"รถคันแรก" ทะลุเป้า จ้องเทงบเพิ่ม 1 หมื่นล้านบาท
โครงการ "รถคันแรก" ตอบรับดีเกินคาดผู้ใช้สิทธิ เฉลี่ยวันละ 800 ราย คลังส่งสัญญาณรัฐเติมเงินเข้า โครงการ ด้าน สศช. จวก ทำหนี้ล้นเมือง แต่ สศอ.ปลื้ม อุตยานยนต์โตเกินคาด
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตั้งแต่มีการดำเนินนโยบาย "รถคันแรก" เมื่อ วันที่ 16 กันยายน 2554 จนถึงปัจจุบัน มีผูุ้มาใช้สิทธิแล้วทั้งสิ้นกว่า 579,987 ราย คิดเป็นเงินจำนวน 42,847 ล้านบาทมาก โดยเฉลี่ยประมาณวันละ 800 ราย ส่งผลให้ตัวเลขจนถึงปัจจุบันมียอดขอใช้สิทธิในโครงการดังกล่าว จำนวน 5.5 แสนคัน สูงกว่าเป้าหมายที่ของรัฐที่คาดว่าจะมีจำนวน 5 แสนคัน
"ที่ยอดผู้มาขอรับสิทธฺเพิ่มขึ้น อาจจะเพราะว่าได้รับการส่งมอบรถมากขึ้น เช่นดียวกับ เอกสารที่ครบถ้วนพร้อมกันด้วย นอกจากนี้ มหกรรมยานยนต์ก็จะเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ เพราะมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาแนะนำในตลาดเพิ่มมากยิ่งขึ้น"
ด้านนาย สมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวเปิดเผยว่า การมาขอใช้สิทธิรถคันแรกมากขึ้นเกินเป้าจนมีหลักแสนคันนั้น จะต้องมีการใช้เงินเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปด้วย ซึ่งหากตามเป้าเดิมที่ 5 แสนคัน เราคาดว่าจะใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจำนวนที่เพิ่มขึ้นนี้คาดว่าน่าจะมีราวๆ 4 หมื่นล้านบาท แต่กว่าจะจ่ายจริงก็คาดว่าน่าจะเป็นใรช่วงปีงบประมาณปี 2557 ซึ่งต้องดูยอดสรุปผู้ใช้สิทธิ์ปลายปีนี้
ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีการเปิดเผยโดยแสดงความเป็นห่วนต่อนโยบายดังกล่าวว่า ให้ประชาขนมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง ด้วยผลจากโครงการส่งเสริมของภาครัฐอย่างรถคันแรก
ล่าสุด นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. เปิดเผยว่า นโยบายรถคันแรกมีส้วนสำคัญที่ทำให้ค่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมประจำเดือนตุลาคมปีนี้ขยายตัว เนื่องจากมีคำสั่งซื้อรออยู่เป็นจำนวนมากทำให้มีการขยายกำลังการผลอตซึ่งส่งผลที่ห่วงอุปทานของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์