รีวิว Toyota Fortuner TRD Sportivo ใหม่ สปอร์ตเต็มพิกัด ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เราได้ปล่อยรีวิวรถอเนกประสงค์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดกันไปแล้ว คราวนี้หันมาเอาใจคนรักความสปอร์ตด้วยเวอร์ชั่น TRD Sportivo กันดูบ้าง ซึ่งการปรับโฉมครั้งนี้ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์หน้าตาที่เพิ่มความสปอร์ตขึ้นเท่านั้น แต่ยังปรับปรุงสมรรถนะภายในได้จี๊ดโดนใจขึ้นด้วย
Sanook! Auto จึงตบเท้าเข้าร่วมทดสอบ Toyota Fortuner TRD Sportivo ใหม่ บนเส้นทางเขาใหญ่-ปราจีนบุรี-กรุงเทพฯ เพื่อมาบอกเล่าให้คุณผู้อ่านรู้กันว่าสปอร์ตขึ้นแค่ไหน
ฟอร์จูนเนอร์ ทีอาร์ดี สปอร์ติโว่ ใหม่ พัฒนาต่อมาจาก ฟอร์จูนเนอร์ โฉมปกติ ซึ่งใช้พื้นฐานร่วมกับกระบะ ไฮลักซ์ รีโว่ แต่ถูกปรับปรุงช่วงล่างให้เหมาะกับการโดยสารและสภาพถนนของบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในเมืองและนอกเมือง
Fortuner TRD Sportivo ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ทั้งคู่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.8 ลิตร แตกต่างกันทีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ
รูปลักษณ์ภายนอกของ Fortuner TRD Sportivo ใหม่ ติดตั้งกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ที่หล่อแบบใหม่หมดทั้งชิ้น ไม่ได้เป็นเพียงสปอยเลอร์เสริมกันชนเหมือนรุ่นก่อน ดีไซน์โฉบเฉี่ยวและดุดันมากขึ้น ติดตั้งไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED ปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อม Daytime Running Light แบบ LED ส่วนกระจังหน้าถูกเปลี่ยนเป็นแบบรมดำ
ด้านท้ายถูกออกแบบกันชนท้ายใหม่แบบทั้งชิ้น ติดตั้งแถบโครเมี่ยมแบบรมดำบริเวณเหนือกรอบป้ายทะเบียน ประตูท้ายยังคงเป็นระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เพิ่มไฟส่องสว่างสัญลักษณ์ TRD ส่องมายังพื้นด้านล่างขณะเปิดประตูท้ายไว้
ติดตั้งปลายท่อไอเสียสเตนเลส TRD แบบสปอร์ต รวมถึงล้ออัลลอย TRD สีดำขนาด 20 นิ้วมาให้ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ พร้อมยางแบบ Passenger Tyre จาก Dunlop ขนาด 265/50 R20 ซึ่งมีดอกยางละเอียดกว่ายางประเภท All-Terrain ซึ่งช่วยเพิ่มความเงียบขณะโดยสาร
นอกจากนั้น Fortuner TRD Sportivo ยังสามารถเลือกอ็อพชั่นเป็นหลังคาสีดำ Black Top ได้ แต่เฉพาะกับตัวถังสีขาวมุก White Pearl เท่านั้น ซึ่งหลังคาสีดำที่ว่านี้จะครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งหลังคา ลงมาจนถึงขอบประตูด้านบน รวมถึงเสา A-Pillar ด้านหน้าด้วย
อุปกรณ์เพิ่มเติมภายนอกรุ่น TRD Sportivo มีดังนี้
- กันชนหน้า-ท้ายดีไซน์ใหม่
- กระจังหน้ารมดำ
- แถบโครเมียมประตูท้ายรมดำ
- ไฟส่องสว่างสัญลักษณ์ TRD บริเวณประตูท้าย
- ท่อไอเสียสเตนเลส TRD
- ล้ออัลลอย TRD สีดำขนาด 20 นิ้ว
- สัญลักษณ์ TRD Sportivo บริเวณประตูท้าย
- หลังคาสีดำ Black Top (เป็นอ็อพชั่นเสริมในตัวถังสีขาว White Pearl)
ห้องโดยสารภายในยกมาจากรุ่นปกติทั้งหมด แต่ตกแต่งให้ดูสปอร์ตมากขึ้นด้วยโทนภายในสีดำ-แดง เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสีดำสลับแดง เดินด้ายด้วยสีแดง สามารถปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางเฉพาะฝั่งผู้ขับ เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนหน้า-หลัง ปรับเอนได้ สามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้ พร้อมที่วางแขนและวางแก้วน้ำ แถวที่ 3 สามารถพับแบบ 50:50 และยังสามารถปรับเอนได้เช่นกัน
มือจับภายในห้องโดยสารมีให้ทั้งหมด 8 ตำแหน่ง ติดตั้งอยู่บริเวณเพดานเหนือศีรษะจำนวน 6 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารทั้ง 3 แถว รวมถึงบริเวณเสาเอด้านหน้าอีก 2 ตำแหน่ง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน ถูกยกมาจากรุ่นปกติ ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยตะเข็บสีแดง สามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ปุ่มฝั่งซ้ายใช้สำหรับควบคุมเครื่องเสียง ฝั่งขวาสำหรับควบคุมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID พร้อมก้านควบคุมระบบ Cruise Control ติดตั้งมาตรวัดเรืองแสง Optitron ที่เปลี่ยนเป็นโทนสีแดงพร้อมลายคาร์บอนเคฟล่าและสัญลักษณ์ TRD เพิ่มความสปอร์ต ขณะที่จอ MID ถูกออกแบบให้โชว์สัญลักษณ์รูปตัวรถ Fortuner TRD Sportivo ทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์
ระบบเครื่องเสียงเป็นแบบหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว Premium Audio เพิ่มพาวเวอร์แอมป์และลำโพงจาก JBL รอบคัน รวม 9 ตำแหน่ง 11 ลำโพง สามารถเล่นแผ่น DVD/MP3 ได้ มีพอร์ต USB และ AUX ให้ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อดึงเพลงในโทรศัพท์มาฟังผ่านลำโพงรถ รวมถึงใช้สำหรับสนนทนาแบบไร้สายได้ ติดตั้งระบบนำทาง T-Connect มาให้เสร็จสรรพ
นอกจากนั้น ในรุ่น TRD Sportivo ยังติดตั้งสคัฟเพลทสีเงินพร้อมไฟเรืองแสงรูปสัญลักษณ์ TRD ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมโลโก้ TRD ทำงานคู่กับกุญแจ Smart Key ที่ออกแบบเป็นพิเศษเฉพาะรุ่น TRD เช่นกัน
อุปกรณ์เพิ่มเติมภายรุ่น TRD Sportivo มีดังนี้
- เครื่องเสียง Premium Audio พร้อมพาวเวอร์แอมป์และลำโพง JBL จำนวน 11 ตัวรอบคัน
- ห้องโดยสารภายในสีดำ-แดง
- มาตรวัดเรืองแสง Optitron สีแดงลายคาร์บอนเคฟล่า พร้อมโลโก้ TRD
- ปุ่ม Push Start สีแดง พร้อมโลโก้ TRD
- กุญแจ Smart Key พร้อมโลโก้ TRD
- สคัฟเพลทพร้อมไฟเรืองแสงรูปโลโก้ TRD
- ชุดพรมปูพื้น TRD Sportivo
Fortuner TRD Sportivo มีเครื่องยนต์ให้เลือกขนาดเดียวนั่นคือ ดีเซล 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที ซึ่งตัวเลขทั้งหมดเหมือนกับรุ่นปกติไม่มีผิดเพี้ยน ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด
ในรุ่น 4WD จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เรียกว่า ‘ซิกม่าโฟร์’ สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบ H2, H4 และ L4 ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การทำงานร่วมกับระบบ DAC (Downhill Assist Control) และ A-TRC (Active Traction Control)
ระบบเบรกในรุ่น TRD Sportivo เป็นแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ช่วยระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทางวิศวกรของโตโยต้าระบุว่าระบบดรัมเบรกหลังในฟอร์จูนเนอร์รุ่นปกติ ก็มีประสิทธิภาพการเบรกไม่แพ้กัน จะแตกต่างกันที่วัตถุประสงค์การใช้งานเท่านั้นเอง
ชุดเปลี่ยนสำคัญอีกอย่างคือช่วงล่าง TRD Sportivo ที่มีการเปลี่ยนช็อคอัพและสปริงใหม่เพื่อเพิ่มการทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น โดยวิศวกรได้ปรับค่า K ของชุดสปริงให้แข็งขึ้นกว่ารุ่นปกติ ขณะที่รุ่น 4WD และ 2WD ก็มีการปรับจูนให้ต่างกันออกไปเล็กน้อย
ส่วนระบบความปลอดภัยติดตั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 จุด ได้แก่ คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลม และหัวเข่าลดอาการบาดเจ็บฝั่งคนขับ ติดตั้งระบบเบรก ABS/EBD/BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC ฯลฯ
เราเริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่าครับ
เส้นทางการทดสอบครั้งนี้ เรามุ่งหน้าออกจากที่พักบริเวณโรงแรมดาษดาแกลอรี่ จ.ปราจีนบุรี ขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งใครเคยขึ้นไปจะพอทราบว่าเป็นเส้นทางคดเคี้ยวพอสมควร ซึ่งโตโยต้าคงอยากให้เราได้สัมผัสช่วงล่าง TRD Sportivo ที่เซ็ทให้มีฟีลลิ่งสปอร์ตมากขึ้นนั่นเอง
ห้องโดยสารภายในของ Fortuner TRD Sportivo ยังคงกว้างขวาง นั่งสบาย ลูกเล่นโทนสีดำ-แดงช่วยเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น มีช่องจ่ายไฟขนาด 220 โวลต์ให้ 1 ตำแหน่ง รวมถึงช่องจ่ายไฟแบบ 12 โวลต์ให้ถึง 3 ตำแหน่ง เรียกว่าคนติดโซเชียลบนมือถือคงไม่พลาดการสื่อสารแน่นอน (ถ้าไม่ลืมหยิบที่ชาร์จมาด้วยนะ)
อัตราเร่งของ ฟอร์จูนเนอร์ TRD Sportivo กับขุมพลังขนาด 2.8 ลิตร เรียกได้ว่ากดเป็นมา ด้วยแรงบิดมหาศาลถึง 450 นิวตัน-เมตร ที่มีให้ใช้ตั้งแต่ 1,600 รอบต่อนาที ยาวไปจนถึง 2,400 รอบต่อนาที ทำให้การขึ้นทางลาดชันบนเขาใหญ่เป็นเรื่องง่ายดายมาก
ช่วงล่างของรุ่น TRD Sportivo เห็นได้ชัดว่าปรับปรุงให้แข็งขึ้นกว่ารุ่นปกติ แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวล นั่งสบาย ไม่ต้องกังวลว่าจะแข็งกระด้าง การเข้าโค้งที่ความเร็วสูงจะมีอาการโยนให้เห็นบ้าง แต่ก็แลกมากับความนุ่มสบายในการขับขี่บนทางตรงหรือพื้นผิวถนนที่มีลักษณะขรุขระ
ทั้งนี้ วิศวกรของโตโยต้ายังบอกเราด้วยว่า ในรุ่น TRD Sportivo คันนี้ มีอัตราเร่งดีขึ้นกว่ารุ่นปกติถึง 4.7 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าจะไม่ได้มีการปรับจูนเครื่องยนต์ใดๆก็ตาม สาเหตุหลักเป็นเพราะการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ และหน้ายางที่สัมพันธ์กันมากขึ้น แต่สำหรับการขับขี่จริงแล้วนั้น อาจไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก ถ้าจะให้ชัวร์จริงๆคงต้องหยิบนาฬิกามาวัดอัตราเร่งกันเป็นเรื่องเป็นราวกันไปเลย
สรุป Toyota Fortuner TRD Sportivo ยังคงข้อดีของฟอร์จูนเนอร์รุ่นปกติเอาไว้ทุกประการ แต่ปรับปรุงดีไซน์ภายนอกให้โดนใจคนรักความสปอร์ตมากขึ้น ช่วงล่างถูกเซ็ทให้หนึบขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับแข็งกระด้าง ยังคงความนั่งสบาย เดินทางได้ทั้งครอบครัว รับรองไม่โดนแม่ยายบ่น ถือเป็นฟอร์จูนเนอร์ที่ถูกแต่งหล่อครบถ้วนกระบวนความมาตั้งแต่โรงงาน ไม่ต้องไปควานหาชุดแต่งทีหลังให้เหนื่อย ถ้ารับได้กับราคาที่เพิ่มขึ้นมาเริ่มต้นราว 84,000 บาท ก็จัดไปได้เลย
ราคาจำหน่าย Toyota Fortuner TRD Sportivo มีดังนี้
- รุ่น 2.8 TRD Sportivo 4WD สี White Pearl/Black Top ราคา 1,769,000 บาท
- รุ่น 2.8 TRD Sportivo 4WD ราคา 1,749,000 บาท
- รุ่น 2.8 TRD Sportivo 2WD สี White Pearl/Black Top ราคา 1,699,000 บาท
- รุ่น 2.8 TRD Sportivo 2WD ราคา 1,679,000 บาท
ขอขอบคุณคณะผู้บริหารและทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้
อัลบั้มภาพ 36 ภาพ