Sanook! Drive : Ford Ranger Wildtrak 3.2 ที่สุดของกระบะในชั่วโมงนี้
เมื่อพูดถึงรถยนต์ในบ้านเราแล้ว แทบปฏิเสธไม่ได้ว่าบ้านเมืองประเทศไทยเรานั้นค่อนข้างจะคุ้นชินกับรถยนต์กระบะพอสมควร ด้วยคนไทยนิยมรถยนต์ประเภทนี้มายาวนาน และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตใครหลายคน ทั้งใช้ทำงาน และใช้ชีวิตอยู่กับมัน จนค่ายรถยนต์ต่างก็ทราบดีว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการใช้รถยนต์กระบะมากเป็นอันดับ 2 เป็นรองก็แค่สหรัฐอเมริกาก็เท่านั้น
ด้วยความที่เรานิยมรถกระบะมาก ทำให้ในช่วงปีที่ผ่านมารถกระบะมากหน้าหลายตาต่างเดินหน้าเข้ามาในการปรับโฉมใหม่ และหนึ่งในนั้นที่เราพูดถึงกันอย่างมากก็เป็นค่ายรถยนต์อเมริกา Ford ที่ส่ง All New! Ford Ranger ใหม่มาเป็นตัวชูโรงในปีที่แล้ว จนแทบจะเรียกว่าเป็นรถยนต์อีกรุ่นที่พลิกให้ค่ายรถยนต์เจ้านี้มาติดตลาดรถยนต์อย่างรวดเร็วแถมรับคำชมในเรื่องการออกแบบด้วย
Ford Ranger ใหม่นั้น เป็นรถยนต์กระบะที่ได้รับการออกแบบด้วยความใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนสามารถพูดได้เต็มปากว่า นี่คือรถยนต์ที่ให้ความลงตัวมากในทุกสิ่งและเป็นทุกอย่าง แต่ในขณะที่เราหลายคนทราบดีว่าเวอร์ชั่นธรรมดา มันมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รอสมรรถนะของรถยนต์คันนี้ในเวอร์ชั่น 3.2 ลิตร ที่น่าจะเรียกได้อีกแหละว่า นี่คือที่สุดของกระบะ...ตัวจริง
ภายนอกถึก บึกบึน ...อเมริกันแท้แน่นอน
ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ Ford Ranger ใหม่ Ford มุ่งเน้นอย่างมากต่อความใส่ใจถึงการพัฒนารถกระบะรุ่นใหม่ที่มองการไกลถึงอนาคต โดยประเมินในเรื่องของราคาค่าพลังงานไปจนกระทั่งในส่วนของลักษณะวิถีชีวิตที่จะลงตัวกับผู้บริโภคได้อย่างไรบ้าง และด้วยภายใต้แนวคิดใหม่ของบริษัท ทำให้รถกระบะ Ford Ranger ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นที่ ออสเตรเลีย ภายใต้ ชื่อเล่นที่มีรหัสเรียกว่า "T6"
โครงการ Ford T6 นั้นถือเป็นโครงการที่ใหญ่ไม่ใช่น้อย เนื่องด้วยโครงการพัฒนาใหม่นี้ฉีกทุกกฎของความเป็นกระบะแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าของ ford ranger ก็จะพบว่า มีการเปลี่ยนในเรื่องของขนาดตัวถัง ตั้งแต่ความกว้าง 1,849 ม.ม. ความยาวรวม 5,359 ม.ม. และมาพร้อมฐานล้อ 3,226 ม.ม. เรียกว่า ทุกมิติของ Ford Ranger ใหม่ นั้นมีมากกว่าที่เคยในรุ่นก่อนหน้านี้
ความใหญ่ของรถไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้มันดูแตกต่าง แต่มันยังรวมถึงในเรื่องของการออกแบบ ที่ครั้งนี้เอาเส้นสายจากรุ่นพี่ที่ได้รับความชื่นชอบจากทั่วโลก ford F-150 มาขัดเกลาแล้วแปลงใส่รถกระบะ Ford Ranger ทำให้ มันได้เส้นสายแบบอเมริกันแท้ๆติดตัวมาเป็นดีเอ็นเอ ของกระบะพันธุ์แกร่งจาก Ford แล้วก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รถรุ่นนี้ไม่มีวางจำหน่ายในอเมริกา
