′พริตตี้′รายได้ดี-แข่งดุ เสี่ยง′เสริมอก-สะโพกบึม′ อยากรู้มั๊ย แค่งานมอเตอร์โชว์เธอโกยรายได้เท่าไร ?
ข่าวคราวเกี่ยวกับวงการความสวยความงามนั้นมีออกมาให้เห็น เป็นระยะๆ ส่วนมากจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของอันตรายที่เกิดจากความ (อยาก) สวยแทบ ทั้งสิ้น!
อย่างในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีพริตตี้สาว น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือกระแต อายุ 33 ปี ถูกหามเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากเกิดอาการช็อกหมดสติ สมองขาดออกซิเจน หลังจากไปฉีดคอลลาเจนที่สะโพกกับคนที่อ้างว่าชื่อ "หมอป๊อป" ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว
ล่าสุด นายธนัช หรือหมอป๊อป ณัชวีระกุล อายุ 24 ปี เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ทางตำรวจแจ้งข้อหา ประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาต และประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส
ส่วนข้อหาอื่นๆ นั้นต้องรอเอกสารผลวินิจฉัยจากแพทย์ว่า ผู้เสียหายช็อกหมดสติเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ จึงจะเรียกนายธนัชมาแจ้งข้อหาเพิ่ม
เรื่อง ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่อยากเสริมสวยเป็นอย่างดีว่า ก่อนจะทำอะไรกับร่างกายของตัวเอง ควรจะตรวจสอบและเช็กให้ดีก่อนว่าสถานพยาบาลนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ และต้องถามตัวเองก่อนว่าแน่ใจแล้วหรือที่ต้องยอมเจ็บตัว แถมเสียตังค์แพง เพื่อความสวยงาม
ลองมาสอบถามความเห็นจากเหล่าพริตตี้ ดูบ้างว่า พวกเธอคิดอย่างไรบ้าง
ศุภ ดา สายทุ้ม หรือ ส้มโอ พริตตี้ของค่ายรถยนต์มาสด้า บอกว่า เรื่องความสวยความงามรูปร่างหน้าตา เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นพริตตี้ แต่เธอเองไม่ได้ซีเรียสเรื่องความสวยความงาม และไม่ได้ศัลยกรรม เพราะคิดว่า รูปร่างหน้าตาของตัวเองก็ดีพอสมควรอยู่แล้ว เรื่องศัลยกรรมนั้นเธอไม่ได้ต่อต้าน เพราะเพื่อนๆ หลายคนก็ทำ แต่หากจะไปทำ ศัลยกรรมจริงๆ ก็ขอให้เลือกโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานเพื่อความปลอดภัย
"การ ที่จะมาเป็นพริตตี้นั้นต้องมีหลายอย่างประกอบกัน ทั้งความสามารถ ความรับผิดชอบ ไม่ใช่ว่ามีแต่ความสวยอย่างเดียว" ส้มโอย้ำ และว่า เราต้องมีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ จะต้องสามารถตอบคำถามของลูกค้าให้ได้ในทุกเรื่อง แต่ยอมรับว่าหากเป็นการคัดเลือกพริตตี้เพื่อไปยืนในงานมอเตอร์โชว์นั้น จะมีการแข่งขันกันสูงมาก
สมมุติว่าในงานมอเตอร์โชว์ ค่ายรถแต่ละค่ายใช้พริตตี้ค่ายละ 6 คน ก็ต้องคัดเลือกจากพริตตี้ประมาณ 300 คน เหมือนกับการคัดเลือกประกวดนางงาม เธอเองเวลาจะเข้าไปสมัครก็ต้องดูตามสเปกของค่ายรถ หากเป็นค่ายรถของประเทศญี่ปุ่นก็จะคัดเลือกสาวรูปร่างเล็กๆ อย่างเธอเองก็อยู่ในสเปกของค่ายรถญี่ปุ่น เพราะสูงแค่ 160 เซนติเมตร สัดส่วน 32-20-35 ก็จะเหมาะกับรถคันเล็กๆ และที่เธอได้งานส่วนใหญ่นั้นก็เป็นเพราะมีความจำดี ทำให้สามารถจำสคริปต์ได้ดี
