ประชัน 3 ตัวแรงชั้นนำ จากเวทีเจนีวา

ประชัน 3 ตัวแรงชั้นนำ จากเวทีเจนีวา

ประชัน  3 ตัวแรงชั้นนำ จากเวทีเจนีวา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

            ในเวทีงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ที่เริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ทีผ่านมาไปหมาดๆ นี้  ค่ายรถยนต์หลายเจ้าต่าวที่จะเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และในหลายรถยนต์ที่แดออกมานั้นก็มี ตัวแรง จาก สามค่ายยักษ์ใหญ่ ที่ยึดหัวหาดเวทีนี้ในการเปิดตัวรถยนต์ตัวแรงกันเป็นว่าเล่นสวนกระแสยุคน้ำมันแพงด้วยความแรงในแนวทางใหม่

                Lamborghini, McLaren และ  Ferrari  กลายเป็นดาวเด่นในงานเจนีวาปีนี้ หลังจากที่ค่ายรถยนต์ทั้งสามส่งรถยนต์รุ่นใม่ ออกประชันกันย่างเมามันส์ ซึ่งส่วนหนึ่งทำให้คนทั่วโลก เห้นชัดว่ารถยนต์แรงยุคใหม่ ไม่จำเป้นต้องแคร์เรื่องราคาน้ำมันแพงเสมอไป หากแต่ยังสนุกกับความเร็วแรงได้ ด้วยเทคโนโลยีใหม่  ที่มานำเสนอ ด้วยดีกรีที่ไม่ธรรมดา แล้วเราจะจับมาประชันว่า ใครจะโดนในสาวกขาซิ่งมากกว่ากว่า

 

Mclaren P1  กลับมาอีกครั้งเพื่อตำนาน

                ชื่อเสียงของค่ยรถยนต์ Mclaren  ในช่วงปีหลายปีที่ผ่านน่าจะเรียว่าเป็นที่ค่อนข้างรันทดหลังจากปล่อยรุ่น  MP4-12 C  ที่มีสมรรถนะที่ดี เรือนร่างที่เค แต่ความไฮเทคของมันกลายเป็นหอกข้างแครในการทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย จนสาวกบางคนบอกว่ามันขับไม่มันเท่าไรนัก

                ชื่อเสียงของบริษัทที่มองว่ารถยนต์สมรรถนสูงต้องมีดีเอ็นเอ ของรถยนต์  Formula 1 ทำให้รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นใหม่กลับมาอีกครั้งด้วยแนวคิดที่ต้องการสืบสานตำนานจากรุ่น  F1  ที่ขึ้นชื่อลือา และกาลครั้งหนึ่ง มันคือรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก

 Mclaren P1 Mclaren P1

Mclaren P1

                Mclaren P1  เป็นชื่อที่โดดออกมาจากวงการข่าวเป็นครั้งแรก หลังจากที่ค่ายรถยนต์เจ้านี้โชว์โฉมตัวต้นแบบอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะตระเวรไปในหลายที เพื่อซาวน์ดเสียงสาวกซิ่งที่มองหารถยนต์สมรรถนะสูงก่อนที่จะนำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งโดยรวมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเรืองของการออกแบบมากมายนัก ด้วยทรวดทรงที่ดูดีและล้ำสมัย แต่ไม่อวกาศเกินไปนัก

                กลับกันก็ยังอัดแน่นอนด้วยเหนือชั้นตั้งแต่ดครงสร้างตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์พิเศษที่มาพร้อมกับการออกแบบที่ใช้หลักอากาศกลศาสตร์ที่เช่นเดียวกับที่ใช้ในรถสูตร 1 และยังใความสามารถในในการปรับเปลี่ยนในเชิงกลศาสตร์ ที่เรียกว่า Active Dynamic  โดยจะปรับเรือนร่างให้ลงตัวต่อการขับขี่ โดยในการขับขี่บนถนนปีกสปอร์ยเลอร์หลังจกยกสูงขึ้นตามสภาวะ โดยในถนนทั่วไปจะมีความสูงราวๆ 120 ม.ม. และ ในสนามจะสามารถมีความสูงดได้ถึง 300 ม.ม. ช่วยเพิ่มแรงกดในการขับขี่  รวมถึงยังมีการบุใต้ท้องเพื่อลดการรบกวนของแรงลมด้วย

                ด้านเสมรรถนะการขับขี่  Mclaren P1  มาพร้อมเครื่องยนต์ V8  ขนาด 3.8  ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่ และมอตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 903  แรงม้า ในหารขับเคลื่อน สามารถปั่นฝีเท้า   0-100  ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลาต่ำกว่า  3 วินาที แล้วเร่งถึง  200  ก.ม./ช.ม.  ในเวลา  7 วินาที แล้ว เร่งถึง  300 ก.ม./ช.ม. ในเวลาเพียง  17  วินาที ซึ่งเร็วกว่าเจ้าตำนาน Mclaren F1  ถึง 5 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง  350 ก.ม./ช.ม.

