Sanook! Drive : Honda CR-V 2.0 S...แค่รุ่นเริ่มต้นก็เกินพอ
ทุกวันนี้การซื้อรถยนต์สักคันหนึ่งต้องมาพร้อมกับความคุ้มค่ามากที่สุดในการใช้งานเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันคนจำนวนมากมองหารถยนต์ที่มีอะไรมากกว่าแค่สมรรถนะการขับขี่ แต่มันยังต้องมีแนวคิดที่ลงตัวสอดคล้อง และแน่นอนนั่นรวมถึงราคาจำหน่ายของรถยนต์รุ่นนั้นๆด้วยเช่นกัน
ในตลาดบ้านเราเมื่อพุดถึงรถยนต์ที่ได้รถที่ความนิยมตั้งแต่อดีตมาจวบจนปัจจุบัน Honda CR-V ถือว่าเป็นรถยนต์ที่คนไทยคุ้นหูกันมานาน ในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์ที่เจ้ามาเปิดตลาดวางขาย โดยในช่วงแรงๆเป็นรถยนต์ที่ออกมาในสไตล์คอมแพ็คอเนกประสงค์ ก่อนที่ จะพาพัฒนาการออกแบบให้ดีมากยิ่งข้น จากรุ่นสู่รุ่น และทำให้ในท้ายที่สุดรถยนต์รุ่นนี้กลายเป็นอเนกประสงค์เต็มตัว สร้างความฮือฮาให้ในตลาดตั้งแต่เมื่อรุ่นที่แล้ว ที่เข้ามาวางจำหน่าย และยังได้รับความนิยมในการเลือกซื้อหามาใช้งานจากคนไทย
Honda CR-V 2.0 S
เรือนร่างที่ตอบโจทย์มีเสน่ห์ พร้อมสมรรถนะและความสะดวกตามแบบฉบับค่ายรถยนต์ ฮอนด้า ถือเป็นเอกลักษณ์ ที่จะไม่สามารถหาได้จากรถยนต์รุ่นอื่นๆที่วางจำหน่ายในตลาดในกลุ่มเดียวกัน หากแต่ในรุ่นใหม่ ในโฉมที่ 4 ค่ายรถยนต์ Honda มองถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในรถยนต์ Honda CR-V ที่ต้องมาปลุกปั้นในเสน่ห์ที่แตกต่างและคราวนี้ให้ความลงตัวมากยิ่งขึ้น แต่ที่หลายคนสงสัยไม่แพ้กัน ก็อยู่ที่รุ่นเริ่มต้นของรถยนต์ Honda CR-V ที่หลายคนมักจะมองก่อนในฐานะรุ่นเริ่มต้นที่สามารถคบหาได้ในราคาไม่แพงนัก
ราคาที่เซทเอาไว้ที่ 1,164,000 บาท ถือว่าไม่ใช่ราคาที่แพงเลย เมื่อเทียบกับการออกแบบ ที่หลายคนคงพอเห็นผ่านตากันไปบ้างแล้ว แต่เช่นเดียวกัน นอกจากการออกแบบที่มากมายแล้ว ยังคงต้องมองถึงสมรรนถะที่เราจะมาท้าพิสูจน์ในรุ่นที่ต่ำที่สุดว่ามันมีอะไรแตกต่างไปบ้าง
ภายนอกคล้ายกัน ต่างกัน นิดเดียว
ครั้งที่เราได้เจอกับ Honda CR-V ในครั้งแรก การออกแบบของรถรุ่นนี้ในโฉมที่ 4 สร้างความแตกต่างได้อย่างน่าประทับใจด้วยเส้นสายการออกแบบ ที่เปลี่ยนจากหงิมๆ ติ๋มๆ เป็นรถสำหรับผู้หญิงมากกว่าท่าน ชายกลายมาเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีความดุดันในการออกแบบ ตั้งแต่แรกเริ่มเห็นหน้า ยิ่งในครั้งแรกจากตัวคอนเซปต์ ที่ออกมาโชว์ภาพของการออกแบบในอเมริกาในช่วงปลายปี 2011 ก็ทำให้เราตื่นตาตื่นใจถึงการออกแบบของรถยนต์รุ่นนี้ที่มีแนวคิดที่แตกต่างฉีกกฎเดิมโดยสิ้นเชิง
ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ที่เราพบรถคันนี้ หลังจากที่ได้พบกันกับรถอเนกประสงค์ของค่ายรถยนต์รายนี้พอสมควร ทั้งการเปิดตัว Honda CR-V ใหม่ หรือจะเป็นการทดสอบกลุ่ม Honda CR-V และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เราต้องยืมรถรุ่นนี้มาขับกันแบบจริงๆจังๆ โดยเฉพาะรุ่น 2.0 ที่หลายคนเฝ้ารอคอยว่า จะมีใครจับมันมาทดสอบเสียที
แน่นอนเราอาจจะไม่ใช่คนแรก ...แต่จะขอเป็นคนสุดท้าย เย้ยไม่ใช่ เพราะนั่นเป็นเรื่องของความรัก ทว่าในการไปฮอนด้าในครั้งนี้ก็ทำให้ใจเราเต้นตึ้บตับ เพราะ การทดสอบ Honda CR-V 2.0 เป็นเรื่องที่รอคอยพอสมควร และเฉกเช่นเดิม หนุ่มต้า พีอาร์อารมณ์ดีของค่ายฮอนด้า ต้อนรับเราอย่างอบอุ่น แม้ จะงานยุ่งโรมรันพันตูก็ยังหาเวลาที่จะพบพูดคุยแรกเปลี่ยนแนวคิดกันเล็กๆน้อยๆ ก่อนที่จะโบกมือลาออกมาพร้อม Honda CR-V 2.0 S
ใบหน้าที่ดูไม่แตกต่าง ทำให้เราแทบจะกล้าพูดว่านี่เป็นรถยนต์อีกรุ่นที่ขับแล้วไม่รู้สึกว่ามีการแบ่งชนชั้นมากจนเกินงามนักด้วยการออกแบบที่ วิศวกรเคยพูดให้เราฟังว่า พวกเขาที่ Honda R&D (Research& Development) ต้องการให้รถคันนี้มีแนวคิดที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดจนเรียกว่าเป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบแท้จริง ไม่ใช่เพียงคำโฆษณาให้ดูดี และสิ่งแรกที่พวกเขาเริ่มต้นนั้นก็คือการออกแบบ
กระจังหน้าที่โดดเด่นมาแต่ไกล คือเอกลักษณ์ที่ชวนให้ Honda CR-V ใหม่ มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น พอสมควร ไม่น่าแปลกใจ ถ้าจะพบว่าในทุกส่วนของรถรุ่นนี้ เมื่อคุณมองกระจกหลังบนถนน จะจำกระจังหน้ารถรุ่นนี้ได้มากกว่ารถรุ่นอื่น ส่วนหนึ่งก็ด้วยการออกแบบที่มีความผสมกลมกลืนระหว่างความสปอร์ตและความหรูหรา จับเม้าท์เข้าด้วยกันแล้วเขย่าออกมาดังที่เห็น
ไฟหน้าถูกทำให้ตัวรถมีความปราดเปรียวให้ความคมเข้มมากขึ้น จนผู้ชายขับไปดูแมน ผู้หญิงขับมาก็ดูเปรี้ยวจี๊ดออกแนว เวิร์คกิ้งวูแมน หรือพูดภาษาไทยเข้าใจง่ายๆ ก็ "คุณแม่ยังสาว" แต่กับคนโสดก็ไม่ต้องกลัวว่าจะดูเป็นคนมีครอบครัว เพราะ ยังดูสปอร์ตจากกันชนหน้ารวมถึงคมสันเส้นสายการออกแบบตั้งแต่ด้านหน้า จะขาดเพียงไฟตัดหมอกที่จะทำให้ดูแตกต่างผ่านสู่ด้านข้างไปยังด้านหลังของตัวรถที่มีความลงตัวกลมกลืน
แม้จะดูไม่สอดคล้องแต่ด้านหลังของ Honda CR-V ใหม่ เน้นการนำเสนอการออกแบบที่ยังคงเอกลักษณ์ไฟท้ายแนวตั้งที่ถ่ายทอดต่อกันมา แม้ องค์เอวในรุ่นใหม่ นี้ จะทำให้รถยนต์ในโฉมที่ 4 นี้ดูมีความแตกต่างในการออกแบบที่ดูคล้ายรถยุโรปจากสวีดิชมากขึ้น แต่เมื่อมองที่ด้านท้าย คุณก็จะพบความหรูที่ซ่อนอยู่ในตัวรถ ก่อนที่ องค์รวมที่ปลายท้าจะสวมด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 225/65/17 มาตอบโจทย์ในเรื่องการขับขี่ที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดจุอยู่ในเรือนร่างที่มีความยาว 4,534 ม.ม. กว้าง 1,820 ม.ม. และ สูง 1,680 ม.ม. มีระยะฐานล้อยาวถึง 2,620 ม.ม. และ จากพื้นถนนถึงความเต้นสุดของใต้ท้องนั้น อยู่ที่ 170 ม.ม. หรือ จะว่าไปมันสูงกว่าซิตี้คาร์ไม่มากมายนัก
ห้องโดยสารสปอร์ตหรู อีกหนึ่งในความแตกต่าง
หลังจากขับออกมาจากฮอนด้ากลิ่นอายความสปอร์ตเริ่มเข้าครอบงำ ด้วยเสน่ห์การตบแต่งที่มุ่งเน้นในความสปอร์ตของตัวรถมากมายอย่างทะลัก โดยเฉพาะการตบแต่งในห้องโดยสารด้วยโทนสีเทาดำ ซึ่งให้ความรู้สึกที่สปอร์ตเต็มอารมณ์ รับเข้ากับภายนอกของตัวรถที่มาในสไตล์มากยิ่งขึ้น
เบาะนั่งแบบหนังผสมวัสดุวาดทรงสรีระได้พอเหมาะ ขนาดเบาะที่ใหญ่ให้ความลงตัวพอสมควร ในการนั่ง พนักผิงหลังทำมาได้นิ่มพอตัวแต่ยังไม่มากในเบาะคู่หน้าของตัวรถ ส่วนที่รองนั่งทำได้อย่างพอตัว และเมื่อปรับท่านั่งตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคลและปรับตัวสักพัก ก็จะค้นพบว่ามันเหมาะพอสมควร แต่ในรุ่นล่างสุดนี้จะไม่ได้มีเบาะไฟฟ้า ปรับ 8 ทิศทางมาให้
นอกจากเบาะไฟฟ้าที่หายไปแล้ว ถ้าคุณคิดจะคบ Honda CR-V 2.0 S ยังมีอีกหลายสิ่งที่หายไปจากออพชั่นที่คุณจะพบได้ในรุ่นที่มากขึ้น เช่นปุ่มสตาร์ท หรือจะเป็นแอร์แยกซ้ายขวา ซึ่งทั้งสองอย่างแค่เพียงเพิ่มเงินอีกนิด ก็จะพบออพชั่นดังกล่าวได้ รวมถึง Paddle Shift ที่จะมีในรุ่น 2.4 เท่านั้น
ที่นั่งด้านหลังมีโอกาสได้ลองเล็กๆ น้อย ซึ่งจากครั้งที่แล้วที่เราได้ทดสอบ พบว่า ระยะวางขาดี ระยะเหนือหัวดี แต่ ท่านั่ง ที่เตี้ยชิดกับพื้นรถพอสมควร ทำให้ มีความรู้สึกที่ไม่ลงตัวโดยเฉพาะคนตัวสูง ที่จะรู้สึก เหมือนนั่งแล้วพลอยจะไหลในยามที่รถเคลื่อนตัวไปตามเส้นทาง แม้ จะถือว่าโอเค ในการปรับท่านั่ง แต่ หากเบาะมีความสูงอีกเล็กน้อยน่าจะดี ยิ่ง Honda CR-V เป็นรถที่ขายทั่วโลกด้วยแล้วในโลกตะวันตกน่าจะมีคนที่มีความสูงมากพอสมควร และมันอาจจะนั่งสบายอย่างที่คิด
อีกจุดอ่อนที่เชื่อว่าน่าจะเป็นข้อที่หลายคนกังขาก็ไม่พ้นเรื่องจำนวนที่นั่ง ซึ่ง CR-V ยังยึดแนวคิดแบบ 5 ที่นั่ง ด้วยเบาะ 2 แถว ที่ตอนหลังอาจจะสามรรถปรับพับได้ด้วยฟังชั่น One Motion ซึ่งเมื่อใช้งานจริงก็ถือว่าสะดวกพอสมควร แต่ถึงแม้จะทำให้ปรับพับง่ายแต่ด้วย คู่แข่งอาจจะมีที่นั่งเสริมอีก 2 ที่ทางด้านหลัง ก็ทำให้ CR-V ใหม่ ดูด้อยกว่าในเรื่องการใช้งาน ในเรื่องการโดยสาร
สมรรถนะยังเยี่ยม สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง
หลายครั้งหลายหนที่เราได้ทดสอบรถแล้วพบว่า ในท้ายที่สุดสิ่งที่พูดอ้างโฆษณาสารพัดสารพัน ที่แท้ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ในรุ่นท๊อป โดยเฉพา ความแตกต่างระหว่างการขับขี่ของรุ่นท๊อปและรุ่นเริ่มต้น เป็นสิ่งที่บั่นทอนมากในรถยนต์หลายรุ่นๆ
สิ่งที่สร้างความแตกต่างทำให้เราค้นหามากมายในรถหลายรุ่น แต่แล้วใน Honda CR-V เราก็พบว่ามันไม่ต่างกันมากนัก ถ้าไม่นับว่าในรุ่น 2.0 S มาพร้อมเครื่องยนต์ทีขนาดเล็กว่ากับ เครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร ออกแบบให้มีช่วงชักและกระบอกสูบ ด้วยขนาด 81.0X96.9 ม.ม. ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุดกำลังพอใช้งานที่ 190 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที โดยกำลังจากเครื่องยนต์ขับลงระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด มีอัตราทด ดังนี้
เกียร์ 1 |
2.785 |
เกียร์ 2 |
1.684 |
เกียร์ 3 |
1.128 |
เกียร์ 4 |
0.772 |
เกียร์ 5 |
0.598 |
เฟืองท้าย |
4.437 |
โดยในรุ่น 2.0 S เป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางสำหรับคนที่เน้นลุยมากมายนัก แต่ถึงแบบนั้นฟังชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ใน Honda CR-V ใหม่ ก็ยังเป็นแบบ Real Time 4WD ซึ่งจะทำงานเมื่อยามที่เราต้องการใช้เท่านั้น
การขับขี่ของเราหลังจากฮอนด้าก็ต้อนรับด้วยบรรยากาศในเมืองกับถนนสุขุมวิท และในยามเย็นเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลใจที่การจราจรนั้นจะติดขัดพอสมควร สำหรับคนขับรถยนต์คันใหญ่ การซอกแซกไปในเขตเมืองเป็นเรื่องยากและ Honda CR-V ใหม่ ก็ไม่ได้ทำให้ลำบากมากมาย ด้วยความยาว ตามที่กล่าวไป มันมีขนาดไม่ต่างจากรถเก๋งทั่วไปสักเท่าไร แถม ทัศนะวิสัยในการขับขี่ถือว่ากว้างขวางมาก เสาคู่หน้าไม่ได้เป็นปัญหามากมายนักทำให้ สามารถมองได้อย่างกว้าง เมื่อประกอบกับกระจกมองข้างที่มีขนาดใหญ่ ช่วยให้มุมมองที่พอเพียงต่อการพาร่างขนาดใหญ่ของตัวมันผ่านเขตเมือง
รถอเนกประสงค์กับเขตเมือง มักไม่ค่อยเข้ากันได้ โดยเฉพาะความประหยัด ที่ในยามรถติดขัดบนถนนสุขมวิท เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรก็พร้อมดูดเงินในกระเป๋าคุณกับ อัตราประหยัดน้ำมันที่แย่สุดที่ 8.3 กิโลเมตร /ลิตร จากหน้าปัด ที่ทำเอาปาดเหงื่อพอสมควร แต่เมื่อรถเลื่อนๆ ไหลไปตามกระแสการจราจร อัตราประหยัดก็จะดีขึ้นตามลำดับ และก็พบว่ามันจบ ที่ ราวๆ 11.1 ก.ม./ลิตร ก่อนแล่นสู่เขตชานเมือง
ด้วยเรือนร่างที่มีขนาดใหญ่พอสมควร Honda CR-V อาจจะเจออุปสรรคบ้างโดยเฉพาะถนนที่มีการตีช่องจราจรแคบ ขนาดที่กว้างของตัวรถ อาจจะทำให้ยากที่จะฝ่าการจรจรไปได้ นั่นรวมถึง ซอยแคบ ที่อาจจะต้องกะกันให้ดีในการขับขี่ ในเขตเมือง
