ประชันความคุ้ม ! CR-V 2012 VS. Captiva คันไหนน่าใช้กว่าต้องดู

ประชันความคุ้ม ! CR-V 2012 VS. Captiva คันไหนน่าใช้กว่าต้องดู

ประชันความคุ้ม !  CR-V 2012 VS. Captiva  คันไหนน่าใช้กว่าต้องดู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

                ตั้งแต่เริ่มต้นปีที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์  Honda  ถือเป็นค่ายรถยนต์ที่มีการออกตัวแรงมากตั้งแต่เริ่มและเปิดตัวรถยนต์มากมาย รวมถึงรถอเนกประสงค์ยอดนิยม Honda CR-V 2012  ใหม่ที่เข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเริ่มลงตลาดไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้

                การเข้ามาทวงบัลลังค์ของค่ายรถยนต์รายนี้อีกครั้งเป็นไปตามความคาดหมาย หลังจากที่เริ่มวางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้วในสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ โดยในปีนี้การมาลงตลาดไทยก็ทำให้มันเป็นคู่ท้าชิงของค่ายรถยนต์อเมริกัน  Chevrolet ที่ส่งรุ่น  Captiva  ปรับเรือนร่างรูปโฉม ให้ดูดี ตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา และถือเป็นรถรุ่นที่มีความแข็งแกร่งในตลาดเหมือนกัน

หนึ่งหรู ..หนึ่งเพิ่มความสปอร์ต

                ตั้งแต่อดีตมารถยนต์ในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีแพลทฟอร์มแบบรถนั่ง ล้วนแต่ดูมองออกไปในแนวทางการออกแบบที่เน้นในความหรูหราดูดีมีระดับ อาจจะด้วยข้อหนึ่งที่ว่าราคาของรถยนต์เหล่านี้เริ่มตั้งแต่ 1.5 ล้าน เป็นต้นไป และมันมีความสามารถเทียบเท่ารถยนต์เก๋งขนาดกลาง

                การให้ความหรูหรา นับว่าเป็นโจทย์ที่ยึดต่อเนื่องกันมา และในการแนะนำรถยนต์  Chevroelt Captiva  ใหม่ที่เปิดตัวในปีที่แล้วก็เป็นการต่อยอดในจุดนี้ แต่การปรับใบหน้าที่ทำให้เส้นสายใหม่ทางด้านหน้าเปลี่ยนไป เน้นสร้างความดุดันในการออกแบบเร่มมีเสน่ห์เป็นอเมริกันมากยิ่งขึ้น ก็ทำให้รถมีรายละเอียดที่ลงตัว แต่ในขณะที่ด้านหน้า เป็นจุดที่มีการปรับเปลี่ยนมากที่สุด แต่ด้านหลังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรจากเดิมเลยก็ว่าได้

                ในฝั่งผู้ท้าชิงใหม่  Honda CR-V  2012 ดูท่าจะมีภาษีกว่าเล็กน้อยด้วยการออกแบบที่เรียกว่าปรับเปลี่ยนใหม่หมด ด้วยอานิสงค์จากการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ทั้งคันไม่ใช่การปรับโฉมเล็ก ทำให้รถรุ่นใหม่นี้มีความสดในการออกแบบมากกว่าที่คิด ตั้งแต่ด้านหน้าที่ถอดความหรูปรับเป็นความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นไปจนถึงบั้นท้ายที่ไปในทิศทางเดียวกัน และการใส่ล้ออัลลอยที่เริ่มตั้งแต่ขอบ 17 นิ้วขึ้นไป ก็ทำให้ Honda CR-V  ใหม่นั้น มีการเปลี่ยนแปลงที่ฉีกกฏรถอเนกประสงค์เดิม โดยเฉพาะในเรื่องของการออกแบบที่หันไปในทางความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หรูเจอ สปอร์ต แบบไหนที่ชอบมากกว่า

                มาในห้องโดยสาร  CR-V  เริ่มต้นด้วยการถ่ายทอดตัวตนในความสปอร์ตที่ครั้งนี้ในรุ่นที่ 4 ของตระกูล กลับมาในความหรูหราด้วยการให้รายละเอียดการตบแต่งในโทนสีดำ มาพร้อมกับลายไม้โทนดำและสามารถเปลี่ยนเป็นสีเบจได้ขึ้นอยู่กับสีรถ เน้นให้ความรู้สึกที่ดูแล้วมีความสปอร์ตแตกต่างมากกว่าเดิมในเรื่องการโดยสาร

                การปรับพื้นที่นั่งลดต่ำลงอีกนิดหน่อย ทำให้มีการปรับที่นั่งไปพอสมควรเช่นกัน แต่ด้วยโทนห้องโดยสารมีเทาดำนี้ ก็ช่วยให้มันดูแลรักษาง่าย และยังมาพร้อมกับฟังชั่นต่างๆที่เหมาะต่อการใช้งาน เริ่มตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังชั่นไฟเรืองแสง ที่ให้ความสบายกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติสามารถแยก ซ้าย-ขวาได้ตามต้องการ ทั้งยังมากับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่อัจฉริยะ แต่ทีเด็ดของ  Honda CR-V ใหม่ที่สำคัญ คือฟังชั่นการพับเบาะแบบครั้งเดียว หรือ One motion ที่สามารถแยกพับได้ 60/40 เหมือนเคย

                ฝั่งเชฟวี่ เรื่องความหรูหราก็ยังจัดเต็มมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ CR-V  อาจจะเปี่ยมด้วยความสปอร์ตของตัวรถ โดยเฉพาะภายในห้องโดยสาร แต่ใน Captiva  เอง ก็มุ่งเน้นในการอำนวยฟังชั่นความสะดวกสบายสูงสุด เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่เบนเข็มไปยังระดับพรีเมี่ยมมากกว่า

                หากเทียบจากเดิมแล้วการปรับแต่งฟังชั่นต่างๆมากมาย ทำให้ Captiva  มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร  เช่นเดียวกันการปรับการตบแต่งไปในโทนหรูแอบสปอร์ต ก็ให้เสน่ห์ที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยฟังชั่นที่่เพิ่มอารมณ์การทำงานนี้เอง ที่ทำให้รถยนต์เหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายรายการที่สำคัญ เช่น ระบบ HVAC  ที่ให้อำนาจในการควบคุมที่พวงมาลัยในระบบปรับอากาศ รวมถึงแผงควบคุมอัจฉริยะในการขับขี่ ที่คอนโซลกล่าง เบรคมือแบบไฟฟ้าที่ช่วยในเรื่องของการตอบสนอง และที่เด่นกว่า คือเบาะนั่งที่รองรับได้สุงสุด 7 ที่นั่ง ในแบบ 5+2  ทั้งยังสามารถปรับพับได้ในฝั่งคนขับ และเครื่องเสียงคุณภาพ ด้วยการให้ระบบ 3D Sound Staging  ถือเป็นความล้ำที่ยังไม่มีใครให้มา

ขุมพลังใกล้เคียง เน้นความสามารถ E85

                เมื่อมองทางด้านความสามารถในการขับขี่โดยเฉพาะเครื่องยนต์นั้น เพื่อให้เท่าเทียมกันเราจึงต้องตัดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลของ  Chevrolet Captiva  ออกไปเพื่อให้ความเสมอภาคในการเปรียบเทียบ แต่นั่นก็หมายความว่า มันมีทางเลือกมากกว่าหากคุณต้องการ

                ตั้งแต่เปิดตัวมา Chevrolet Captiva  สร้างจุดขายที่โดดเด่นในตลาดรถยนต์ด้วยการเป็นรถรุ่นแรกในตลาดอเนกประสงค์ที่สามารถใช้น้ำมันแบบ  E85  ได้ ซึ่งถือว่าเป็นพลังงานทางเลือกที่สำคัญอย่างมาก และช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้พอสมควร

                การให้สมรรถนะที่แตกต่างนี้เอง จึงเป็นจุดขายที่สำคัญตั้งแต่แรกๆ ด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร เบนซิน ซึ่งการปรับแต่งให้เหมาะสมต่อน้ำมัน E85 นี้ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนแบบยกเครื่องใหม่ทั้งเซทในเรื่องระบบสั่งจ่ายน้ำมัน แต่มันก็ยังมีพละกำลังที่น่าสนใจจากตัวเลข 168 แรงม้า ที่ 5600 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 229 นิวตันเมตร ที่ 4600 รอบต่อนาที และยังมาพร้อมกับ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ  Driver Shift Control  ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการ

                ด้าน CR-V  ใหม่ ก็มาพร้อม 2 ทางเลือกสำหรับลูกค้า ด้วยการให้ความสามารถในพลังงานทางเลือกเหมือนกัน และประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มี Honda CR-V ที่รองรับน้ำมันพลังงานทางเลือก E85 วางจำหน่าย โดยในการแนะนำครั้งนี้ยังกลับมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 และ 2.4 ลิตร ให้เลือกตามลำดับ

                ในรุ่นเริ่มต้นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร  Honda  ปรับสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยพละกำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6500 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 190 นิวตันเมตรที่ 4800 รอบต่อนาที แต่ในขณะที่มันจะดูมีกำลังน้อยไปใน เวอร์ชั่นเครื่องยนต์ 2.4 ที่เท่ากันกับCaptiva  ก็มีกำลังสูงสุดถึง 170 แรงม้า ที่ 6500 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด  220 นิวตันเมตร ที่ 4300 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบควบคุม  Grade logic  ให้ความลงตัวในแง่ของความชาญฉลาดในการใช้งาน

                ถ้ามองเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 จะพบว่า พละกำลังเครื่องยนต์ตลอดจนแรงบิดของรถ Captiva  และ CR-V  ใหม่ นั้น มีความแตกต่างกันน้อยมาก โดยสิ่งที่แตกต่างและดูจะโดดเด่นคือเรื่องของระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ ที่มีความแตกต่างในเรื่องจำนวนอัตราทด ระหว่าง 5 และ 6 สปีด แต่เมื่อมองถึงอัตราทดเกียร์ต่ำสุดของรถ กลับพบว่า  CR-V กลับมีอัตราทดที่ต่ำกว่าที่ 0.566 ในรุ่นท๊อปที่มีพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ แต่ Captiva  กลับมีอัตราทดเพียง 0.746 เท่านั้น

ประหยัดพอกัน..ที่เหลืออยู่ที่ชอบ

                ความแตกต่างทางด้านวิศวกรรมที่น้อยนำมาสู่บทสุดท้าย นั่นคือเรื่องของการขับขี่ แต่ด้วยความเข้าใจของหลายคนว่าจำนวนเกียร์ที่เยอะย่อมจะประหยัดกว่านั้น ก็ยังมีข้อเท็จจริงอยู่บ้างและ หลังจากได้ทดลองทั้งคู่เราก็ได้มาลองเปรียบเทียบกันดู

                ตั้งแต่ที่ได้ไปลอง Captiva  มา ความประทับใจของรถรุ่นนี้ถือว่าทำได้อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยฟีลลิ่งการขับขี่สไตล์รถอเมริกันแท้ที่เน้นความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ทำให้รถขับง่ายๆ แม้จะเป็นคันใหญ่ก็ตาม จนน่าจะเรียกได้ว่า มันเป็นรถที่ครบเครื่องอย่างแท้จริง

