รีวิว Ford Focus 1.5 EcoBoost ใหม่ ญี่ปุ่นหลบไป เพราะคู่แข่งตัวจริงมาแล้ว!

รีวิว Ford Focus 1.5 EcoBoost ใหม่ ญี่ปุ่นหลบไป เพราะคู่แข่งตัวจริงมาแล้ว!

รีวิว Ford Focus 1.5 EcoBoost ใหม่ ญี่ปุ่นหลบไป เพราะคู่แข่งตัวจริงมาแล้ว!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     แม้ว่าในตลาดต่างประเทศจะเปิดตัว Ford Focus โฉมไมเนอร์เชนจ์ไปนานพอสมควรแล้ว แต่การกลับมาของ Focus ในบ้านเราครั้งนี้ ก็ถือเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์รถยนต์นั่งระดับ C-Segment อย่างยิ่งใหญ่ ที่พูดได้เต็มปากเลยว่าค่ายรถจากญี่ปุ่นมีหนาวแน่นอน

     หลังจากที่ฟอร์ดประเทศไทย เปิดตัว ‘โฟกัส ไมเนอร์เชนจ์’ ใหม่ ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ 2016 ที่ผ่านมา ล่าสุด ก็ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบขับโฟกัสใหม่ที่ จ.ชลบุรี ทีมงาน Sanook! Auto จึงไม่พลาดเข้าร่วมทดสอบด้วยเช่นกัน

 

     แม้ว่า โฟกัส ใหม่ จะเป็นการปรับโฉมย่อยหรือที่เรียกกันว่าไมเนอร์เชนจ์เท่านั้น แต่ก็ถือเป็นบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทั้งภายนอก-ภายในอย่างชัดเจน และเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าต่อยอดความดีงามที่เคยมีในรุ่นที่แล้ว และเสริมให้ดียิ่งขึ้นไปอีกในรุ่นนี้

     ปัจจุบัน Focus โฉมใหม่ มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น นั่นคือ 1.5L EcoBoost Turbo Sport ตัวถัง 5 ประตู ด้วยราคาจำหน่ายเฉียด 1.1 ล้านบาท แต่อย่างเพิ่งบอกว่ามันแพงเกินไปนะครับ ให้ลองดูก่อนว่าโฟกัสใหม่ถูกปรับปรุงอะไรบ้าง แล้วค่อยคิดในใจอีกครั้งว่าทั้งหมดนี้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไปหรือไม่...?

 

     รูปลักษณ์ภายนอกของโฟกัส ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ถูกปรับปรุงให้ดูสปอร์ตลงตัวมากขึ้น ติดตั้งไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ออกแบบรับกับกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของฟอร์ดรุ่นใหม่ในปัจจุบัน แอบเสียดายที่ไฟหน้ายังคงเป็นแบบฮาโลเจนมัลติรีเฟลกเตอร์ แต่ก็มีไฟ Daytime Running Light แบบ LED ติดตั้งไว้ในชุดโคม กันชนหน้าถูกออกแบบใหม่ พร้อมไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยม

     ด้านท้ายถูกออกแบบประตูท้ายใหม่ เพื่อให้รับกับไฟท้ายดีไซน์ใหม่ (มี LED เฉพาะไฟหรี่) ติดตั้งกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ออกแบบให้ดูสปอร์ตมากขึ้น พร้อมสปอยเลอร์บริเวณเหนือประตูท้าย ด้วยปรับอากาศพลศาสตร์ให้เหมาะสม

 

     ห้องโดยสารภายในมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะเช่นกัน เริ่มต้นด้วยหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 ใหม่ล่าสุด รองรับได้ทั้งระบบ Apple CarPlay และ Android Auto แต่ปัจจุบันทางกูเกิ้ลยังไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย

     ซึ่งหน้าจอดังกล่าวมีระบบสัมผัสแบบเดียวกับมือถือหรือแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ ทำให้สามารถสั้งงานได้ง่าย รวมถึงใช้ CPU ที่มีความไวเทียบเท่าโน็ตบุ้คเครื่องหนึ่งเลยทีเดียว ทำให้สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วฉับไว แทบจะเรียกได้ว่าไร้อาการ Lag ในการเข้าไปยังเมนูต่างๆ

 

     ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 ถือเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของฟอร์ดในปัจจุบัน โดยรองรับคำสั่งได้หลากหลายขึ้น รองรับคำพูดในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น แต่ยังคงรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น หากต้องการสั่งงานด้วยภาษาไทย ยังคงจะเป็นต้องพึ่งระบบ SIRI ใน iOS อยู่ดี

     หากต้องการใช้งานระบบ Apple CarPlay ก็เพียงแต่เสียบสาย USB ระหว่างตัวรถและโทรศัพท์ไอโฟนเข้าด้วยกัน แอพพลิเคชั่นต่างๆที่รองรับ ก็จะมาปรากฏบนหน้าจอของ โฟกัส อีโค่บูสต์ คันนี้ทันที

 

     จากเดิมนั้น ระบบ SYNC ที่ติดตั้งในรถฟอร์ดจะถูกพัฒนาขึ้นโดยไมโครซอฟท์ แต่ในเวอร์ชั่น 3 นี้ ถูกพัฒนาขึ้นโดยแบล็คเบอร์รี่ ทำให้อินเตอร์เฟสดูแล้วสบายตา ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว โดยระบบสั่งงานด้วยเสียงใช้เวลาตอบสนองดีขึ้นกว่าเดิมด้วยเวลาไม่ถึงวินาทีเท่านั้น รวมถึงยังสามารถรองรับ Bluetooth ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง สามารถแบ่งเครื่องหนึ่งใช้สำหรับโทรศัพท์ ส่วนอีกเครื่องใช้ดึงเพลงมาฟังในรถก็ทำได้ ระบบ SYNC 3 ยังรองรับการอัพเดทเฟิร์มแวร์ผ่าน OTA ดังนั้น หากมีการปล่อยเฟิร์มแวร์ใหม่ๆออกมา ก็สามารถอัพเกรดได้ทันที เช่นเดียวกับระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

     นอกจากนั้น ยังถูกติดตั้งพวงมาลัยแบบ 3 ก้านดีไซน์ใหม่ พร้อมปุ่มควบคุมมากมายตามสไตล์ฟอร์ด รวมถึงมาตรวัดความเร็วดีไซน์ใหม่ที่อ่านค่าได้ง่าย และชัดเจน

 

     Ford Focus EcoBoost อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยเช่นเคย แถมยังเพิ่มฟีเจอร์มากขึ้นไปอีก ทั้งระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ Active City Stop จากเดิมที่รองรับการทำงานที่ความเร็ว 30 กม./ชม. ในรุ่นใหม่นี้สามารถรองรับความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้ถึง 50 กม./ชม.

     ระบบช่วยจอดอัจฉริยะจากเดิมที่ทำงานเฉพาะการจอดแบบเทียบข้าง ในรุ่นใหม่สามารถรองรับการจอดเข้าซองได้ด้วย เรียกว่า Enhanced Active Park Assist โดยตัวรถจะตรวจจับช่องว่างขณะเตรียมจอดรถ และจะทำการบังคับพวงมาลัยให้อัตโนมัติเพื่อเข้าจอด ขณะที่ผู้ขับขี่มีหน้าที่เพียงควบคุมเบรก/คันเร่ง และขยับเกียร์เท่านั้น

     อีกจุดหนึ่งคือระบบกล้องมองหลังและสัญญาณเซ็นเซอร์ 360 องศา ที่สามารถตรวจจับวัตถุได้รอบคัน ช่วยให้การกะระยะง่ายและมีความปลอดภัยมากขึ้น ขณะที่กล้องมองหลังมีเส้นกะระยะที่ปรับตามองศาเลี้ยวของพวงมาลัยได้ ติดตั้งถุงลมนิรภัยมาให้ 6 จุด ได้แก่ คู่หน้า, ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย

 

     จุดเด่นสำคัญของ โฟกัส อีโค่บูสต์ ใหม่ ก็คือการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบเป็นครั้งแรก โดยเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ หัวฉีดไดเร็คอินเจคชั่น และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุดถึง 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดแบบแฟล็ตทอร์คอยู่ที่ 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 5,000 รอบต่อนาที (เพิ่มขึ้นจากเครื่องยนต์ 2.0 GDI เดิมอยู่ที่ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตัน-เมตร)

     จุดเปลี่ยนสำคัญอีกอย่างคือการเปลี่ยนระบบเกียร์จากเดิมที่เป็นแบบคลัทช์คู่ 6 สปีด มาเป็นแบบอัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 สปีด ซึ่งแม้ว่าเทคโนโลยีอาจไม่ล้ำสมัยเท่า เพราะเป็นเกียร์ออโต้ทั่วๆไปที่ใช้กันในปัจจุบัน แต่เรากลับมองว่ามันทำให้รถคันนี้น่าซื้อขึ้นเยอะ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย แถมยังรู้สึกว่าการเปลี่ยนเกียร์กระฉับกระเฉง ฉับไวขึ้น และฉลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมาพร้อมปุ่มเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยให้ด้วย

 

     ด้านตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองนั้น เราไม่มีโอกาสทดสอบด้วยตัวเอง แต่ฟอร์ดเคลมไว้ที่ 14.3 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยสำหรับพละกำลังที่ได้ นอกจากนั้น ยังรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด E85 อีกด้วย

     Ford Focus ใหม่ มีระบบ Torque Vectoring ช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าได้ โดยจะลดความเร็วล้อที่อยู่ในโค้งให้ตามความเหมาะสม ช่วยให้ตัวรถเข้าโค้งได้แม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งระบบที่ว่านี้มักพบในรถยุโรปหรูๆกันเลย

     ดังนั้น คุณผู้อ่านจะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่คันนี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การปรับไมเนอร์เชนจ์ แต่ได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งด้านวิศวกรรมและการออกแบบ ที่ทำให้รถคันนี้มีบุคลิกเข้ากับคนไทยมากขึ้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าจะทำให้คนส่วนใหญ่หันกลับเข้าหาแบรนด์ฟอร์ดได้มากขึ้นเช่นกัน

 

     เราเริ่มต้นทดสอบ Ford Focus 1.5 EcoBoost คันนี้กันถึงพัทยา โดยได้ทดสอบทั้งบนสนามพีระเซอร์กิต และบนถนนจริง เพื่อเค้นสมรรถนะของรถคันนี้ออกมาให้ได้มากที่สุด

     ในช่วงแรกเราได้ทดสอบรถคันนี้บนสนามก่อน ช่วยให้เห็นความหนึบหนับในการเข้าโค้ง รวมถึงอัตราเร่งแบบมิดเท้าของรถคันนี้ว่าจะแรงอย่างที่คาดหวังไว้หรือไม่

     หลังจากเข้าประจำการอยู่บนที่นั่งคนขับเป็นที่เรียบร้อย เมื่อได้สัญญาณปล่อยตัว ผู้เขียนกดคันเร่งลงไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของระยะแป้นคันเร่งทั้งหมด ผลลัพท์ที่ได้คืออัตราเร่งที่มาตั้งแต่ตีนต้น เรียกว่าจัดจ้านเลยทีเดียว ในช่วงระยะสั้นๆจากจุดสตาร์ทก่อนถึงโค้ง ตัวรถสามารถแตะความเร็ว 80 กม./ชม.ได้อย่างฉับไว ก่อนจะชะลอความเร็วลงเล็กน้อย เพื่อดูอาการขณะเข้าโค้ง ปรากฏว่าโฟกัสใหม่ ก็สามารถเบนหัวรถเข้าโค้งได้ตามใจสั่ง ด้วยการทำงานของระบบ Torque Vectoring ที่ทำให้สามารถเข้าโค้งได้แม่นยำ ตัวช่วงล่างเองถูกเซ็ทมาในลักษณะกึ่งแข็งนิดๆ ทำให้ควบคุมตัวรถได้ง่าย ลดอาการโคลงลงไปได้เยอะ

 

     จังหวะที่มีการทดสอบการขับขี่แบบ Slalom นั้น หรือซิกแซกซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว เราใช้ความเร็วที่ประมาณ 60 กม./ชม. ก่อนเบนหัวรถเข้ากรวยอันแรก พบว่าตัวรถอยู่ในอาการที่ควบคุมได้ค่อนข้างดี แม้อาจจะไม่ถึงระดับเดียวกับรถสปอร์ตแท้ๆ ที่ใช้ช่วงล่างแข็งๆ แต่หากเทียบกับรถบ้านสำหรับการใช้งานปกติแล้วนั้น ถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว

     เมื่อมาถึงช่วงทางตรง ซึ่งเป็นโอกาสให้เราได้ทดสอบอัตราเร่งของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบคันนี้ หลังจากที่กดคันเร่งแบบจมมิด ระบบเกียร์มีการปรับอัตราทดต่ำลงมาทันที เพื่อเรียกม้าและแรงบิดสูงสุดออกมาใช้งาน ผลที่ได้คืออัตราเร่งที่มาอย่างรวดเร็วทันใจ จนเราแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือรถ C-Segment ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,500 ซีซีเท่านั้น

 

     หลังจากนั้น เรามีโอกาสทดสอบ โฟกัส ใหม่ บนถนนจริงกันบ้าง ซึ่งนอกเหนือจากอัตราเร่งที่เราได้สัมผัสไปแล้วนั้น ก็ทำให้เราเห็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือการเปลี่ยนเกียร์ที่ฉับไว และนุ่มนวล แบบไม่ต้องง้อคลัทช์คู่กันเลยทีเดียว จริงอยู่ที่ว่าความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์อาจสู้เกียร์แบบคลัทช์คู่แท้ๆไม่ได้ แต่ก็ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ จากแรงดึงของเทอร์โบในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนอัตราทดเกียร์

     การเปลี่ยนเกียร์ด้วย Paddle Shift สามารถทำได้ทันที ขณะที่คันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D ช่วยเรียกแรงบิดเพิ่มขึ้นขณะเร่งแซง หรือเวลาที่ต้องการเอนจิ้นเบรก สามารถสั่งงานด้วยการกดแป้นฝั่ง ‘-‘ จำนวน 2 ครั้ง ตัวเกียร์จะปรับอัตราทดลงมา 2 จังหวะให้ในทันทีโดยไม่ต้องรอแต่อย่างใด

 

     ช่วงล่างของฟอร์ด โฟกัสใหม่ สำหรับการใช้งานโดยทั่วไปนั้น มีอาการติดแข็งอยู่เล็กน้อย ซึ่งในแง่ของความสบายในการโดยสารอาจลดน้อยลงหน่อย แต่ก็ได้เรื่องความหนึบหนับ ความสนุกสนานในการขับขี่ที่ความเร็วสูงมาแทน น่าจะถูกใจคนที่ชอบขับรถได้ดีเลยทีเดียว

     พวงมาลัยไฟฟ้าให้การควบคุมที่แม่นยำ เฉียบคม ระยะฟรีแทบไม่มีให้เห็น น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดี และค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมตัวรถให้ขับได้อย่างสนุกยิ่งขึ้น

 

     สรุป Ford Focus 1.5 EcoBoost ใหม่ ถือเป็นโฟกัสที่ถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ แรงจัดจ้านไม่เป็นรองใคร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานได้ฉับไว แม่นยำ และเป็นธรรมชาติมากขึ้น ช่วงล่างเซ็ทมาให้หนับหนับ ขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจ ขับสนุก เอาใจคนชอบขับรถ

     ระบบ SYNC 3 สามารถใช้งานได้ง่ายและหลากหลายขึ้น ฟังก์ชั่นหลายอย่างที่ให้มา เช่น ระบบช่วยจอด, ระบบเบรกอัตโนมัติ ฯลฯ ถือเป็นจุดขายที่ไม่มีในรถคู่แข่ง เมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าเป็นรถที่คุ้มค่ามากที่สุดคันหนึ่งขณะนี้


     ราคาจำหน่าย Ford Focus 1.5 EcoBoost Sport ใหม่ อยู่ที่ 1,099,000 บาท

 

     ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ของฟอร์ดประเทศไทย ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้

 

 

อัลบั้มภาพ 33 ภาพ

อัลบั้มภาพ 33 ภาพ ของ รีวิว Ford Focus 1.5 EcoBoost ใหม่ ญี่ปุ่นหลบไป เพราะคู่แข่งตัวจริงมาแล้ว!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook