Sanook! Quick Drive : Honda civic Hybrid สมรรถนะคุ้มค่าประหยัดลงตัว
เรื่องและทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ช่วงหลายปีที่ราคาน้ำมันที่แพงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องดูจะเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้ค่ายรถยนต์หลายเจ้ามองถึงหนทางประหยัดสำหรับลูกค้ามากขึ้นกว่าการสร้างสมรรนถะไม่น่าแปลกใจเลยที่รถใหม่ๆจะมีเรื่องความประหยัดที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่พร้อมกันมันก็ด้อยสมรรถนะลงไปเพื่อแลกกับการประหยัดเงินในกระเป๋า หากแต่ยังมีเทคโนโลยีหนึ่งที่ทำให้ทั้งสิ่งมาบรรจบกันได้
"Hybrid" คำที่เริ่มขึ้นหูมากขึ้นทุกวินาที ทำให้คนจำวนมากเริ่มมองถึงอีกวิธีประหยัดในแห่งเวทีอนาคตที่วันนี้ก็พร้อมแล้วให้เป็นเจ้าของด้วยการนำมอเตอร์ฟ้ามาผสานการทำงานกับระบบเครื่องยนต์ช่วยให้มีสมรรถนะและความประหยัดมากกขึ้น และล่าสุดหลังเขย่าวงการด้วยการนำเครื่องยนต์ไฮบริดลงในซิตี้คาร์ Honda ก็จัดมันลงมาในรถยนต์คอมแพ็คคาร์ที่ได้รับความนิยมมาจากตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
Honda Civic Hybrid ใหม่อาจจะเพิ่งมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเรา แต่ในหลายตลาดทั่วโลก คอมแพ็คคาร์พลังไฮบริดคันนี้มีมานานมากแล้ว ที่จริงบ้านเราเองก็เข้ามาทดสอบกันเป็นสิบปีนับย้อนไปตั้งแต่รุ่น Honda civic Dimension ด้วยซ้ำ แต่วันนี้โอกาสก็มาถึงด้วยราคาที่เปิดที่ 1.035 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.095 ล้านบาท เมื่อเป็นรุ่น Navi ก็คงทำให้หลายคนเหลียวมองสำหรับคอประหยัดที่ต้องการความแตกต่าง เพียงแต่คำถาที่หลายคนเฝ้ารอคงไม่พ้นว่ารถราคาขนาดนี้จะประหยัดได้มากเพียงใด
ภายนอกไม่ต่างมาก แต่จะประหยัดอากาศพลศาสตร์ช่วยได้
ที่จริงการมาพบกันของเรากับ Honda civic Hybrid ใหม่ ในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะตั้งแต่ตอนงานเปิดตัวรถยนต์ Honda Civic Hybrid ใหม่ ก็ให้อะไรที่มากกว่าที่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการออกแบบอาจจะใช้วิธีการปรับเรือนร่างเดิมที่แนะนำออกมาใน Honda Civic 2012 มาปรับให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
เริ่มตั้งแต่ด้านหน้าที่มาพร้อมกับกระจังหน้าโครเมี่ยม ลงตัวทันสมัย ด้วยเลนฟ้าให้ความแปลกตาดูแตกต่างอย่างชัดเจน แถมยังสอดรับเข้ากับโคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ให้มาเป็นมาตรฐาน สร้างความทันสมัยในสไตล์ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น
ด้านท้ายมีการปรับรายละเอียดอีกนิดหน่อยด้วยไฟท้ายเลนใสอมฟ้าตามภาษารถยนต์ไฮบริดที่ต้องให้ความทันสมัย ก่อนที่โจทย์ในการออกแบบนั้นจะปรับให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้นผ่านชุดสปอร์ยเลอร์หลังที่มาน้อยๆ แต่ดูลงตัว แต่เมื่อมองมายังล้ออัลลอย หลายคนอาจจะบอกว่า โอ้!! ไม่ ด้วยการออกแบบที่ไม่เน้นอะไรอื่นในด้านความสวยงาม นอกจากหลักของอากาศพลศาสตร์ที่ช่วยเสริมสร้างในเรื่องความประหยัดล้วนๆ
ภายในยังลงตัว คงความเป็นตัวตน
มองรอบลงพอคร่าวๆ ก็ได้เวลาเข้าสู่ห้องโดยสาร ในการทดสอบครั้งนี้ เราและผู้โดยสาร 4 คน เป็นโจทย์ทดสอบที่สำคัญในเรื่องการขับขี่ และกับการโดยสารทุกอย่างดูไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก
ความไม่แตกต่างทำให้เข้าใจได้ง่ายด้วย ห้องโดยสารที่คงเอกลักษณ์ต่างๆไว้มากมาย เช่น คอนโซลหน้า 2 ชั้นที่ให้ความลงตัวมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน รวมถึงระบบจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะที่ถูกปรับแต่งให้มีความลงตัวด้วยการให้ข้อมุลการทำงานของระบบเครื่องยนต์ไฮบริดช่วยตอบโจทย์ เรื่องข้อมูลที่ครบครันลงตัวยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องการโดยสารต่างๆ ยังคงสบายๆด้วยพื้นที่นั่งที่ลงตัวเป๊ะพอดีสำหรับ 4 คน และ อาจจะเบียดหน่อยหากนั่ง 5 คน แต่ที่อยากเห็นก็คงเบาะนั่งปรับไฟฟ้า เพราะ ไหนๆ จะไฮเทคแล้ว ขอสุดกว่านี้อีกหน่อยคงจะดีและลงตัวกับรถราคาเรือนล้านบาท ซึ่งเราเชื่อว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่น่าจะเป็นคำตอบใส่เข้ามาได้ เพื่อความแตกต่างจากรุ่นธรรมดาทั่วไป
ออกตัวเดินทางนอกเมืองขับได้สบายๆ
การจัดโจทย์นั่ง 4 คน ใน Honda Civic Hybrid ใหม่ นับว่าเป็นโจทย์ที่ไม่ยากและก็ไม่ง่าย ยิ่งเมื่อพูดถึงเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์แคมเดี่ยวขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า และ พร้อมกัน ก็ให้กำลังแรงบิดสูงสุด 132 นิวตันเมตร แต่ตอบโจทย์ในรอบต่ำตั้งแต่ 2,800 รอบต่อนาที เช่นเดิมเครื่องยนต์ไฮบริดต้องพ่วงมาพร้อมกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งครั้งนี้พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับที่เราเคยสัมผัสไปใน Honda Jazz Hybrid มอเตอร์ไฟฟ้านั้นนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า จากเดิมเบ่งขนาดขึ้นมาเป็น 17.2 กิโลวัตต์ หรือให้กำลัง 23 แรงม้า ตอบโจทย์ตั้งแต่ 1,546-3,000 รอบต่อนาที และเช่นเดียวกัน ยังให้แรงบิดสูงในรอบต่ำตามนิสัย 106 นิวตันเมตร ที่ 500-1,546 รอบต่อนาที
ถ้ามองตามนิสัยเครื่องยนต์จากสเป็น Honda Civic Hybrid ใหม่ น่าจะชอบการทำรอบเครื่องยนต์ในช่วงกลางๆ ซึ่งเป็นช่วงใช้งานจริงตั้งแต่ 1,600-3,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป และยิ่งมองตามชุดเกียร์ CVT ที่พ่วงเข้ามาแทนชุดเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ในรุ่นธรรมดา มันก็สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการขับขี่ได้ดี ด้วยอัตราทด 2.526-0.421 ปั่นลงเฟืองท้าย 4.994 จัดจ้านได้อย่างต้องสงสัย
ภารกิจใน Honda civic Hybrid เริ่มขึ้นหลังจากถกเถียงเรื่องเส้นทาง เราจึงกลายเป็นไม้แรกการขับขี่ด้วยความชำนาญเส้นทางเล็กน้อยในช่วงแรก ซึ่งต้องเดินทางจากย่านรามอินทราสู่ถนนหนทางพระราม 2 ก่อนจะต่อไปยังปลายทาง ดอนหอยหลอดในงวดนี้
ช่วงแรกของเส้นทางในการขับขี่ Honda civic Hybrid มันคือทางหลวงสายวงแหวนตะวันออกที่ต่อตัวทอดยาวไปยังพระประแดง ซึ่ง ตลอดเส้นทางนี้เราไม่คาดหวังมากจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแคมเดี่ยว ซึ่งน่าจะมีอัตราเร้งที่ไม่สู้ดีนัก
ก่อนเข้าสู่ทางหลวงเราติดไฟแดงแล้วสั้นเป็นการเรียกน้ำย่อยและทันใดเครื่องยนต์ดับลงตามระบบ Idling Stop ลดการใช้น้ำมัน ลดการปล่อยไอเสีย และพร้อมกันนั้น ยังเพิ่มความประหยัดให้มากขึ้น แต่ครั้งนี้ถ้าเทียบกับเจ้าตัวเล็ก Jazz Hybrid ความสบายในก้องโดยสรต่างยังครบถ้วนไม่ขาด แอร์ยังเย็นไม่ใช่เย็นชืด ส่วนหนึ่งวิศวกรบอกว่า พวกเขาได้นำระบบไฮบริดมาผสานการทำงานของระบบคอมเพสเซอร์แอร์ ซึ่งจะใช้ไฟจากแบตเตอร์รี่ไฮบริดที่วางที่เบาะหลังเป็นตัวจ่ายไฟยามเครื่องยนต์ดับลงไม่ทำงานชั่วคราว
ไฟเขียวมาแล้วปล่อยเบรกเครื่องยนต์สตาร์ทติดแบบไม่รอช้าก่อนที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะถีบตัวพาเราและเพื่อนๆในเจ้า Honda Civic Hybrid ใหม่ออกเดินทางต่อ ก่อนเข้าสู่ทางหลวงตามแผนที่วางแล้วเดินทางต่อยังถนนพระราม 2
ช่วงที่เดินทางบนทางหลวงนี้ต้องยอมรับว่าระบบเครื่องยนต์ใน Honda Civic Hybrid ใหม่มีความแตกต่างมากกว่าที่คิดพอสมควร ด้วยส่วนหนึ่งระบบเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร อาจจะฟังไม่ตอบสนองดีเท่าไรนัก ยิ่งบวกรวมตัวเลขมอเตอร์ไฟฟ้าได้เพียง 91+23 = 114 แรงม้า น้อยกว่าซิตี้คาร์ของค่ายที่วางจำหน่ายด้วยซ้ำไป แต่เมื่อมาดูแรงบิดคงเรียกว่า พระเจ้า!!! มันให้ตัวเลขแรงบิดสูงสุด 132+106 นิวตันเมตร บวกในใจเร็วๆ ได้ 238 นิวตันเมตร แถมทั้งหมดมาในรอบใช้งานจริง
นี่เองคือสูตรไม่ลับของเครื่องยนต์ไฮบริดที่ทำให้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรธรรมดา กลายเป็นขุมพลังที่ทรงสมรรถนะ ด้วยทันที่ที่จุ่มคันเร่งเรียกกำลังเพิ่มชุดมอเตอร์ไฟฟ้าก็จะค่อยเพิ่มกำลังแรงบิดเข้ามาทำให้รถ พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนสามารถจะพูดได้ว่า มันให้อัตราเร่งที่ดี ถ้าเทียบด้วยความรู้สึกจากที่ได้ขับมีดีเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ด้วยซ้ำไป ยิ่งนับว่าที่นั่งกันในรถนี่มี 4 หน่อ มันก็ถือว่าโอเคและลงตัว
อัตราเร่งช่วงรอบเครื่องตั้งแต่ 1,500 รอบขึ้นไปยัน 3,000 รอบ ถือว่าโอเคมาก จนสามารถมุดช่องสั้นๆ ในช่วง 50 เมตรได้ ถ้าต้องการ แต่เมื่อผ่านจากนี้ไป เครื่องยนต์จะทำงานรอบสูง พร้อมการช่วยเหลือของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ก็ยังเร็วทันใจด้วยตัวเลขแรงม้ารวม 114 แรงม้า แต่ก็อาจจะไม่สู้ช่วงรอบเครื่องธรรมดาทีมีแรงบิดมากกว่า รวมถึง ยังต้องเรียนรู้ความในใจกับระบบเกียร์ CVT ซึ่งถ้าใครเคยขับมาแล้วบ้างจะพอทราบว่ากระทุ้งอย่างเดียวไม่ได้อะไร ต้องเดิมคันเร่งนิ่งๆไปเนียนๆ รับรองว่า พุ่งทะลุตามต้องการแน่นอน
