ระวังยางรถยนต์ระเบิด!
เป็นที่ทราบกันดีว่ายางรถยนต์เป็นอุปกรณ์สำคัญ ผู้ขับขี่ยานยนต์ทุกคนจำเป็นต้องหมั่นดูแลเอาใจใส่ ยานยนต์ "มติชน" ขอนำเสนอสาเหตุการระเบิดของยางรถยนต์ในขณะขับขี่ได้มีการตรวจสภาพยางรถยนต์เป็นประจำก่อนการใช้เป็นเรื่องที่ควรทำเป็นนิสัย และถ้าสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ ที่ตัวยาง ผู้ใช้รถยนต์ควรรีบไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหรือเปลี่ยนทันที
ลักษณะของยางรถยนต์ที่ต้องระวังคือยางรถยนต์ที่มีรอยฉีกขาดที่แก้มยาง ดอกยางสึกไม่เท่ากัน อาจเกิดจากการเติมลมยางไม่เหมาะสม ล้อรถยนต์ไม่ได้ศูนย์ หรือปัญหาจากระบบช่วงล่างอื่นๆ
การดูว่ายางรถยนต์สึกหรอมากเกินไปหรือไม่นั้น สำหรับยางรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ส่วนมากจะมีจุดบอกค่าความสึกหรอของยางอยู่ระหว่างดอกยาง เป็นลักษณะสันยางเล็กนูนขวางตามร่องยาง ถ้าเห็นว่าดอกยางสึกจนอยู่ในระดับแนวเดียวกับสันยาง แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์ชุดใหม่แล้ว เช่นเดียวกับอาการบวมที่แก้มยาง ให้สังเกตผิวนูนขึ้นมาผิดปกติหรือใช้มือลูบยางดู ลักษณะแบบนี้อาจทำให้ยางรถยนต์ระเบิดได้ ควรรีบเปลี่ยนยางรถยนต์เช่นกัน
นอกจากนี้ให้ดูสภาพเนื้อยางประกอบด้วยว่ายังคงมีความยืดหยุ่นอยู่หรือเปล่า ยิ่งถ้าใช้งานยางรถยนต์มากกว่า 2 ปีขึ้นไป และวิ่งด้วยระยะทางไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นกิโลเมตร ยางรถยนต์บางยี่ห้ออาจมีเนื้อแข็งจนทำให้ดอกยางสึกยาก การดูตัวบอกค่าความสึกหรอก็อาจใช้ไม่ได้ ควรพิจารณาเนื้อยางด้วยการใช้เหรียญกดหรือเล็บจิกทดสอบดูว่าเนื้อยางยุบตัวได้แค่ไหน ถ้ากดลงยากหรือตรวจพบรอยแตกงาตามเนื้อยางก็ควรเปลี่ยนเช่นกัน
จากการสำรวจพบว่ารถกว่าครึ่งหนึ่งที่วิ่งอยู่บนท้องถนน จะมีอย่างน้อยหนึ่งล้อลมยางอ่อนกว่าที่เติมไว้ อาจจะเป็นเพราะซึมออกที่ตัวยางรถเองหรือตามขอบล้อหรือวาล์วลมรั่ว เกิดขึ้นอย่างช้าๆ จนเราสังเกตไม่ออก อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งทำให้แรงดันลมของยางอ่อนลงได้
นอกจากนั้น การที่แก้มยางจะยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่ออุณหภูมิต่ำลง ตัวยางเองก็มีข้อจำกัดสำหรับแรงดันลมเปลี่ยนไปเพื่อให้การขับขี่ยังคงความปลอดภัย แรงดันลมหายไปแค่เพียง 4 psi ก็ส่งผลต่อการขับขี่รถยนต์ได้ เพราะทำให้การควบคุมรถยนต์ยากขึ้น