                เคล็ดลับของเชฟวี่ในการปรับให้รถมีสมดุลมากขึ้นนั้น อยู่ที่ฟังชั่นการขับขี่ที่เพียบพร้อมครบครันมาตั้งแต่แรก โดยเฉพาะระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆที่มากมาย ยาวเป็นหางว่าวตั้งแต่ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค เอบีเอส ,ระบบกระจายแรงเบรก ,ระบบช่วยเบรค,ระบบป้องกันการลื่นไถล , ระบบช่วยออกตัวในทางชัน และ ระบบควบคุมการทรงตัว ซึ่งทั้งหมดถูกปรับให้เข้ากับรถ และช่วยเหลือมากในการใช้งาน จนเรียกว่าเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับค่ายรถยนต์เจ้านี้ให้แตกต่าง

                แม้จะมีระบบต่างเขามาช่วยเหลือมากมาย แต่ โดยรวมเรื่องระบบกันสะเทือนของระบบกันสะเทือน Chevrolet Captiva เน้นการให้ความหนักแน่นในการขับขี่ และมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่ามีผู้โดยสารมากหรือน้อย โดยเฉพาะระบบ Self Levelizer ก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้รถมีสมดุลที่ดีในการขับขี่ และฟังชั่น Driver Shift Control ก็ช่วยให้มั่นใจยามเปลี่ยนเกียร์

                 ทางด้าน CR-V  ใหม่ ก็มีระบบช่วยเหลือการขับขี่มากมายไม่แพ้คู่แข่ง แต่ในขณะที่  Honda  เอง ปรับให้รถเน้นไปในทางความประหยัดมากขึ้น ก็เสริมฟังชั่น Econ ทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างประหยัดมากยิ่งขึ้น โดยในรุ่น 2.0 เคลมอัตราประหยัดที่ 12.2 ก.ม./ลิตร และรุ่น 2.4 เคลมอัตราประหยัดที่ 11 ก.ม./ลิตร

                การเน้นย้ำในความแตกต่างของ CR-V  ใหม่นี้ ดูจะเป็นการพุ่งเป้าไปที่การปรับแต่งระบบช่วงล่างให้สามารถตอบสนองได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการพัฒนาช่วงล่างมากขึ้นกว่าเดิม 10 %  ตามคอนเซปต์ Super CR-V ที่เน้นย้ำในการให้ประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่ที่เยี่ยมยอดมากขึ้น

                จากที่ได้ขับขี่มาทั้ง 2 รุ่น Captiva  จะเน้นการให้ความนิ่มนวลในการขับขี่มากกว่า ในขณะที่ CR-V  จะเน้นความแน่น และแม่นยำในการขับขี่มากกว่าด้วย ออพชั่นที่เน้นไปในการเรื่องของการปรับแต่งให้มีความสามารถที่ลงตัวในขณะที่ การตอบสนองของเครื่องยนต์ Captiva  ก็ค่อนข้างดีกว่า เนื่องจากมี 6 เกียร์ ทำให้มีอัตราทดชิดกันระหว่างเกียร์มากกว่า ในขณะที่ CR-V  มีอัตราทดเกียร์น้อยกว่าทำให้มีการกระโดดเกียร์มากกว่า และในบ้างครั้งที่คิกดาวน์ จากที่ได้ทดลองขับมามันมีความแตกต่างกัน พอสมควร

                แม้ทั้งรถอเนกประสงค์ทั้ง 2 รุ่นนี้อาจจะมีความเหมือนกันในแง่คอนเซปต์ที่วางเอาไว้เพื่อดึงดูดลูกค้าที่แตกต่างกัน แต่ด้วยความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันก็ส่งให้รถอเนกประสงค์นั้นมีดีกรีที่ต่างและทั้งหมดนั้นก็อยู่ที่คุรเลือกว่า รุ่นไหน จะเหมาะกับความเป็นคุณมากกว่า

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง

อ่านบททดสอบเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

บททดสอบ Chevrolet Captiva  2.4  เบนซิน

บททดสอบ Honda CR-V 2012 2.4 EL

 

 

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ ประชันความคุ้ม ! CR-V 2012 VS. Captiva คันไหนน่าใช้กว่าต้องดู

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook