Sanook! Drive : Honda Jazz Hybrid ... ความประหยัดเลือกได้ในสไตล์ไฮเทค
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ในช่วงปีที่แล้ว ค่ายรถยนต์ Honda ถือว่าเป็นค่ายรถยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดช่วงปี และหนึ่งในนั้นก็เป็นความเคลื่อนไหวในกลุ่มรถยนต์ที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมและให้ความประหยัดไปพร้อมกัน และทั้งสองอย่างก็มาบรรจบกันในรถซิตี้คาร์ยอดนิยมที่ยืนยันมาแล้วจากทั่วโลก
ตั้งแต่เริ่มต้นเปิดตัวมาในช่วงปลายปีที่แล้ว Honda Jazz รุ่นใหม่ ถือเป็นรถยนต์ที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวางไม่ใช่เพียงแต่ในแง่ของการออกแบบและสมรรถนะที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการออกแบบที่ตั้งแต่เริ่มโครงการรถรุ่นนี้ก็วางหมากให้พร้อมสำหรับการพัฒนาสู่รถยนต์ไฮบริดที่มีแนวโน้มอยู่แล้วในอนาคต
Honda Jazz Hybrid
จวบจนในงาน Paris Motor Show 2010 ค่าย Honda ก็ทำให้โลกตะลึงด้วยการโชว์ผลงานรถยนต์ Honda Jazz Hybrid ใหม่ อย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะเริ่มวางจำหน่ายในยุโรปอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมาไม่นานตามด้วยบ้านเกิดเมืองนอนของรถรุ่นนี้ รวมถึงในอเมริกาที่มีการก้าวล้ำในการแนะนำรถยนต์ Honda Jazz EV เวอร์ชั่นไฟฟ้าล้วน
ด้วยชื่อเสียงเรียงนามที่ขึ้นชื่อของ Honda Jazz ที่สั่งสมอยู่ดั้งเดิม ทำให้ Honda Jazz Hybrid นั้นเป็นอีกเวอร์ชั่นที่กลับมาตอบโจทย์ให้เร้าใจในสมรรถนะมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของความประหยัดที่จัดองค์ทรงเครื่องเต็มกราฟในเรือนร่างดั้งเดิมของ Honda Jazz ที่ยังคงสไตล์สปอร์ตแอทช์แบ็ค 5 ประตู ที่เย้ายวนใจคนชอบรถเล็กเป็นทุนเดิม
ในการแนะนำเวอร์ชั่นไฮบริดใหม่นี้ Honda ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรือนร่างตัวถังมากมายนัก เนื่องด้วยตั้งแต่เริ่มต้นการออกแบบโครงสร้างรถรุ่นนี้ มันก็ถูกวางหมากให้พร้อมสำหรับความเป็นรถยนต์ไฮบริด แต่เพื่อให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น Honda Jazz Hybrid ก็เริ่มต้นการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ด้วยการปรับองค์ประกอบให้มีความดูดีลงตัวมากยิ่งขึ้น เริ่มจากกระจังหน้าที่มาพร้อมสไตล์โครม ดูมีเสน่ห์ที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับไฟหน้าเลนส์ฟ้าที่ให้ความสดใส และบั้นท้ายจัดความทันสมัยเติมแต่งในแบบ LED เข้ามา รวมถึงล้ออัลลอยลายใหม่ที่แตกต่างจาก Honda Jazz ทั่วไป
เมื่อก้าวเข้าห้องโดยสาร Honda Jazz Hybrid ยังคงความเป็นรถยนต์นั่งอยู่เหมือนเคยด้วยการให้รายละเอียดที่มุ่งเน้นการใช้งานที่เหมาะสม โดยเฉพาะในเรื่องของการออกแบบให้ฟังชั่นการใช้งานที่ลงตัวในหลากรูปแบบ ใน 3 โหมด อเนกประสงค์ และในเวอร์ชั่นไฮบริดนี้มันก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ด้วยการปรับองค์ประกอบเดิมให้สามารถลงตัวกับระบบขับเคลื่อนใหม่ ทำให้ Honda Jazz Hybrid มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากมายจนเป็นที่สังเกตได้ แต่ก็มีการปรับออพชั่นบางอย่างเพิ่มขึ้น คุณภาพย่อมมากตามราคาเริ่มจากระบบแอร์อัตโนมัติ ที่ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นทำงานผสานกับเครื่องยนต์เพื่อให้ความประหยัดสูงสุด หรือจะเป็นหน้าปัดที่สามารถบอกสถานะการทำงานของระบบได้ และยังโชว์สถานะแบตเตอร์รี่ นอกนั้นโดยรวมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายนักอย่างที่คาดหวัง แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงนั้นก็เพราะต้องการคงความเป็นรถยนต์ที่อำนวยความสะดวกสบายที่มีดีอยู่แล้วไม่ให้ขาดหายไป
ใต้ฝากระโปรงรถยนต์ Honda Jazz Hybrid แนะนำเครื่องยนต์ไฮบริด แบบ 4สูบแถวเรียง 8 วาล์ว ขนาด 1.3 ลิตร ตอบสนองด้วยพละกำลังสูงสุด88 แรงม้าที่ 5800 รอบต่อนาที และปั่นกำลังแรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร พ่วงเข้ากับชุดมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์ให้กำลังเทียบเท่า 14 แรงม้า แต่ให้กำลังแรงบิดดีในรอบต่ำ 78 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1000 รอบต่อนาที ส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่นิคเคิลแคดเมี่ยมไฮไดร์ด แล้วขับง่ายสบายใจกับระบบเกียร์ CVT ที่สามารถปรับอัตราทดได้ตั้งแต่ 2.526- 0.421 ก่อนจัดส่งลงเฟืองท้ายที่มากับอัตราทดจัดจ้าน 5.274
เมื่อมองดูในเรี่องของรายละเอียดทางเทคนิคแล้ว Honda Jazz Hybrid ถือเป็นรถที่เน้นในการออกตัวพอสมควร ทั้งแรงบิดที่จากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ที่ทั้งหมดยังถูกปรับส่งด้วยเกียร์แบบ CVT ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน และมันก็เป็นแบบนั้นอย่างปฏิเสธไม่ได้เมื่อรถคันนี้ให้ความประทับใจในการขับขี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งจากตัวเลขประหยัดที่ทำได้ราวๆ 20 ก.ม./ลิตร ในงวดก่อนหน้านี้ และครั้งนี้คืออีกบทพิสูจน์ของการใช้งานจริง
งวดนี้คุณต้า หนุ่มฝ่ายประชาสัมพันธ์อารมณ์ดีของ Honda เริ่มต้นด้วยการจัดรถยนต์ Honda Jazz Hybrid ที่จัดเต็มในความสดใสของตัวรถสไตล์รักษ์โลกสีเขียว ที่ เรารับกุญแจก่อนจัดแจงสิ่งต่างเพื่อให้เข้ากับตัวและเป็นอีกครั้งที่โบกมือลาที่สำนักงานใหญ่ฮอนด้า สู่เส้นทางการทดสอบ