จากกระจังหน้าแบบ โครเมี่ยม 3 แถบ เส้นสายที่ส่งถึงความบึกบึนตั้งแต่โป่งล้อ ที่ให้ความลงตัวอย่างมา และส่งต่อรายละเอียดสู่ด้านข้างแบบคงความแกร่งรอบคัน ไปจนถึงด้านท้าย ที่มัน ดูเป็นรถที่ไม่ใช่เพียงแค่และดูใหญ่แต่ให้อารมณ์ทันสมัยไปพร้อมกันด้วย และสามารถไปได้ทุกที่ ทั้งในเมืองหรือจะเป็นในชนบทห่างไกล ถือเป็นเสน่ห์ที่เย้ายวน
องค์ประเดียวกันนี้ เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยตั้งแต่เปิดตัว จวบจนทดสอบ รถยนต์ Ford Ranger 2.2 เมื่อปีกลาย และครั้งนี้ที่มาพบกับเวอร์ชั่น 3.2 ลิตร ที่เฝ้ารอมานานปานว่า เป็นสุดยอดรถยนต์ในตำนาน" เจ้ากระบะยักษ์" ซึ่งเป็นฉายาใที่แอบตั้งให้นั้น ก็มาพร้อมรายละเอียดที่เสริมความหล่อเบ็ดเสร็จจากโรงงานกับชื่อ ""Wildtrak"
การตบแต่งเพิ่มเติมของ Wildtrak นั้น โดยรวมเป็นการเน้นแต่งแต้มความหล่อของรถให้มีความแตกต่างจากรุ่นทั่วไป และองค์ประกอบนี้ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เรารู้สึกว่า Ford Range 3.2 Wildtrak มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็นสปอร์ตแบบเต็มขั้นที่คลุกเคล้ามาอย่างลงตัว กระจังหน้าที่เป็นโครเมียมถูกขลับด้วยสี Dark Grey เพิ่มความดุดันตั้งแต่แรกเห็น กระจกมองข้างสีเดียวที่มีไฟส่องพื้นในยามค่ำคืน ตามติด บันไดข้าง สปอร์ตบาร์ สี Dark Grey ราวหลังคา ที่พร้อมสรรพ ไปจนถึง ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้วจัดมาให้เต็มมาให้กับยางขนาด 265/65/R18 จนเรียกว่าลงตัว แม้แต่กูรูเรื่องรถอย่างเรายังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี เว้นแต่คนที่อาจจะอยากได้มันไปลุยเป็นจริงเป็นจัง อันนี้ก็ว่ากันไปตามสูตร
ห้องโดยสารทันสมัย เท่ห์แตกต่างไม่เหมือนใคร
ในห้องโดยสารเมื่อเปิดประตูมา Ford Ranger wildtrak 3.2 มาพร้อมกับอารมณ์สปอร์ตที่แตกต่างอย่างชัดเจน มันดุดีลงตัวมากยิ่งขึ้น ด้วย รายละเอียดที่ให้ความลงตัวเริ่มจากสีภายในโทนดำดูแลง่ายและสปอร์ตด้วยการตบแต่งสลับส้ม ให้รายละเอียดลึกลงไปจนถึงกระทั่งด้ายที่ใช้เย็บเบาะผสมลงตัวกับหนังและผ้าแบบเบาะรถซิ่งช่วยให้กระชับในยามเข้าโค้ง ซึ่งด้านคนขับเป็นเบาะนั่งแบบปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งที่ดูดียังลงตัวกับการจัดวางในห้องโดยสาร ตั้งแต่ตรงหน้าคนขับที่มาพร้อมมาตรวัดสปอร์ตสีขาว พวงมาลัยมัลติฟังชั่น จุไว้ด้วยปุ่มควบคุมเครื่องพร้อมระบ บ voice Control ทางด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นระบบ Cruise Control ช่วยในการขับขี่
ตรงกลางคอนโซลหน้ามาพร้อมระบบแอร์อัตโนมัติ และ เครื่องเสียงที่คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดีเสียงแน่น อาจจะขาดแหลมไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ให้รายละเอียดที่ลงตัวมาก ส่วนช่วงหลัง มีระบบควบคุมการขับขี่อีก 2 อย่างคือ ระบบช่วยลงทางชัน และ ระบบเฟืองท้ายไฟฟ้า ที่สามารถตัดและต่อการทำงาน ช่วยในการฝ่าฟันทุกอุปสรรคบนเส้นทางโหด
ด้านหลังของห้องโดยสาร ผู้โดยสารสามารถนั่งได้อย่างสบายแม้จะเป็นคนตัวใหญ่แต่ก็สามารถที่จะนั่งได้สูงสุดถึง 3 นั่งในตอนหลัง และถึงคนขับจะดันเบาะสุดราง มันก็ไม่ได้ทำให้พื้นที่แคบลงมากอย่างที่คิดเรียกว่าเดินทางไกลสบายมากอย่างไม่ต้องสงสัย
อัลบั้มภาพ 31 ภาพ