ศุภดาบอกว่า เธอรับงานเองไม่ได้สังกัดโมเดลลิ่งที่ไหน ค่าตัวจะอยู่ตั้งแต่หลักพันถึงบางที 6 หลักก็มี โดยในบางวันก็จะวิ่งรอกงานต่างๆ อย่างเคยวิ่งรอกงานสูงสุด 4 งาน มีตั้งแต่งานแถลงข่าวของหน่วยงานต่างๆ ผลิตภัณฑ์ โครงการ เวลารับงานต้องคำนวณเรื่องระยะเวลาและระยะทางที่จะเดินทางไปทำงานด้วย งานบางส่วนก็จะมาจากเพื่อนๆ ในกลุ่ม หรือบางทีก็มาจากลูกค้าโดยตรง
ทาง ด้าน น.ส.ณัชชา แหมพิวัตน์ หรือ มาร์ อายุ 25 ปี จบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย การันตีตำแหน่ง อันดับ 3 สุดยอดพริตตี้เมืองไทย จากการจัดอันดับในรายการ 5 มหานิยม เล่าให้ฟังว่า งานพริตตี้รับได้หลายอย่างแบ่งออกเป็น 1.งานอีเวนต์ เช่น โชว์เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ไอที เครื่องอุปโภคและบริโภค 2.งานฟุตบอล และ 3.งานแสดงรถ อาทิ มอเตอร์โชว์และมอเตอร์เอ็กซ์โป งานที่ได้รายได้ค่อนข้างสูงคือ การเป็นพริตตี้งานแสดงรถ หรือที่เรียกว่า ยืนรถ โดยตนได้รับรายได้รวม 36,000 บาทต่อ 12 วัน แต่พริตตี้ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ได้รายได้ 42,000 บาท หาก ได้เป็นพริตตี้ในงานแสดงรถก็ถือเป็นโอกาสที่ดี เพราะจะมีออร์แกไนเซอร์และลูกค้ามาดูตัวพริตตี้ในงานนี้กันเยอะ เป็นการต่อยอดให้ได้รับงานอื่นๆ ต่อไป
"ปกติงานแสดงรถจะคัดเลือกพริ ตตี้จาก 50-60 คน ให้เหลือเพียง 5-6 คน โดยคัดเลือก 2 วัน วันแรกออร์แกไนเซอร์จะนัดมาพูดคุย อีกวันลูกค้าหรือค่ายรถจะเข้ามาคัดเลือกอีกที แต่ละค่ายก็ต้องการพริตตี้ต่างกันไปให้ตรงตามคอนเซ็ปต์ของค่ายรถ เช่น รถซุปเปอร์คาร์ก็ชอบพริตตี้ดูเปรี้ยวและเซ็กซี่ แต่ถ้าเป็นรถดูน่ารักก็จะอยากได้พริตตี้หน้าตาจิ้มลิ้ม โดยทั่วไปแล้วความสูงของพริตตี้ต้องเกิน 168 เซนติเมตร สัดส่วนประมาณ 34-25-36 เพราะต้องดึงดูดสายตา รูปร่างใส่แล้วเหมาะกับเสื้อผ้า ยืนดูสง่าโดดเด่นดึงลูกค้าเข้ามาในบูธ" น.ส.ณัชชากล่าว
ด้วยการแข่ง ขันที่ค่อนหน้าสูง พริตตี้แต่ละคนจึงต้องดูแลตัวเองและทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความงาม น.ส.ณัชชาเล่าว่า ทำงานเป็นพริตตี้มาได้เกือบ 3 ปีแล้ว รับงานมาหลายอย่างทั้งงานเดินแบบ ถ่ายแบบ อาทิ งานแสดงรถ งานด้านไอที และงานเปิดตัวน้ำหอม จากที่เห็นพริตตี้ส่วนใหญ่มักจะทำศัลยกรรม โดยเฉพาะหน้าอกและจมูก นอกจากนั้น ก็จะมีการฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกให้ได้รูป ทำตาโตหรือตา 2 ชั้น โบท็อกซ์ลดกรามให้หน้าเรียวเล็ก เย็บปากเรียวให้บางเป็นรูปกระจับ และเสริมคางให้หน้าดูยาว จากนั้นจึงเสริมภายนอกด้วยการทาผิวหรือพอกผิวให้ดูขาวกระจ่าง รวมทั้งใช้เทคนิคการแต่งหน้า ใส่คอนแท็กต์เลนส์และติดขนตาปลอมช่วยให้หน้าดูคม มีมิติ