ช่วงระหว่างขับขี่ เรารองทำการเปลี่ยนเลน โดยการทดสอบนี้ทำที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. และมันก็ลงตัวน่าประทับใจ พวงมาลัยดูมีความรู้สึกตอบสนองที่ดีกว่าในรุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน น้ำหนักก็ไม่เบาหวิวหรือหนักจนเกินไป ที่สำคัญ การรักษาช่วงกลางวิ่งตรงนั้นกลับทำได้ และเมื่อเบ้พวงมาลัยไปตามทิศทางที่ต้องการ มันก็ตอบโจทย์อย่างรวดเร็ว ค่อนข้างแม่นยำ เฉียบคม แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกสปอร์ต
ระบบช่วงล่างเอง ก็ดูเหมือนจะดีกว่า ส่วนหนึ่งได้น้ำหนักกดที่ระบบกันสะเทือนหลังตลอดเวลาทำให้มันดูนิ่มนวลมากขึ้น ถ้าเทียบกับช่วงล่างของรุ่นธรรมดาที่เคยผ่านมือมา ระบบ Honda Civic Hybrid ใหม่นั้นกลับลงตัวยิ่งกว่า ช่วงระยะยกและยืดตัวตอบสนองเร็ว แต่ยังคงความหนึบ วิศวกรบอกว่าระบบช่วงล่างหลังมีการเปลี่ยนชุดสปริงใหม่เพื่อรับกับน้ำหนักกดทับที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นจากแบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออน และมันก็ทำให้นั่งสบายยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ต้องการรถนั่งสบาย แต่แน่นอนว่าจะไม่พบความหรูหราในรถรุ่นนี้
อีกเรื่องที่ดูจะไม่พูดถึงไม่ได้คงไม่พ้นระบบเบรก ซึ่งการนำระบบเบรกปั่นไฟกลับมาชาร์จไฟเข้าแบตเตอร์รี่น่าจะเป็นเรื่องที่คุ้นเคยสำหรับรถไฮบริด แต่ Honda Civic Hybrid ก้าวล้ำไปมากกว่านั้น ด้วยการยกเลิกเบรกระบบหม้อลมออกไป ทำให้รถคันนี้แทบจะเรียกว่าทำงานด้วยไฟฟ้าเต็มระบบ แต่มันก็สร้างความไม่ชินให้กับลักษณะเบรกที่ไม่นุ่มนวลแถมออกแนวทื่อ ทำให้ขับความเร็วถ้าไม่ชินจะไม่มั่นใจ แต่ถึงแบบนั้น ถามว่ามันจะมีปัญหาไหม คำตอบคือไม่ เพราะ เครื่องยนต์และเกียร์จะมาทำงานช่วยกันเบรก เช่นเดียวกับแรงต้านจากไดนาโมที่มอเตอร์ไฟฟ้า ก็ทำให้ Honda Civic Hybrid ใหม่ หยุดอย่างมั่นใจแม้ไม่มีหม้อลม
ติดระดับโปร ยัง 15 ก.ม./ลิตร
ช่วงการขับขี่บนทางหลวง เราไม่ได้ใช้ความเร็วนั้น เนื่องจาก ช่วงทดสอบวงแหวนตรงนี้ มักมีกองทัพลูกเสือคอยดักแจกใบปลิวเรียกพบอย่างเนื่องรวมถึง เป็นเขตกวดขันความเร็ว และเพียงไม่นานก่อนที่เราจะถึงทางลงพระราม 2 อีกบททดสอบก็มาเยือนอย่างไม่ตั้งใจ
การทดสอบรถติด ใครจะคิดว่ามันสำคัญ เพราะมันทั้งเสียอารมณ์ เสียเวลา เสียน้ำมัน ยิ่งช่วงนี้น้ำมันแพง แต่นาทีนี้ที่อยู่ใน Honda Civic Hybrid เราไม่กลัวเรื่องนี้และนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเครื่องยนต์เบนซิน + มอเตอร์ไฟฟ้า เกิดมาเพื่อสิ่งนี้