เมื่อออกนอกเมืองทุกอย่างกลับกลายเป็นสิ่งที่ลงตัว โดยเฉพาะในเรื่องการขับขี่ ด้วยช่วงล่างที่เซทมาในสไตล์สปอร์ตแบบหนึบแต่แอบกระด้างเล็กๆ เน้นซับแรงกระแทกอย่างรวดเร็วด้วยอัตราสปริงที่ยืด-ยุบ อย่างรวดเร็ว และเหล็กกันโคลงทำงานสอดประสานตลอดการเดินทาง
ในช่วงความเร็วต่ำ ช่วงล่างที่แข็งตัว อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกว่ามันขับไม่สบายนัก แม้กระทั่งการโดยสาร ก็อาจจะให้ความรู้สึกที่กระด้างไปสักหน่อย แต่ในรุ่น 2.0 นี้ มีการปรับแต่งอีกพอสมควร หากเทียบกับรุ่น 2.4 ซึ่ง มันก็ยังไม่กระด้างมากมายนัก
ช่วงล่างที่เซทมาอย่างลงตัว ให้ความมั่นใจในการปราบฝูงม้ากับระบบเบรก ที่สั่งได้ทันตาคู่หน้าเลือกใช้จานเบรกแบบระบายความร้อน ส่วนด้านหลังเป็นจานเบรกแบบดรัมอินดิสก์ และด้วยพียงแรงเหยียบเล็กน้อยเท่านั้น จากแป้นเยียบที่ตื้น ก็ช่วยให้สามารถหยุดได้อยู่หมัด แม้กระทั่งยามขับขี่ด้วยความเร็วสูง ก็ยังให้ความมั่นใจได้เสมอ ไม่มีอาการ เฟดให้ได้มีเสียวหรือมีลุ้น แต่แน่นอนว่า เมื่อคุณใช้มันหนักมากก็ย่อมมีกลิ่นไหม้ตลบอบอวนตามมาอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากขับทดสอบในช่วงนอกเมืองไปกลับกรุงเทพ-หัวหิน สถานที่ตากอากาศยอดฮิตของคนเมืองกรุง ก็ได้เวลาที่มองหาอัตราประหยัดของเจ้า Honda CR-V 2.0 S และสรุปแล้ว เราได้ตัวเลข 12.1 กิโลเมตร/ลิตร จากการเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 ที่ใช้ในระหว่างการทดสอบ แต่ที่อยากจะบอกคือว่า เมื่อคุณใช้ความเร็วสูงบ่อยครั้งตั้งแต่ 160 ก.ม. ขึ้นไปน้ำมันจะหายตัวไวปานโกหกเลยทีเดียว
Honda CR-V 2.0 S อาจจะเป็นเพียงรุ่นเริ่มต้นของรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมของคนไทย แต่แม้มันจะเป็นน้องเล็กที่สุดในรุ่น เรื่องสมรรถนะก็ยังถือว่าดีเกินคาดเมื่อคิดกับราคา 1,164 ,000 บาท กับออพชั่นความสบายอย่างที่ถูกทอนออกไป..ทว่า จิตวิญญาณเรื่องสมรรนถะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ผลการทดสอบ Honda CR-V 2.0 S
การทำงานของเครื่องยนต์
ความเร็ว (กิโลเมตร/ชั่วโมง) |
รอบเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) |
90 |
1750 |
100 |
1900 |
110 |
2100 |
120 |
2400 |
175 |
4500 |
ความเร็วสูงสุดขณะทดสอบ 175 กิโลเมตร / ชั่วโมง
อัตราประหยัด
ในเมือง 8.3 กิโลเมตร / ลิตร (สภาพการขับขี่ รถติดบนถนน สุขุมวิท )
นอกเมือง 12.1 กิโลเมตร /ชั่วโมง
ตารางแสดงคะแนนจากคำวิจารณ์ ในการทดสอบ Honda CR-V 2.0 ได้ 88 คะแนน
หัวข้อ |
คะแนน (หมวดละ 20 คะแนน) |
คำแนะนำและติชม |
การออกแบบภายนอก |