"ลองนึกภาพ ว่าช่างภาพ 30 คนที่ยืนรอถ่ายภาพอยู่หน้าเวที แล้วมีพริตตี้ 5-6 คนบนนั้น ก็ต้องคิดแล้วว่า ทำไมช่างภาพถ่ายคนนี้เยอะจัง เช่น คนนี้หน้าอกใหญ่ ก็อยากจะไปทำบ้าง หลังจากทำศัลยกรรมแล้ว งานก็เยอะขึ้นจริงๆ เมื่อรับงานเยอะขึ้นแล้ว บางงานก็ไม่ต้องแคสติ้งแล้ว เพราะลูกค้าจำได้ก็จะบอกออร์แกไนเซอร์มาเลยว่า อยากได้พริตตี้คนนี้มาทำงาน" น.ส.ณัชชาเสริม และว่า อายุงานของพริตตี้ มีไม่นาน มากที่สุดก็ 30-35 ปี ทำให้แต่ละคน ยิ่งต้องทำงานให้มากที่สุดเพื่อเก็บเงินไปทำอาชีพอื่น
"เด็ก ใหม่ๆ เข้ามาในวงการเยอะขึ้น ทุกวันนี้อายุ 17-18 ปี ก็มาเป็นพริตตี้กันแล้ว เมื่อเด็กใหม่มา รุ่นพี่คนอื่นๆ ก็ตกรุ่นกันไป" น.ส.ณัชชาทิ้งท้าย
สำหรับ น.ส.เปรมวดี หิรัญสูตร์ หรือต๊อกแต๊ก อายุ 27 ปี สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เล่าว่า เริ่มทำอาชีพพริตตี้ตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี โดยรับงานพรีเซ็นต์รถยนต์เป็นหลัก แต่ผลงานที่มีคนรู้จักมากขึ้นคือ การเป็นโตโยต้าพริตตี้ ปี 2009
"ปีที่แล้วเป็นช่วงที่รับงานเยอะมาก วันเสาร์และวันอาทิตย์ไม่เคยว่าง มีรายได้เฉลี่ย ต่อวัน 3,500-4,000 บาท ทั้งปีถ้ารับงานพริตตี้ อย่างเดียวรายได้จะเป็นหลักแสน แต่ถ้ารับงาน โฆษณาหรือเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้ารายได้ก็สูง ถึงหลักล้าน"
เห็นได้ ว่าพริตตี้เป็นอาชีพที่รายได้งาม ทำให้เด็กจบใหม่ที่ยังหางานไม่ได้เลือกจะเดินเข้าสู่วงการนี้มากขึ้น น.ส.เปรมวดี ยอมรับว่าทุกวันนี้วงการพริตตี้แข่งขันกันสูง
"เด็ก ใหม่ๆ เข้ามา ทั้งสวยกว่าและเด็กกว่า และยังไม่ต่อรองราคา ทำให้ลูกค้าบางคนเลือกเด็กใหม่มากกว่า ส่วนคนที่ทำงานมานานจะไม่รับงานที่รายได้ต่ำกว่าที่เคยได้ เพราะกลัวจะเสียเรต ถ้าเทียบว่าเมื่อหลายปีก่อน 1 งาน จะมีคนเข้ามาแคสติ้งประมาณ 10 คน ทุกคนรู้จักกันหมด แต่ตอนนี้มีคนเข้ามาให้คัดเลือกเยอะมากๆ ด้วยโซเชียลเน็ตเวิร์กและอินเตอร์เน็ตใช้ในการกระจายข่าวสาร"
เมื่อ มีเด็กหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ก็ไม่แปลกที่หลายคนต้องพึ่งพามีดหมอ การศัลยกรรมจึงกลายเป็นเรื่องธรรมดา เธอยอมรับว่า อาชีพนี้ต้องใช้ความสวยดึงดูดคนให้สนใจในสินค้า ยิ่งเห็นเพื่อนอาชีพเดียวกันทำแล้วสวยและไม่เป็นอันตรายก็ต้องอยากไปทำบ้าง
"ผู้หญิงทุกคนอยากสวย และพริตตี้ก็เป็นอาชีพที่ต้องสวย ดารา คนทั่วไปก็ทำศัลยกรรมเหมือนกัน"
ส่วน คุณสมบัติหลักๆ ที่พริตตี้จำเป็นต้องมี อันดับแรกต้อง "ขาว" สัดส่วนและความสูง สำคัญเป็นลำดับรองลงมา จากนั้นก็เป็นเรื่องของความสามารถในการพรีเซ็นต์สินค้า
พริตตี้รุ่น พี่ฝากไว้ว่า เมื่อทำงานต้องคิดว่าลูกค้าต้องการให้งานออกมาอย่างไร ต้องมีความขยันและมีความสามารถในการนำเสนอสินค้าได้ ถ้าสวยมากแล้วทำงานออกมาไม่ดี ต่อให้สวยแค่ไหนลูกค้าก็ไม่เอา
เป็น เสียงสะท้อนจากเหล่าพริตตี้ถึงสาเหตุที่ยอมเจ็บตัว เสียตังค์ เพื่อเข้ามาสู่อาชีพที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝัน แม้ว่าบางครั้งอาจจะต้องเสี่ยงถึงชีวิตก็ตาม
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