กระแสจราจรที่คับคั่ง คลาคล่ำด้วยรถบรรทุกใหญ่มากกว่า 10 ล้อมากมาย หลายคันต่อคิวยาวเฟื้อย ทำให้เรารู้ว่าเราอยู่อีกไกลพอควรจากทางลง ซึ่งจากตรงที่มองอยู่มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ประมาณการว่า น่าจะมีระยะทางยาง ราวๆ 7-8 กิโลเมตร
การกระดื้บๆในทางช่วงนี้ ถือว่าต้องเซงแน่ๆ สำหรับคนที่เบื่อรถติด และในระหว่างช่วงนี้ รถไฮบริดก็ทำให้เราเห็นข้อดีขึ้นมา เมื่อเหยียบเบรกแน่นๆ เครื่องยนต์จะดับลง และเมือปล่อยไหล มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาทำงาน เครื่องยนต์สตาร์ทแล้วไหลตามกระแสการจราจร ไปเรื่อยๆ ไปนิ่งๆ เนียนๆ ติดๆ ดับๆ ตามกระแสความเคลื่อนไหว และบางครั้ง ในทางลาดคุณสามารถใช้วิชามารดับเครื่องยนต์แล้วเลียเบรกให้มันไปเรื่อยๆในความเร็วต่ำๆได้
ไม่น่าเชื่อระยะทางแค่ 7 ก.ม. เราใช้เวลาราวๆ 40 นาที ก่อนจะฝ่ารถติดออกมาได้ และเมื่อทางใช้ความเร็วต่ำเราลองดูกับโหมดไฟฟ้าล้วน ซึ่งการทำงานยังคงคล้ายระบบของน้องเล็ก Honda Jazz Hybrid ที่ต้องวิ่งนิ่งๆเดินคันเร่งเนียนๆ จึงจะสามารถเขาโหมดได้ โดยต้องสังเกตที่หน้าจอ I-MID ซึ่งจะแสดงว่าไม่มีการทำงานของเครื่องยนต์และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
โดยวิศวกรบอกว่าในระหว่างที่เข้าสู่โหมดการขับขี่ไฟฟ้าล้วน แม้ตามมาตรวัดรอบจะแสดงว่าเครื่องยนต์ยังทำงานรอบเดินเบาอยู่แต่จะไม่มีการสั่งจ่ายน้ำมันรวมถึงระบบวาล์วจะทำการยกเพื่อให้อากาศไหลผ่านเพื่อลดมลพิษ ซึ่งหลักการนี้ถ้าฟังหลายคนอาจจะคุ้นหูเพราะเคยมีอยู่ในเครื่องยนต์ V6 ของ Honda Accord ที่เรียกว่า VCM (Variable Cylinder Management) นั่นเอง โดยเราลองวิ่งในโหมดดังกล่าวด้วยระยะทางสั้น ราวๆ 300 เมตร โดยความเร็วของโหมด EV ที่เข้าง่ายสุดคือ 58 ก.ม./ชม. แต่วิศวกรเคลมว่าสามารถทำได้สูงถึง 70 ก.ม./ช.ม. ถ้าคุณนิ่งพอ
ตั้งแต่ขับขี่มาเราแทบไม่ได้สนใจเรื่องอัตราประหยัดเลยด้วยซ้ำว่า Honda Civic Hybrid จะซดน้ำมันเท่าไร แต่ก็ไม่วายที่จะต้องมองในเรื่องนี้ ยิ่งหลายคนกังขาว่ามันจะดีแค่ไหน เมื่อเทียบรถคันละล้านกับ รถคันละไม่ถึงล้านที่ยังสามารถใช้ E85 ได้ และคำตอบก็อยู่ตรงหน้าทันทีที่หมดเทิร์นการขับขี่ของเรา ตัวเลขหน้าปัดโชว์ 15.5 กิโลเมตร/ลิตร จากโหมดการขับขี่ในบ้านเรา ซึ่งที่จริงเรื่องอัตราประหยัดทางทีมวิศวกรก็มีตัวเลขที่ทดสอบมาในโหมดEU โดยบอกว่าประหยัดกว่ารุ่นธรรมดา ราวๆ 49% เราถามตัวเลขบอกว่าตอบไม่ได้ แต่ให้หลังจากการทดสอบส่ง SMS ตุ๊ดๆ ตามมาบอว่า ตามโหมดดังกล่าวมีตัวเลขประหยัด 22.7 กิโลเมตร/ลิตร
เทียบชั้นส่งท้าย E85 VS. Hybrid ใครคุ้มกว่า
มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะมีคำถามในใจว่าจะซื้อ Civic Hybrid ทำไม ถ้าในเมื่อตัวเลข 15.5 ก.ม./ลิตร ไม่ได้ต่างมากมายจากรุ่นธรรมดาที่มิหนำซ้ำยังใช้น้ำมัน E85 ได้
จริงอยู่เมื่อมองตัวเลขที่ไม่ต่างกันมากนักในการทดสอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ในการทดสอบ Honda civic ในรุ่น 1.8 ลิตร ที่เราวิ่งไปนครนายก หากยังจำกันได้ เส้นทางส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเส้นทางนอกเมือง โดยในการเดินทางครั้งนั้น เราได้เติมน้ำมัน E85 ตลอดการเดินทาง เราได้ราวๆ 11.2 ก.ม./ลิตร และต่อมาไม่นานเราทดสอบเองขับจริงอีกครั้งในสภาพการเดินทางลงชุมพรใน Honda civic 1.8 NAVI จากกทม. มาสิ้นฤทธิ์แถว อ. ท่าแซะ จังหวัดชุมพร ด้วยความเร็วเดินทางตามกกหมาย 120 ก.ม./ช.ม. เราได้ตัวเลข 11.3 ก.ม./ลิตรไม่ต่างจากครั้งแรกนัก
ยิ่งเมื่อมองตามการเคลมอัตราประหยัด E85 จากทีมวิศวกร เครื่องยนต์1.8 ลิตร ทำได้ดีสุดที่ 11.6 ก.ม./ลิตร ซึ่งเมื่อมาเทียบกับอัตราประหยัดที่เคลมใน Honda Civic Hybrid มันประหยัดมากกว่า ราวๆ 49% จริงๆ ด้วยอัตราประหยัดในเครื่องยนต์ไฮบริด 22.7 ก.ม./ลิตร
แถมเมื่อขับจริงในสภาวะการขับขี่ลูกผสมทั้งในเมืองที่วิ่งไหลลื่นๆที่ความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. พร้อมผู้โดยสาร 4 คน และ ในเส้นทางรถติดสุดติ่งแบบในเมือง ได้อัตราประหยัดเฉลี่ย 15.5 ก.ม./ลิตร ถือว่าทำได้อยู่ในเกณฑ์ที่ยังมากอยู่เมื่อเทียบระหว่างกัน
ดังนั้นถ้ามองตามลักษณะการใช้งานแล้ว เครื่องยนต์ไฮบริดจะตอบสนองได้ดีกว่าเมื่อขับขี่ในเมือง หรือช่วงที่ไม่ได้ใช้ความเร็วมากมายนัก และตอบสนองได้ดีเช่นกันนอกเมือง ซึ่งคุณยังสามารถเติมพลังงานทางเลือกได้ถึง E20 แต่ในทางกลับกัน ในรุ่นธรรมดาที่สามารถเติมน้ำมัน E85 ได้ จะมีดีก็ตรงที่ค่าพลังงานที่ถูกกว่า และการดูแลรักษาที่ง่ายกว่า แต่ตัวเลขประหยัดถ้าเทียบน้ำมัน E85 กับไฮบริดแบบชัด E85 กลับจะทำตัวเลขประหยัดได้น้อยกว่า อย่างแน่นอน ทว่าก็มีกำลังเครื่องยนต์มากกว่าไฮบริด
แน่นอนว่า Honda civic Hybrid ใหม่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ล้ำเลิศ โดยเฉพาะในส่วนของการขับขี่ ที่มีความลงตัวมากกว่ารุ่นทั่วไป แม้จะต้องสละออพชั่น E85 แต่ ความสามารถที่ได้เพิ่มมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าก็น่าประทับใจ เพียงแต่ที่ติดจริงๆและอยากฝากคือเรื่องของราคา ซึ่งสามารถปรับลงมากว่านี้อีกนิดหน่อยเชื่อว่า Honda civic Hybrid จะทำให้หลายคนมองมากกว่านี้....สวัสดี
ผลการทดสอบ Honda Civic Hybrid
Honda Civic Hybrid Navi
ราคาจำหน่าย 1,095,000 บาท
เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมระบบมอเตอร์ไฟฟ้า
เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 5,500 รอต่อนาที / แรงบิด 132 นิวตันเมตร /2,800 รอบต่อนาที
มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 23 แรงม้า ที่ 1,546-3,000 รอบต่อนาที / แรงบิด 106 นิวตันเมตร /500-1,546 รอบต่อนาที
อัตราประหยัด เฉลี่ยในการทดสอบ 15.5 กิโลเมตร /ลิตร
อัลบั้มภาพ 27 ภาพ