18 |
การออกแบบที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมในกรเสริมองค์ประกอบของความสปอร์ตเข้าไปนั้นเป็นการสร้างความแตกต่างจากเดิมที่มีมากขึ้น และสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในการออกแบบจากฮอนด้าคือความลงตัว ซึ่ง Honda CR-V สามารถทำได้ดีเกินคาดกว่าที่คิดในการออกแบบ รวมถึงสิ่งที่น่าชมเชยคือความไม่แตกต่างระหว่างรุ่นจนเป็นที่สังเกต เว้นแต่ล้อและ ไฟตัดหมอก |
การออกแบบภายในห้องโดยสาร |
17 |
ห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงที่มากในเรื่องอุปกรณ์ความสบาย ซึ่งในรุ่นล่างจะถูกตัดออกไป เช่นเบาะไฟฟ้าทางด้านคนขับ และ แอร์แยกซ้ายขวา รวมถึงปุ่มสตาร์ท แต่แน่นอนว่า หลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะการออกแบบ ที่ไม่แตกต่างยังคงอยู่ แต่ที่อยากให้ปรับปรุงคือท่านั่งของเบาะหลัง ที่ดูแล้วโอเค แต่เหมือนยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร เพราะ เบาะมีความสูงเกินไป |
เครื่องยนต์ |
18 |
เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 155 แรงม้า ให้กำลังดีพอสมควรในการขับขี่ ทั้งในเมืองและนอกเมือง แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหา ซึ่งเป็นธรรมดาของเครื่องบล็อกใหญ่ มันไม่ประหยัดในการขับขี่ในเมืองเท่าไรนัก แม้จะมีความสามารถในการใช้น้ำมันใน E85 ก็ตามที |
ระบบกันสะเทือนและสมรรถนะการขับขี่ |
18 |
เรื่องการขับขี่ถือว่ายังมีความสามารถที่ดีมากและไม่ต่างจากที่เคยได้สัมผัสในรุ่น 2.4 เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะไม่มีระบบ Real time 4WD สำหรับขาลุย แต่สำหรับคนทั่วไปถือว่ามันเพียงพอแล้วต่อการใช้งานจริงในการขับขี่ ซึ่งระบบกันสะเทือนเองกลับทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำในเรื่องความกระด้างที่น้อยกว่า 2.4 แต่ก็ยังคงความลงตัวในการขับขี่ไว้ได้ดีไม่เปลี่ยนแปลง |
เทคโนโลยี |
17 |
ถึงแม้โดยรวมเทคโนโลยีจะไม่ได้มากมาย แต่การให้องค์ประกอบในภาคส่วนที่แฝงไว้ในจิตวิญญาณ เช่น ความสามารถใน E85 หรือหน้าจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะและมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครัน ซึ่งบางออพชั่นถูกบั่นทอนลงไปในรถรุ่นนี้ |
สรุป (คะแนนรวม) |
88 |
Honda CR-V 2.0 เป็นรถยนต์ที่มีความคุ้มค่าในการซื้อหาด้วยราคาที่ไม่แพง แต่ยังได้การออกแบบ และจิตวิญญาณการขับขี่ที่ลงตัว ยิงความประหยัดที่มากับความสามารถในการใช้น้ำมัน E85 ราคา 1.164 ล้านบาท ถือว่าไม่แพงเลยสำหรับ รถอเนกประสงค์เยี่ยมอีกคันหนึ่งในตลาด |
อัลบั้มภาพ 52 ภาพ