รู้ยัง? ...เราควรเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อไหร่

รู้ยัง? ...เราควรเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อไหร่

รู้ยัง? ...เราควรเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อไหร่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอลัมน์ คาร์ทิปส์/มติชนรายวัน 16 มกราคม 2559

     เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย แต่ไม่ค่อยลงมือกระทำ ทั้งที่ระบบเบรกคือส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนทุกรูปแบบของผู้ใช้รถ การทำงานที่สมบูรณ์แบบของระบบเบรกที่สามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วและแม่นยำต่อความต้องการของผู้ขับขี่ ไม่ว่าชะลอหรือหยุดรถกะทันหัน โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เพื่อป้องกันหรือลดอุบัติเหตุจากการเฉี่ยวชนที่ก่อให้เกิดอันตรายให้เหลือน้อยที่สุด ยานยนต์ "มติชน" ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับระบบเบรกในรถยนต์


     ระบบเบรกรถยนต์ในปัจจุบันเป็นแบบไฮโดรลิก แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ

     1.ดรัมเบรก (Drum Brake)

     ดรัมเบรกจะติดตั้งแน่นกับลูกล้อ เบรกจะทำงานเมื่อมีการถ่างก้ามเบรกให้เสียดสีกับตัวเบรก ดรัมเบรกจะทำให้ล้อหยุด ดรัมเบรกใช้มากในรถบรรทุก ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก รวมทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลบางรุ่น รถบางรุ่นอาจใช้ระบบนี้เฉพาะล้อหลัง

     ข้อดี มีความสามารถในการหยุดรถได้เร็ว เพราะก้ามเบรกและดรัมเบรกถูกยึดติดกับดุมล้อ เมื่อเหยียบเบรก คนขับใช้แรงกดดันเบรกน้อย รถบางรุ่นไม่จำเป็นต้องใช้หม้อลมเบรกช่วยในการเบรก

     ข้อเสีย ความร้อนเกิดจากการเสียดสี ระหว่างผ้าเบรกในดรัมเบรกนั้นไม่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี บางครั้งทำให้ผ้าเบรกมีอุณหภูมิสูงมาก มีผลทำให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลง

 

     2.ดิสก์เบรก (Disc Brake)

     เป็นระบบเบรกระบบใหม่นิยมกันมาก เบรกจะทำงานโดยดันผ้าเบรกให้สัมผัสกับจานเบรกเพื่อให้รถหยุด รถยนต์บางรุ่นใช้ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ บางรุ่นใช้เฉพาะล้อหน้า

     ข้อดี ลดอาการเฟด (เบรกหาย) เนื่องจากอากาศถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่าดรัมเบรก นอกจากนั้นเมื่อเบรกเปียกน้ำผ้าเบรกจะสลัดน้ำออกจากระบบได้ดี ในขณะที่ดรัมเบรกน้ำจะขังอยู่ภายใน และใช้เวลาถ่ายเทค่อนข้างช้า

     ข้อเสีย ไม่มีระบบเซอร์โว แอ๊กชั่น (Servo action) หรือมัลติพลายอิ้ง แอ๊กชั่น (multiplying action) เหมือนกับดรัมเบรก ผู้ขับจึงต้องออกแรงมากกว่า จึงต้องใช้ระบบเพิ่มกำลัง เพื่อเป็นการผ่อนแรงขณะเหยียบเบรก ทำให้ระบบดิสก์เบรกมีราคาค่อนข้างแพงกว่าดรัมเบรก

 

     เราควรเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อไหร่?

     - เปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อผ้าเบรกมีความหนาน้อยกว่า 4 มม. และก้ามเบรกมีผ้าเบรกน้อยกว่า 1 มม. หรือผ้าเบรกเหลือน้อยกว่า 30%

     - เปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อมีคราบน้ำมันหรือจาระบีมากผิดปกติ

     - เปลี่ยนผ้าเบรกทันทีที่เห็นรอยร้าวบนดิสก์เบรกหรือก้ามเบรก

     - เปลี่ยนผ้าเบรกทุกๆ 25,000 กม. ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับและการใช้เบรกหากบรรทุกของหนักและขับรถด้วยความเร็วสูง อายุผ้าเบรกอาจจะสั้นกว่า หากเป็นผ้าเบรกที่มีส่วนผสมของโลหะสูง อายุของผ้าเบรกจะยาวกว่าผ้า

     เบรกเกรดที่มีส่วนผสมของโลหะต่ำ หรือผ้าเบรกเกรดโรงงานผลิตรถยนต์ (OEM) หากเบรกแล้วมีเสียงคล้ายเหล็กครูด เสียดสีกันอาจเกิดจากคลิปผ้าเบรกครูดกับจานเบรก เป็นสัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนผ้าเบรกได้ สิ่งผิดปกตินี้อาจจะไม่ได้เกิดจากผ้าเบรกหมดเสมอไป จึงควรให้ช่างตรวจดูความผิดปกติอื่นๆ

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook