ประชัน 3 ตัวแรงชั้นนำ จากเวทีเจนีวา
ในเวทีงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ที่เริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ทีผ่านมาไปหมาดๆ นี้ ค่ายรถยนต์หลายเจ้าต่าวที่จะเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และในหลายรถยนต์ที่แดออกมานั้นก็มี ตัวแรง จาก สามค่ายยักษ์ใหญ่ ที่ยึดหัวหาดเวทีนี้ในการเปิดตัวรถยนต์ตัวแรงกันเป็นว่าเล่นสวนกระแสยุคน้ำมันแพงด้วยความแรงในแนวทางใหม่
Lamborghini, McLaren และ Ferrari กลายเป็นดาวเด่นในงานเจนีวาปีนี้ หลังจากที่ค่ายรถยนต์ทั้งสามส่งรถยนต์รุ่นใม่ ออกประชันกันย่างเมามันส์ ซึ่งส่วนหนึ่งทำให้คนทั่วโลก เห้นชัดว่ารถยนต์แรงยุคใหม่ ไม่จำเป้นต้องแคร์เรื่องราคาน้ำมันแพงเสมอไป หากแต่ยังสนุกกับความเร็วแรงได้ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ที่มานำเสนอ ด้วยดีกรีที่ไม่ธรรมดา แล้วเราจะจับมาประชันว่า ใครจะโดนในสาวกขาซิ่งมากกว่ากว่า
Mclaren P1 กลับมาอีกครั้งเพื่อตำนาน
ชื่อเสียงของค่ยรถยนต์ Mclaren ในช่วงปีหลายปีที่ผ่านน่าจะเรียว่าเป็นที่ค่อนข้างรันทดหลังจากปล่อยรุ่น MP4-12 C ที่มีสมรรถนะที่ดี เรือนร่างที่เค แต่ความไฮเทคของมันกลายเป็นหอกข้างแครในการทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย จนสาวกบางคนบอกว่ามันขับไม่มันเท่าไรนัก
ชื่อเสียงของบริษัทที่มองว่ารถยนต์สมรรถนสูงต้องมีดีเอ็นเอ ของรถยนต์ Formula 1 ทำให้รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นใหม่กลับมาอีกครั้งด้วยแนวคิดที่ต้องการสืบสานตำนานจากรุ่น F1 ที่ขึ้นชื่อลือา และกาลครั้งหนึ่ง มันคือรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก
Mclaren P1
Mclaren P1 เป็นชื่อที่โดดออกมาจากวงการข่าวเป็นครั้งแรก หลังจากที่ค่ายรถยนต์เจ้านี้โชว์โฉมตัวต้นแบบอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะตระเวรไปในหลายที เพื่อซาวน์ดเสียงสาวกซิ่งที่มองหารถยนต์สมรรถนะสูงก่อนที่จะนำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งโดยรวมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเรืองของการออกแบบมากมายนัก ด้วยทรวดทรงที่ดูดีและล้ำสมัย แต่ไม่อวกาศเกินไปนัก
กลับกันก็ยังอัดแน่นอนด้วยเหนือชั้นตั้งแต่ดครงสร้างตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์พิเศษที่มาพร้อมกับการออกแบบที่ใช้หลักอากาศกลศาสตร์ที่เช่นเดียวกับที่ใช้ในรถสูตร 1 และยังใความสามารถในในการปรับเปลี่ยนในเชิงกลศาสตร์ ที่เรียกว่า Active Dynamic โดยจะปรับเรือนร่างให้ลงตัวต่อการขับขี่ โดยในการขับขี่บนถนนปีกสปอร์ยเลอร์หลังจกยกสูงขึ้นตามสภาวะ โดยในถนนทั่วไปจะมีความสูงราวๆ 120 ม.ม. และ ในสนามจะสามารถมีความสูงดได้ถึง 300 ม.ม. ช่วยเพิ่มแรงกดในการขับขี่ รวมถึงยังมีการบุใต้ท้องเพื่อลดการรบกวนของแรงลมด้วย
ด้านเสมรรถนะการขับขี่ Mclaren P1 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาด 3.8 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่ และมอตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 903 แรงม้า ในหารขับเคลื่อน สามารถปั่นฝีเท้า 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที แล้วเร่งถึง 200 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 7 วินาที แล้ว เร่งถึง 300 ก.ม./ช.ม. ในเวลาเพียง 17 วินาที ซึ่งเร็วกว่าเจ้าตำนาน Mclaren F1 ถึง 5 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 350 ก.ม./ช.ม.
La Ferari ม้าลำพอง ปลุกปั้นตำนาน เพียง 499 คันทั่วโลก
บนเวทีเจนีวา ค่าย Ferrari ถือเป็นอีกค่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ลังจากที่บริษัทเผยข่าวคราวว่าจะปลุเ รถเฟอร์รารี่ใหม่ ที่เป็นการสืบสานตำนานในตระกูล Enzo กลับมาตอบโจทย์อีกครั้ง ทำให้ค่ายม้าลำพองกลายเป็นที่สนใจและเมื่อประกอบกับว่า มันมีภาพและข้อมูลออกมาเรื่อย ก็ยิ่งเรียกเสียงเกรียวกราวได้ไม่น้อย
La Ferrari ชื่อที่เรียกง่าย ของว่าที่ตัวแรงลำใหม่ของค่าย ม้าลำพอง โดยตรวม มันคือการสร้างความเป็นปัจเจกให้กับรถยนต์ของค่ายด้วยการนำเสนอเส้นสายในการออกแบบ ในการรายละเอียดความสปอร์ตที่มีความแตกต่าง ในการออกแบบ และมีที่สำคัญรถรุ่นนี้จำวางจำหน่ยเพียง 499 คันทั่วโลกเท่านั้น
La Ferrari
ความพิเศษของ La ferrari คือการใช้การออกแบบจากรถสูตร 1มาผสมผสานในเรือนร่างที่นอกจากจะดูสปอร์ตตามสไตล์ Ferrari แล้วยังให้เสน่ห์ที่แตกต่างจากเดิม อาจจะมีบางมุมคล้ายกับ Ferrari 458 บ้างเป็นบางอารมณ์ ห้องโดยสารมาพร้อมโครงวร้างที่ทำคาร์บอนไฟเบอร์เป็นหลักสำคัญ
ก่อนที่จะติดตั้งเครื่องยนต์ V12 สมรรรถนะสูง ขนาด 6.3 ลิตร ให้ฝีเท้าที่จัดจ้านในการขับขี่ ด้วยพละกำลัง 789 แรงม้าที่ 9000 รอบต่อนาที เสริมอัตราเร่งให้จี๊ดจ๊าดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 160 แรงม้า ทำให้ LaFerrari มีกำลังทั้งสิ้น 950 แรงม้า และมีแรงบิด สูงสุด 900 นิวตันเมตร
ความเร้าใจของ La Ferrari พร้อมพาคุณช๊อค ด้วยตัวเลข 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 3 วินาที แล้วเร่งถึง 300 ก.ม./ช.ม. ในเวลาเพียง 15 วินาที และความเร็วปลายสูงสุดเพียง 350 ก.ม./ช.ม.
Lamborghini Veneno กระทิงยาพิษพิชิตเวที
ด้านค่ายรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ชั้นนำ Lamborghini ก็กลับมาบนเวทีเจนีวาปีนี้ ด้วยการมองหาอะไรใหม่ในการตอบโจทย์ ในขณะที่คู่แข่งมาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ค่ายกระทิงกลับมองอะไรที่แตกต่าง และสืบสานความแตกต่างมาพร้อมกับความแปลกใหม่ที่ไม่ว่าใครก็ดูจะชอบใจ เมื่อกล่าวถึงรถซุปเปอร์คาร์
เส้นสายเว้าโค้งเรียบหรูดูดี คงไม่ใช่สิ่งที่เห็นใน Lamborghini Veneno ที่มองข้ามช็อตในการตอบโจทย์ด้วยการออกแบบใหม่ ของรถซุปเปอร์คาร์ที่เน้นหนักในการออกแบบใหม่ที่ให้อารมณ์ดุดันเข้มเต็มพิกัดมากกว่าทุกรุ่นที่ค่ายกระทิงดุเคยทำกันมา เรือนร่างที่ดูดีนี้ ให้เสน่ห์ในความเร้าใจที่แตกต่าง ตั้งแต่เริ่มแรก โดย Lamborghini Veneno สื่อสารถึงจิตวิญญาณของค่ายที่ฉลองครบ 50 ปี ของการก่อตั้ง จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
Lamborghini Veneno
เรือนร่างคมเข้มถูกปรับให้มีความเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ทรงพลัง V12 ขนาด 6.5 ลิตร ที่ยกมาจากรุ่น Aventador แม้จะไร้ระบบอัดอากาศ แต่ฝีเท้าก็ไม่ได้ย่อหย่อน ด้วยพละกำลังเพียวๆ 740 แรงม้า อาจจะไม่มีตัวเลขสถิติเอาไว้โม้ไว้มากมายนัก แต่เจ้ากระทิงคันนี้ สามารถเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลา 2.8 วินาที และมีความเร็วปลายมากถึง 354 กิโลเมตร /ชั่วโมงหากเร่งรีบไปยังปลายทาง
Lamborghini Veneno เป็นรถที่สร้างออกมาเพื่อต้องการตอบโจทย์ในเรื่องของการออกแบบ และสมรรถนะล้วนๆ แต่ทีเด็ดของมันนั้นอยู่ที่จะมี รถรุ่นนี้วางจำหน่ายเพียง 3 คัน โดยวางจำหน่ายในราคาคันละ 160 ล้านบาท โดยประมาณ ที่สำคัญ จะไม่มีการผลิตเพิ่มเติมด้วยในอนาคต
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ สามตัวแรงจากเวที เจนีวามอเตอร์โชว์ที่ต้องบอกว่าแต่ละคันมีดีกรีเด็ดที่แตกต่างกันไป ซึ่งไม่ว่าจะคันไหน ทั้งหมดนี้ก็คือรถยนต์ตัวแรงที่ยากจะห้ามใจ หากได้สัมผัส