้าทั่วไปที่จะใช้ไฟจากแบตเตอร์รี่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้านึกภาพก็นึกถึงรถบังคับวิทยุที่แบตฯหมดก็จบกัน แต่ใน Chevrolet Volt นี้มีตัวช่วยกับเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร ที่จะมารับหน้าที่เครื่องปั่นไฟ ชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอร์รี่ ทำให้สามารถขับขี่ได้ต่อเนื่องอีกกว่า 490 กิโลเมตร หรือเทียบเท่าการเดินทางไปยังชุมพร ซึ่งคนที่ชอบนอกลู่นอกทางน่าจะชอบ
ลักษณะการทำงานแบบนี้เองที่ทำให้ Chevrolet Volt เป็นรถไฟฟ้าที่ไม่เหมือนใคร โดยในช่วงฟังบรรยายสรุปนั้น นาย เดวิด รีค ผู้จัดการจาก GM เมืองจีน ในส่วนงานกลยุทธ์รถไฟฟ้า ได้กล่าวว่า การทำงานของเครื่องยนต์นั้นจะมารับหน้าที่ชาร์จไฟโดยอัตโนมัติ หากแบตตอร์รี่ต่ำกว่า 30% แต่ไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นตัวหลักในการชาร์จไฟกับรถ และเครื่องยนต์นี้ยังให้ความคุ้มค่าในการรองรับน้ำมัน E85 อีกด้วย ซึ่งในเมืองจีน Chevrolet Volt เคลมอัตราประหยัดที่ 1.2 ลิตร/100 กิโลเมตร แล้วเราก็เห็นตัวเลขดังกล่าวไวๆ ในจอแสดงผลระหว่างการขับทดสอบ
ในที่สุดหลังจากเดินทางกับ Chevrolet Volt มาจนหมดรอบของเรา ก็ต้องยอมรับว่า Chevrolet Volt คือยานยนต์ที่ก้าวล้ำในอนาคตจริงๆ ด้วยส่วนหนึ่งนี่คือรถยนต์ที่ตอบโจทย์ในการใช้งานจริง โดยไม่ยุ่งยากมากมายนัก และ การให้ความสามารถที่เหนือชั้น ทำให้มันยิ่งน่าใช้ ทั้งความทันมัยไม่ว่าจะออพชั่นภายใน หรือ การขับเคลื่อนที่แตกต่างจากปัจจุบัน จนให้ความเป็นปัจเจกกับรถคันนี้
แน่นอนสิ่งเดียวที่จะทำให้ Chevrolet Volt มีความเป็นไปได้ในการเข้ามาทำตลาดในไทยคงเป็นเรื่องความชัดเจนทางด้านนโยบายของภาครัฐ ที่จะมีส่วนช่วยสำคัญในการตัดสินใจนำรถลักษณะเดียวกันนี้เข้ามาถึงมือคนไทย และนั่นไม่ได้หมายถึงเพียง Chevrolet เจ้าเดียว แต่ยังมีผู้เล่นอีกหลายรายที่รอฟังประกาศิตทางด้านนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์กันอยู่
อัลบั้มภาพ 35 ภาพ