อย่างที่เราตั้งใจไว้ในงวดนี้เราจะขอตะลุยป่าด้วย Honda Jazz Hybrid แต่ป่าที่ปาวๆ ถึงนี้ไม่ต้องขึ้นเขาลงห้วย แต่มันคือเมืองอันแสนสุขี กทม. นี่เอง ด้วยความคิดที่เรามองมานานในการหาคำตอบในการใช้งานจริง พลันนึกก็พลันสนุกไปว่า ด้วย ตัวเลขที่โชว์ในระหว่างการเปิดตัวที่ 21.3 ก.ม./ลิตร และตัวเลขจากต่างประเทศตามการทดสอบในโหมด 10-15 ที่ญี่ปุ่นให้ความประหยัดถึง 30 ก.ม./ลิตร เป็นสิ่งที่เชื้อเชิญเราให้ทำภารกิจที่ว่านี้ด้วยความอยากรู้ในสมรรถนะการใช้งานจริง ที่แค่คิดก็สนุกแล้ว
หลังเลี้ยวรถจากสำนักงานใหญ่ Honda ออกมา บททดสอบก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยการขับขี่ล่องไปตามหนึ่งในถนนที่มีรถติดที่สุดในกรุงเทพที่ชื่อ "สุขุมวิท" แนวรถไฟฟ้าที่ทอดตัวยาวทำให้ตระหนักถึงจำนวนคนที่มากมายในถนนแห่งนี้เช่นเดียวกับ รถที่วิ่งกันอย่างขวักไขว่แบบเร่งรีบตามฉบับย่านธุรกิจกลางเมือง
หลังขับมาพักใหญ่เราก็เริ่มชินกับเจ้าไฮบริดแล้วพอสมควร และต้องยอมรับว่าตัวรถนั้นมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างและทั้งหมดเป็นไปในทางที่ดี โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับเซทน้ำหนัก ที่ถูกเพิ่มเข้ามาด้วยแบตเตอร์รี่ทำให้ อาการเบาหวิวที่ท้ายที่เป็นจุดอ่อนในรุ่นธรรมดา หายไปเป็นปลิดทิ้งจนแทบไม่น่าเชื่อ และมันส่งผลให้ช่วยล่างมีสมรรถนะที่ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาไปพร้อมกัน จนอยากจะฝากบอกฮอนด้าว่า นี่แหละที่อยากได้มานาน
สิ่งที่รับรู้ได้นี้มาพร้อมกับเบรกที่มั่นใจแบบหนึบแน่น ด้วยน้ำหนักที่มากขึ้น หลังไฟแดงเจ้ากรรมดันเปลี่ยนสัญญาณเร็วกว่าที่คิด และมันทำให้เราเบรกหน้าทิ่มแบบไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อหยุดสนิทเครื่องยนต์ก็จัดการตัดการทำงานของเครื่องยนต์ ด้วยระบบ Idling stop ที่มีมุ่งเน้นในการรักษาสิ่งแวดล้อม ทว่าในทางกลับกันมันก็ ช่วยคุณลดการใช้น้ำมันไปด้วยในตัว
ช่วงแรกที่ขับขี่ต้องยอมรับว่าระบบ Idling Stop ทำตัวให้หน้ารำคาญบ้าง ด้วยการดับเครื่องยนต์แทบจะทันทีที่คุณเผลอไปสะกิดแป้นเบรกเข้าให้ หลายครั้งเครื่องยนต์ดับชั่วขณะในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เช่นเวลาที่เรากำลังชะลอเพื่อเข้าจอด หรือจะชะลอให้คนข้ามถนน เป็นต้น ทำให้การขับขี่แรกๆต้องยอมรับว่า ค่อนข้างกังวล แต่เมื่อจับจังหวะได้ก็จะค้นพบว่าการควบคุมมันนั้นไม่ได้ยากอย่าที่คิดและ เมื่อเราชินก็สามารถลดความรำคาญไปได้
หลายคนอาจจะสงสัยว่าการติดๆดับๆ เครื่องยนต์นั้นมีข้อดีหรือเสียมากกว่ากัน อันที่จริงในกรณีนี้ต้องยอมรับว่า มีประโยชน์มากกว่า ในเรื่องของการลดการใช้พลังงานโดยตรง ส่วนที่มีหลายเสียงเคยตัดพ้อว่า การดับเครื่องยนต์บ่อยนั้นจะทำให้เครื่องยนต์พังเร็ว หรืออย่างน้อยที่สุดชุดไดสตาร์ทพังเร็ว แต่จากการถามวิศวกร ฮอนด้า ในงดก่อนหน้านี้บอกว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะเครื่องยนต์ของ Honda Jazz Hybrid ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการช่วยสตาร์ท พูดง่ายๆก็เหมือนกระตุกสตาร์ท สำหรับคนแบตเตอร์รี่หมดนั่นเอง จึงสามารถวางใจได้อย่างแน่นนอ
ถึง Idling Stop จะสร้างความปวดหัวมากแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่เท่ากับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของรถหรือ EV mode ที่ถูกตั้งเอาไว้อย่างอัตโนมัติเมื่อสามารถทำตามเงื่อนไขได้ครบ และก่อนหน้าในการทดสอบกลุ่ม เราได้ทดลองมันและใช้งานได้ที่ความเร็ว 50 ก.ม./ช.ม.ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น
ในครั้งนี้เรากลับมาลองโหมดนี้ใหม่ ด้วยความหวังว่ามันจะทำให้เรากระจ่างมากขึ้นในเรื่องลักษณะ แต่แล้ว EV Mode ก็ยังทำให้เรายุ่งยากเหมือนเคยด้วย ความยากและต้องเดาใจก่อนที่มันทำงาน แต่แล้วหลังจากขับมาหลายวันก็ค้นพบว่าระบบจะเข้าสู่เงื่อนไขเองเมื่อใช้ความเร็ว 30-60 ก.ม./ช.ม. โดยประมาณ และ ใช้คันเร่งแบบผิวๆ เรียกว่ากดไปแค่ปลายเท้า และเมื่อมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนรถ เครื่องยนต์จะดับแต่ทุกครั้งสิ่งที่สังเกตคือมันไม่สามารถเพิ่มความเร็วได้หากต้องการ และเมื่อมีสิ่งใดมาสะดุดความตั้งใจของคุณ มันก็ทำให้ระบบออกจากโหมดทันที ซึ่งจากความพยายามหลายต่อหลายครั้ง ที่ๆเหมาะสุดในการใช้โหมดนี้คือช่วงการขับขี่ในซอยและแค่เพียง 200 เมตร มันก็ยากเหลือกินแล้วที่จะทำให้มันเสถียร ซึ่งหากฝึกฝนบ่อยก็จะทำให้สามารถใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น และแน่นอนทำให้เราประหยัดด้วย
เราขับขี่ในเขตเมืองตลอดช่วงสัปดาห์ตะลุยหลายพื้นที่มากมาย ทั้ง สุขุมวิท สีลม ลาดพร้าว และอื่นๆอีกมาก จนจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ทั้งหมดล้วนเป็นช่วงที่รถติดมหาโหดทั้งสิ้น ใครพูดว่าไงไม่รู้ แต่นี่คือบททดสอบในเมืองของจริง และท้ายที่สุด Honda Jazz Hybrid ก็ทำให้เราประทับใจเมื่อเปิดถังดันน้ำมันคืนจากหัวจ่าย บวกลบคูณหารแล้ว ขับแบบ เปิดเพลงชิว ซิกแซกในเมือง จอดรถซื้อกับข้าวไปห้าง งานนี้สบายใจได้เพราะ ตัวเลข 15.3 ก.ม./ลิตร เป็นอัตราที่ไม่ไกลเกินความจริงมากนัก
หลังจากจัดหนักในเขตเมืองไปแล้ว ด้วยนิสัยคนไทยรถคันเดียว Everything เราจึงจับ Honda Jazz Hybrid วิ่งทางไกลออกทริปเล็กน้อย การขับขี่บนทางหลวงนี้ ช่วยให้เราสามารถสังเกตลักษณะระบบกันสะเทือนแล้ว มันก็สร้างความประทับใจ ด้วยความลงตัวที่ดีกว่ารุ่นธรรมดาอย่างชัดเจน ช่วงยืดและหดตัวทำได้เร็วเช่นเดียวกับการตอบสนองที่ว่องไว เน้นในอารมณ์ที่แน่นและไม่รู้สึกเบาหวิวแม้จะใช้ความเร็วสูงถึง 160 ก.ม./ช.ม. และมันทำให้วางใจได้แม้คุณจะนั่งแค่ 2 คนเท่านั้น
สิ่งที่โดดเด่นและแทบไม่ได้สังเกตเมื่อขับขี่ในเมืองก็คงไม่พ้นการกระจายน้ำหนักที่ลงตัวกว่า แบตเตอร์รี่พร้อมหน่วยประมวลผลที่ประจำการ ทำให้มีน้ำหนักทางด้านหลังมากขึ้น และมันทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นในยามขับขี่ โดยเฉพาะการเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูง จะสังเกตได้ว่าท้ายไม่กวาด เช่นเดียวกับการเบรกกะทันหันที่ตอบโจทย์ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ช่วงระหว่างทางเรามีโอกาสลองจับอัตราเร่ง 90-130 ก.ม./ช.ม. ดู และมันก็ชวนน่าทึ่งด้วยตัวเลข 10.25 วินาที และเมื่อลดความเร็วลงเหลือ 90 ก.ม./ช.ม. แล้วเหลียวมองหน้าปัดดูเราก็ต้องแปลกใจกับการใช้รอบเครื่องที่ 1900 รอบต่อนาที โดยประมาณ และที่ความเร็วเดินทาง 110 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2100 รอบต่อนาทีเท่านั้น ซึ่งไม่น่าแปลกใจเมื่อ Honda Jazz Hybrid มาพร้อมชุดเกียร์ CVT พร้อมอัตราทด 2.526 - 0.421 แล้วส่งลงเฟืองท้าย 5.274และท้ายสุดในทริปเล็กๆนี้ เราได้อัตราประหยัด 18.2 ก.ม./ลิตร อ้างอิงจากหน้าปัดของรถ ซึ่งใกล้เคียงกับผลของอัตราประหยัดที่ได้เคยทำการทดสอบมาแล้วในช่วงการขับขี่แบบกลุ่ม
Honda Jazz Hybrid จัดว่าเป็นอีกรถที่ลงตัวในเรื่องของการออกแบบ ฟังชั่นการใช้งาน เช่นเดียวกับความประหยัดจากความล้ำสมัย และด้วยราคาที่เคาะจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวที่ 768,000 บาท นี่คือรถไฮบริดที่สามารถมั่นใจได้ในเรื่องการใช้งานที่มีข้อดีมากมาย โดยเฉพาะในแง่ความประหยัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าคุรต้องมาเรียนรู้ระบบต่างๆอีกพอสมควร....สวัสดี
ผลการทดสอบ Honda Jazz Hybrid
การทำงานของเครื่องยนต์
ที่ความเร็ว 90 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงานที่ 1900 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงานที่ 2000 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงานที่ 2100 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 90-130 ก.ม./ช.ม. ใช้เวลา 10.25 วินาที
อัตราประหยัด ในเมือง (รถติด) 15.3 ก.ม./ลิตร
อัตราประหยัด นอกเมือง 18.2 ก.ม./ลิตร
คะแนนการทดสอบ Honda Jazz Hybrid ได้ 93 คะแนน
หัวข้อ |
คะแนน (หมวดละ 20คะแนน) |
ข้อเสนอแนะ -ติชม |
การออกแบบภายนอก |
18 |
ตั้งแต่เกิดตัวมา Honda Jazz เป็นรถที่แสดงถึงการออกแบบทีทันสมัย แม้จะผ่านมายาวนานแล้ว ค่ายรถยนต์รุ่นนี้ยังดูดีโดยเฉพาะในความสปอร์ตที่โดนใจคนมากนักต่อนัก และในเวอร์ชั่นไฮบริดสิ่งที่เราพูดถึงนี้ก็ยังคงอยู่ แต่ด้วยเปลี่ยนแปลงที่เป็นในทางดีขึ้นทำให้มันดูน่าประทับใจแต่จะว่าไปก็น้อยไปหน่อย |
ภายในห้องโดยสาร |
18 |
ห้องโดยสารที่ยังสามารถรักษารูปแบบการใช้งานไว้อย่างไม่เปลี่ยนแปลงเป็นโจทย์ที่ให้ความลงตัวมากและถือว่าทำได้ดียิ่งขึ้น ด้วยความทันสมัยที่ใส่เข้ามาเช่นระบบแอร์อัตโนมัติไปจนถึงหน้าแกเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูล แต่จะว่าไปความเล็กของมันทำให้ใช้งานยากไปสักหน่อย |
เครื่องยนต์ |
19 |
เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร 8 วาล์ว อาจจะทำให้หลายคนกังขาว่าสรุปแล้วมันสามารถโลดแล่นได้ดีมากน้อยเพียงใด แต่แม้จะถูกลดขนาดลงไปในแบบที่หลายคนเข้าใจ แต่อันที่จริงมันมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยงานได้เป็นอย่างดี อัตราเร่งหรืออื่นๆ นั้นสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ถ้าถามว่าดีขึ้นไหม คำตอบคือดีกว่า แต่ด้วยการเซทเฟืองท้ายสูง ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในเรื่องความสามรถที่ดูดีขึ้นในเครื่องยนต์ที่เล็กลง |
ระบบกันสะเทือนและสมรรถนะการขับขี่ |
18 |
แม้จะเกิดข้ามาเพื่อเป็นตัวประหยัดสำหรับคนชอบรถเล็กแต่ข้อหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็เป็นสมรรถนะ ที่ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาและมันทำให้เรารู้สึกมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น ยิ่งในความเร็วสูง หรือความคล่องตัว แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการทรงตัว อาจจะด้วยน้ำหนักที่แบตเตอร์รี่ทางด้านท้ายรถก็ทำให้รถมีการกระจายน้ำหนักที่ดีอย่างชัดเจน |
เทคโนโลยี |
20 |
เมื่อพูดว่านี่คือรถยนต์ไฮบริดราคาไม่ถึงล้านบาท มันย่อมน่าสนใจและ นี่คือความพยายามของ Honda แม้พูดกันตามความจริงระบบไฮบริดบนรถคันนี้อาจจะคือฟังชั่นการทำงานแบบ mild hybrid ที่ไม่ได้เป็นเมนหลักในการทำงานทุกเรื่อง แต่ว่าด้วยการนำระบบไฮบริดมาจัดไว้ในรถเล็กในราคาที่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ก็เป็นออพชั่นที่มีความลงตัวที่เหมาะสม และยิ่งกับการนำมันมาอยู่ในซิตี้คาร์ก็ทำให้ Honda Jazz hybrid มีคุณค่ามากขึ้น ยิ่งในสภาวะการจราจรติดขัด |
สรุป |
93 |
แม้ Honda Jazz Hybrid อาจจะเป็นเพียงซิตี้คาร์คันหนึ่งที่ได้รับหารติดตั้งระบบเครื่องยนต์ไฮบริดเขามา พร้อมออพชั่นต่างๆนานา ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น แต่เรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้คือว่า เมื่อพูดถึงความประหยัด เครื่องยนต์ไฮบริดให้ความลงตัวมากกว่าจากการเข้ามาช่วยงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า และทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเข้าโหมดประหยัดตลอดเวลา ซึ่งทำให้เครียดในการขับขี่ แต่ก็ยังสามารถทำตัวเลขระดับ 20 ก.ม./ลิตรนอกเมืองได้ และในเมืองขับแบบจราจรติดจริงที่ 15.3 ก.ม./ลิตร |
อัลบั้มภาพ 32 ภาพ