 La Ferari  ม้าลำพอง ปลุกปั้นตำนาน เพียง  499  คันทั่วโลก

                บนเวทีเจนีวา ค่าย Ferrari  ถือเป็นอีกค่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ลังจากที่บริษัทเผยข่าวคราวว่าจะปลุเ รถเฟอร์รารี่ใหม่ ที่เป็นการสืบสานตำนานในตระกูล Enzo กลับมาตอบโจทย์อีกครั้ง ทำให้ค่ายม้าลำพองกลายเป็นที่สนใจและเมื่อประกอบกับว่า มันมีภาพและข้อมูลออกมาเรื่อย ก็ยิ่งเรียกเสียงเกรียวกราวได้ไม่น้อย

                 La Ferrari  ชื่อที่เรียกง่าย ของว่าที่ตัวแรงลำใหม่ของค่าย ม้าลำพอง โดยตรวม มันคือการสร้างความเป็นปัจเจกให้กับรถยนต์ของค่ายด้วยการนำเสนอเส้นสายในการออกแบบ ในการรายละเอียดความสปอร์ตที่มีความแตกต่าง ในการออกแบบ และมีที่สำคัญรถรุ่นนี้จำวางจำหน่ยเพียง  499 คันทั่วโลกเท่านั้น

La FerrariLa Ferrari

 La Ferrari

                ความพิเศษของ  La ferrari  คือการใช้การออกแบบจากรถสูตร 1มาผสมผสานในเรือนร่างที่นอกจากจะดูสปอร์ตตามสไตล์  Ferrari  แล้วยังให้เสน่ห์ที่แตกต่างจากเดิม อาจจะมีบางมุมคล้ายกับ  Ferrari 458 บ้างเป็นบางอารมณ์ ห้องโดยสารมาพร้อมโครงวร้างที่ทำคาร์บอนไฟเบอร์เป็นหลักสำคัญ

                ก่อนที่จะติดตั้งเครื่องยนต์  V12  สมรรรถนะสูง ขนาด  6.3  ลิตร  ให้ฝีเท้าที่จัดจ้านในการขับขี่ ด้วยพละกำลัง   789  แรงม้าที่  9000 รอบต่อนาที เสริมอัตราเร่งให้จี๊ดจ๊าดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอีก  160  แรงม้า ทำให้ LaFerrari  มีกำลังทั้งสิ้น  950  แรงม้า และมีแรงบิด สูงสุด  900 นิวตันเมตร

                ความเร้าใจของ  La Ferrari  พร้อมพาคุณช๊อค ด้วยตัวเลข  0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา  3  วินาที  แล้วเร่งถึง   300 ก.ม./ช.ม. ในเวลาเพียง   15  วินาที   และความเร็วปลายสูงสุดเพียง  350  ก.ม./ช.ม.

Lamborghini Veneno  กระทิงยาพิษพิชิตเวที

                ด้านค่ายรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ชั้นนำ  Lamborghini  ก็กลับมาบนเวทีเจนีวาปีนี้ ด้วยการมองหาอะไรใหม่ในการตอบโจทย์ ในขณะที่คู่แข่งมาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ค่ายกระทิงกลับมองอะไรที่แตกต่าง และสืบสานความแตกต่างมาพร้อมกับความแปลกใหม่ที่ไม่ว่าใครก็ดูจะชอบใจ เมื่อกล่าวถึงรถซุปเปอร์คาร์

                เส้นสายเว้าโค้งเรียบหรูดูดี คงไม่ใช่สิ่งที่เห็นใน Lamborghini Veneno ที่มองข้ามช็อตในการตอบโจทย์ด้วยการออกแบบใหม่ ของรถซุปเปอร์คาร์ที่เน้นหนักในการออกแบบใหม่ที่ให้อารมณ์ดุดันเข้มเต็มพิกัดมากกว่าทุกรุ่นที่ค่ายกระทิงดุเคยทำกันมา เรือนร่างที่ดูดีนี้ ให้เสน่ห์ในความเร้าใจที่แตกต่าง ตั้งแต่เริ่มแรก โดย Lamborghini Veneno  สื่อสารถึงจิตวิญญาณของค่ายที่ฉลองครบ   50 ปี ของการก่อตั้ง จากอดีตจนถึงปัจจุบัน

Lamborghini Veneno Lamborghini Veneno

Lamborghini Veneno

                เรือนร่างคมเข้มถูกปรับให้มีความเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ทรงพลัง V12  ขนาด  6.5  ลิตร ที่ยกมาจากรุ่น Aventador  แม้จะไร้ระบบอัดอากาศ แต่ฝีเท้าก็ไม่ได้ย่อหย่อน ด้วยพละกำลังเพียวๆ 740  แรงม้า อาจจะไม่มีตัวเลขสถิติเอาไว้โม้ไว้มากมายนัก แต่เจ้ากระทิงคันนี้ สามารถเร่ง  0-100 ก.ม./ช.ม.  ได้ในเวลา  2.8  วินาที และมีความเร็วปลายมากถึง   354  กิโลเมตร /ชั่วโมงหากเร่งรีบไปยังปลายทาง     

                Lamborghini Veneno เป็นรถที่สร้างออกมาเพื่อต้องการตอบโจทย์ในเรื่องของการออกแบบ และสมรรถนะล้วนๆ แต่ทีเด็ดของมันนั้นอยู่ที่จะมี รถรุ่นนี้วางจำหน่ายเพียง 3 คัน โดยวางจำหน่ายในราคาคันละ 160  ล้านบาท โดยประมาณ ที่สำคัญ จะไม่มีการผลิตเพิ่มเติมด้วยในอนาคต

            เป็นอย่างไรกันบ้างกับ สามตัวแรงจากเวที เจนีวามอเตอร์โชว์ที่ต้องบอกว่าแต่ละคันมีดีกรีเด็ดที่แตกต่างกันไป ซึ่งไม่ว่าจะคันไหน ทั้งหมดนี้ก็คือรถยนต์ตัวแรงที่ยากจะห้ามใจ หากได้สัมผัส

           

 

อัลบั้มภาพ 23 ภาพ

อัลบั้มภาพ 23 ภาพ ของ ประชัน 3 ตัวแรงชั้นนำ จากเวทีเจนีวา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook