Sanook! Drive : Hyundai Elantra 1.8 GLS คอมแพ็คคาร์โสมขาว สมรรถนะเร้าอารมณ์
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
หากกล่าวถึงตลาดรถยนต์กลุ่มที่คุ้นเคยกับตลาดเมืองไทยมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า "คอมแพ็คคาร์" ยังเป็นรถยนต์ที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในตลาด แม้วันเวลาผันเปลี่ยนไปราคาน้ำมันพุ่งทะลุเพดานก็ตาม
ล่าสุดค่ายรถยนต์จากแดนโสมขาว Hyundai ก็มีการแนะนำรถยนต์ Hyundai Elantra ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ และที่สำคัญนี่คือรถยนต์ที่ได้รับความนิยม และไว้วางใจจากอเมริกา
Hyundai Elantra 1.8 GLS
คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะมาชนะใจคนทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดอเมริกา ที่ซึ่ง Hyundai Elantra ทำให้ค่ายรถยนต์ Hyundai ยิ้มปริอีกครั้ง เมื่อคอมแพ็คคาร์ Hyundai Elantra ใหม่ สามารถชนะรางวัล North America car of the year 2012 และด้วยรางวัลดังกล่าวก็ทำให้เราอยากไปท้าพิสูจน์กัน
เรือนร่างสปอร์ตเต็มพิกัด เน้นหนักลุคที่แตกต่าง
ตั้งแต่เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปีกลาย ต้องยอมรับในรถยนต์ Hyundai Elantra เป็นรถยนต์ที่เต็มไปด้วยความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น มันอาจจะฟังดูแล้วแปลก แต่นั่นคือความจริงที่คุณพบได้ในเก๋งคอมแพ็คคาร์คันนี้ ที่ดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจ เปรียบประดุจสาวสวยที่เดินผ่านแล้วทำให้ชายตามองจนเกือบฝันหวานว่าเป็นรักแรกพบยังงั้นเลยทีเดียว
เรือนร่างที่ได้เสน่ห์เย้ายวนใจนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการปรับแนวทางการออกแบบรถยนต์ของค่ายใหม่ยกเซททั้งหมด เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ทำให้มันถูกแนะนำมาพร้อมเส้นสายการออกแบบใหม่ที่เรียกว่า Fluidic Sculpture ขัดเกลาเส้นสายให้มีความพลิ้วไหวพร้อมให้ความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ด้านหน้า ที่ให้ความเป็นปัจเจกสะท้อนความเป็นรถยนต์ที่มีเสน่ห์ล้ำอนาคตในการออกแบบ
Hyundai Elantra 1.8 GLS
กระจังหน้าที่ดูสปอร์ตลงตัวเข้ากับไฟหน้าที่ทรงเสน่ห์ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเหลียวมอง ทำให้รู้สึกดูดุดัน สปอร์ต แต่ยังแอบหรูลงตัวกับเส้นสายในการออกแบบรับเข้ากับกันชนหน้าต่อเนื่องไปยัง ด้านข้างจรดบั้นท้าย ด้วยเส้นสายที่ออกแบบให้สปอร์ตเต็มพิกัดและยังดูทันสมัยไปพร้อมกัน จนถึงไฟท้ายที่ดูโฉบเฉี่ยวไปพร้อมกัน มาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว ให้ยาง 215/45/R17 แต่ที่น่าแปลกคือกระจกมองข้างไม่มีตัวช่วยไฟฟ้า นับว่าเป็นอะไรที่ทำให้ผิดหวังเล็กน้อย
เส้นสายที่งดงามถูกฝังในเรือนร่างที่มาพร้อมความยาว 4,530 ม.ม. กว้าง 1,775 ม.ม. และสูง 1,445 ม.ม. ตอบโจทย์การขับขี่ด้วยฐานล้อยาว 2,700 ม.ม. แต่ที่ดูแล้วน่าแปลกใจที่สุด คงไม่พ้นน้ำหนักที่มีพิกัดเบาหวิวเพียง 1,230 ม.ม. ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ในขณะที่รุ่นเกียร์ธรรมดา จะเบากว่านี้อีก 30 ก.ก.
ห้องโดยสารสุดล้ำ ลงตัวเรื่องจิตวิญญาณสปอร์ต
ภายในห้องโดยสารต้อนรับเสน่ห์ความสปอร์ตด้วยภายในโทนสีดำ จนไม่น่าแปลกใจเมื่อหย่อนตัวลงเบาะนั่งเรารู้สึกว่าภายในห้องโดยสาร มีความแคบเมื่อเทียบกับรถยนต์หลายๆรุ่นในกลุ่มเดียวกันที่ออกมาวางจำหน่ายในตลาด
ฝั่งคนขับเบาะนั่งมาพร้อมกับเบาะปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางช่วยให้ง่ายยิ่งขึ้นในการปรับท่านั่ง และยังมาพร้อมระบบดันหลังทุบๆ นวดๆ หากต้องเดินทางไกล ที่จริงถ้า Hyundai มองเรื่องการทำเบาะแบบมี memory Seat ก็จะดีไม่น้อย แต่ก็แปลกใจที่ เบาะคนนั่งไม่ได้ให้อะไรมากเลย
ตัวเบาะเองเมื่อปรับได้ที่มันจะนั่งได้อย่างพอดีตัว แผ่นรองนั่งกว้างลงตัวแม้คนตัวใหญ่ก็สามารถนั่งได้อย่างสบาย เช่นเดียวกันเผ่นรองหลังยังออกแบบมาได้กำลังพอดี แม้จะเป็นคนตัวใหญ่เหมือนผู้ทดสอบไซส์ฝรั่ง สูง 182 ซ.ม. รับรองว่ายังนั่งสบายแต่ก็ทำให้มีความโอบกระชับในการขับขี่ไปพร้อมกันด้วย
คอนโซลหน้าโทนสีดำออกแบบตรงกลางด้วยแนวคิด Y Shape แต่บางคั้งเรารู้สึกว่ามันดูเหมือนนาฬิกาทรายมากกว่า พร้อมการตบแต่งด้วยโครเมี่ยม บรรจุระบบเครื่องเสียงจัดวางไว้ให้ใช้งานได้ง่าย ถัดลงมาเป็นชุดควบคุมระบบปรับอากาศกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งยังต้องใช้มือหมุนอยู่ดี ทำให้มีความแปลกไปเมื่อนับว่านี่คือรถที่พยายามสื่อสารถึงความทันสมัยมากมายในจิตวิญญาณ
ช่องแอร์ถูกจัดวางในตำแหน่งที่กำลังดี เว้นตรงกลาง ที่มีตำแหน่งอยู่ต่ำไปอีกเล็กน้อยจากข้อจำกัดทางด้านการออกแบบ ตรงหน้าคนขับมาพร้อมพวงมาลัย สามารถปรับสูง-ต่ำ และสามารถเลือกเข้าออกได้ตามสะดวก มาในสไตล์ 4 ก้าน แต่กลับกันยังทำให้มันดูมีความรู้สึกสปอร์ต บนพวงมาลัยมาพร้อมชุดสวิทช์เครื่องเสียง และส่วนตรงก้านด้านล่างฝั่งขวาเป็นสวิทช์ควบคุมระบบแสดงผลการขับขี่
ปุ่ม push start เป็นออพชั่นสปอร์ตที่มาให้เฉพาะรุ่นนี้ พร้อมใส่ลายละเอียดอีกเล็กน้อยด้วยแป้นเหยียบสปอร์ต ขณะที่ด้านหลังมาพร้อมเบาะนั่งปรับพับได้ 60/40 เท่าที่มีโอกาสได้ลองนั่งมันสามารถนั่งได้อย่างพอดี ไม่กว้างหรือแคบไป แต่ด้วยสีภายในโทนสีดำ อาจจะทำให้มันดูแคบไปเล็กน้อย แต่คุณต้องลงอลงไปนังจะพบว่ามีความกระชับพอตัว นั่งได้สบาย แต่พื้นที่วางขาอาจจะมีไม่มากมายนัก
ลองจริงจังในเมือง สมรรถนะลงตัวที่น่าสนใจ
หลังจากทำความคุ้นเคยกันพอสมควร ก็ได้เวลาที่เราจะพาเจ้า Hyundai Elantra ใหม่ออกไปสู่โลกกว้างเพื่อค้นฟ้าคว้าความจริงว่ารถเกาหลีคันนี้ที่มันมีดีกรีไม่ธรรมดา และด้วยรางวัลการันตีของมันก็ยิ่งทำให้เราใคร่อยากรู้
แม้ในบ้านเราอาจจะเป็นที่น่าเสียดายที่ Hyundai Elantra มีวางจำหน่ายเพียงรุ่นเดียว ในบล็อดเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร มาพร้อมระบบ Dual CVVT ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 178 นิวตันเมตร ที่ 4700 รอบต่อนาที พ่วงเข้ากับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ ยังมีเกียร์ธรรมดาให้เลือกถ้าคุณต้องการ
ความจริงแล้วเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรกับรถยนต์คอมแพ็คคาร์ถือว่าเป็นขุมพลังที่อยู่ในเกณฑ์ที่ให้สมรรถนะกำลังดี และด้วยเครื่องยนต์ที่ปรุงแต่งฉบับเกาหลีในสไตล์ Hyundai ก็ออกลวดลายได้อย่างน่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้ต้องยอมรับว่าเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ให้กำลัง 150 แรงม้าจะมากที่สุดในตลาดคอมแพ็คคาร์ ในกลุ่ม 1.8 ลิตร ที่ออกมามากมาย แต่ฟีลลิ่งในช่วงแรกของการขับขี่มันก็ไม่ได้รู้สึกกระฉับกระเฉงอะไรมากมายนัก ที่จริงมันทำให้เรานึกถึงรถที่มีความสปอร์ตในสไตล์หรูหรา ไปนิ่มๆ เนียนๆแบบไม่รีบร้อนในการขับขี่มากมายนัก
ส่วนหนึ่งที่บุคลิก Hyundai elantra ใหม่ ออกมาเป็นเช่นนั้น อาจจะมาจากชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ให้มาติดตัว ซึ่งมีการปรับแต่เอาไว้อย่างลงตัวจากโรงงาน
|
อัตราทด |
เกียร์ 1 |
4.400 |
เกียร์ 2 |
2.726 |
เกียร์ 3 |
1.834 |
เกียร์ 4 |
1.392 |
เกียร์ 5 |
1.000 |
เกียร์ 6 |
0.774 |
เกียร์ถอยหลัง |
3.440 |
เฟืองท้าย |
3.270 |
จากอัตราทดเกียร์ในตำแหน่งต่างๆ เราจะพบว่า Hyundai Elantra ใหม่ ให้อัตราทดเกียร์ที่มุ่งเน้นในการเดินทางไกลพอสมควร ที่จริง อัตราทดเฟืองท้ายที่ต่ำพอสมควร ทำให้มันไม่ได้ดูกระฉับกระเฉงมาก และนั่นทำให้เราสามารถรู้สึกได้ทันทีที่ออกไปยังถนนในกทม.
ถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถในถนนสาธร ช่วงบ่ายๆ อาจจะทำให้การจราจรติดขัดไปบ้าง แต่ด้วยการออกแบบตัวถังให้มีระยะยื่นทางด้านหน้าสั้นของ Hyundai Elantra ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกันที่ทางบั้นท้ายก็ทำให้มันมีความคล่องตัวพอสมควร พวงมาลัยพาวเวอร์แบบมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้ การควงพวงมาลัยในเขตเมืองเป็นไปได้ง่ายดาย ความเบาของมันทำให้สะดวกต่อการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำในเมือง อย่างการเปลี่ยนเลนชิงไหวชิงพริบ เมื่อรวมเอาความเบาของพวงมาลัยเข้ามากับเครื่องยนต์ที่เร่งทันใจ สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคยนักด้วยแป้นคันเร่งแบบรถยุโรป ทำให้มันกระชับเท้าตอบสนองได้ดีทุกครั้งที่กดคันเร่งลงไป ก็ทำให้นี่คือรถที่มีความปราดเปรียวในเมืองพอสมควร
นอกเมืองยังเยี่ยม เหนือชั่นด้วยความประหยัด
การขับขี่ในเมืองอาจจะเป็นเพียงชั่วเวลาช่วงสั้นๆ แต่ก็ต้องยอมรับ Hyundai Elatra ใหม่เป็นรถที่สะกดสายตาความใคร่อยากรู้ของคน เพราะทุกครั้งที่มีติดไฟแดงจะมีคนหันมามองมันเสมอ พร้อมคำถามที่ชวนสงสัยว่า นี่ Hyundai จริงหรือ? เพราะเส้นสายการออกแบบนั้นแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับรถที่ครั้งหนึ่งเคยเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา
แม้คำตอบเรื่องการออกแบบจะชวนให้เราหายสงสัย แต่สมรรนถะที่ไม่ได้ทำให้เรารู้อะไรมากมายนัก ถ้ามัวแต่ขับรถในเมืองที่ใช้ความเร็วไม่ได้มาก ทำให้เราลองมาดูสมรรถนะของมันจริงจังบนเส้นทางการขับขี่นอกเมือง ซึ่งเครื่องยนต์ 1.8 อาจจะให้คำตอบมากกว่า ขณะเดียวกันมันก็ท้าทายความประหยัดด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่โดดเด่นไม่น้อยเช่นกัน
จากที่ดูการเซทอัตราทดเกียร์ต่างๆ เราพบว่า Hyundai Elantra ถูกออกมาให้เหมาะสมกับการขับขี่ทางไกล ที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะรถคันนี้ออกแบบและผลิตในอเมริกาเป็นสำคัญและถนนหนทางที่นั่นก็ไม่ได้คราคร่ำด้วยรถยนต์มาก แถมส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางระหว่างเมืองใช้ความเร็วได้พอประมาณเช่นกัน
การขับขี่ Hyundai Elantra ในทางหลวง ครั้งนี้เราเลือกเดินทางลงไปยังหัวหิน เพื่อดูอัตราประหยัดของรถและทดสอบสมรรถนะไปพร้อมกัน ซึ่งช่วงการเดินทางเราใช้ความเร็วที่ 100-120 ก.ม./ช.ม. และพบว่าเครื่องยนต์ตอบสนองการทำงานได้ดีเกินคาด
ถ้าคุณไม่รีบไม่ร้อนอะไรขับไปกินลมไปเราพบว่า เครื่องยนต์จะทำงานอยู่ที่ 1950 รอบต่อนาทีเท่านั้น เมื่อใช้ความเร็วที่ 90 ก.ม./ช.ม. และจะขยับเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยเมื่อใช้ความเร็วเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคุณเดินทางแบบอยากไปไวและไม่โดนจ่าจับที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. มันจะใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2,550 รอบต่อนาที และในช่วงรอบ 3000 รอบต่อนาที คุณจะสามารถใช้ความเร็วได้ถึง 140 ก.ม./ช.ม.
ในช่วงระหว่างเดินทางเราลองทำความเร็วสูงสุดดู และก็น่าประทับใจด้วยตัวเลข 190 ก.ม./ช.ม. สำหรับใครที่มีธุระด่วนจริงๆ ทว่าแม้การขับความเร็วสูง แต่ที่น่าแปลกคือเครื่องยนต์ไม่ได้ดังกึกก้องอย่างที่เราคิด
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดใน Hyundai Elantra อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในเรื่องสมรรนถะ เพราะแม้จะใช้ความเร็วสูงในการขับขี่บ้างแต่มันก็ยังให้สมรรถนะที่ดีเกินคาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติมอารมณ์ความสปอร์ต เต็มฟีลลิ่งการขับขี่กับ Manual Mode ที่สามารถเลือกสลับ +/ - ได้ตามต้องการ และมันตอบสนองไวใช่น้อย จะขาดเพียงระบบ Paddle Shift ที่ให้กระดิกนิ้วที่พวงมาลัย หรือทำอะไรที่ง่ายยิ่งขึ้นก็อาจจะดูมีความลงตัวมากกว่านี้ แต่แค่ที่โยกๆนี่ก็มันส์ได้ใจประดุจเกียร์ธรรมดาเลยทีเดียว
ในเรื่องความประหยัดหลังจากที่ขับขี่มาจนถึงปลายทาง หันมองข้อมูลบนหน้าปัดแล้วหารออกมาเป็นตัวเลขประหยัด จากตลอดเส้นทางการขับขี่ ซึ่งใช้ความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. เราได้ความประหยัดน้ำมันอยูที่ 12.8 ก.ม./ลิตร แต่อย่าแปลกใจว่าทำไมเราถึงได้ตัวเลขค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับผู้ทดสอบท่านอื่นๆ นั่นเพราะว่า เราทำความเร็วสูงสุดในช่วงระหว่างการเดินทางไปพร้อมกันด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการทดสอบครั้งนี้
อย่างไรก็ดีแม้จะมีเครื่องยนต์และเกียร์ที่ดูดีเอามากๆ แต่ Hyundai Elantra ก็ยังมีความผิดพลาดเล็กๆน้อย โดยเฉพาะการไร้ซึ่งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise control ซึ่งจะช่วยให้ขับขี่ง่ายขึ้นในการขับขี่นอกเมือง ทั้งที่คู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน มีระบบดังกล่าวมาให้จนเรียกว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์ฐานไปแล้วในรถยนต์กลุ่มนี้ด้วยซ้ำไป
ช่วงล่างมั่นใจ...ทุกสภาพการขับขี่
แม้ว่าเครื่องยนต์และระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด จะเป็นของเล่นที่บรรดาคนรักความเร็วต้องชอบ แต่อีกเรื่องที่น่ายกย่องก็คงไม่พ้นระบบกันสะเทือนที่เซทมาได้อย่างลงตัว จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นรถยนต์จากเกาหลี
หากมองน้ำหนักของที่มีมวลรวมไม่ได้มากไปกว่า 1200 ก.ก. ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และบวกอีก 30 ก.ก. ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติจากการยัดระบบความความปลอดภัยต่างๆเข้ามาช่วยทำงานอย่างขมีขมัน ช่วยคุณควบคุมรถ ซึ่งแง่หนึ่งในรถยนต์ Hyundai Elantra มาพร้อมถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับ และ ระบบช่วยเหลือในการเบรก รวมถึงระบบป้องกันล้อล็อค ABS และ PBA เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ทว่าใน Hyundai Elantra GLS นี้ยังเสริมทัพความมั่นใจด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ESP รวมถึงระบบจัดการความเถียร VSM และยังมาพร้อมระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัดหรือ HAC ซึ่งทั้งหมด เมื่อรวมเข้ากับการเซทระบบช่วงล่าง แบบแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า ขณะที่ด้านหลังเลือกใช้แบบทอร์ชั่นบีม CTB (Couple Torsion Beam Axle) ก็ทำให้มันออกมาเป็นรถยนต์ที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ความรู้สึกช่วงล่างที่ดูอออกไปในทางความสปอร์ตมากกว่าความนุ่มนวลอาจจะไม่ทำให้หลายคนประทับใจนัก ส่วนหนึ่งมาจากล้อที่มีขนาดใหญ่ถึง ขอบ 17 นิ้ว ติดตัวออกมาจากโรงงาน พร้อมยางขนาด 215/45/R17 ซึ่งมีแก้มค่อนข้างเตี้ยพอสมควร ทำให้รถออกมาในสไตล์ที่กระด้างมากกว่าที่คิด
ถึงจะต้องยอมรับว่าช่วงล่าง Hyundai Elantra ออกไปในทางกระด้าง แต่ความกระด้างที่เราพูดถึงนี้ไม่ใช่การกระแทกกระทั้นจนรู้สึกว่าไส้จะไหลมากองรวมกัน ทว่าการเซทติ้งออกไปในทางการเน้นความแน่น คุณจะสามารถรู้สึกได้ว่ามันมีความกระด้างเป็นทุนเดิม แต่ก็ไม่ได้ให้ความกระเทือนมากมายนัก จะออกไปทางความหนึบมากกว่าและไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องความเกาะถนนแม้คุณฟาดความเร็วสูงก็ตาม นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เราแปลกใจมากกับวิศวกรรมชั้นเลิศจากค่ายรถยนต์เกาหลี
พวงมาลัยไฟฟ้าของ Hyundai Elantra ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแปลกไม่น้อยกับเจ้ารถเกาหลีคันนี้ แม้จะต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้พวงมาลัยไฟฟ้าตอบสนองได้ดีกว่าพวงมาลัยพาวเวอร์แบบธรรมดาทั่วไป แต่ตัวตนความสปอร์ตของ Hyundai Elantra ก็จัดมาให้แบบเต็มๆ
ลักษณะพวงมาลัยที่เบาและมีการปรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อใช้ความเร็วสูงทำให้มันดูมีความน่าประทับใจพอสมควร ในขณะที่การใช้งานจริงกลับพบว่า พวงมาลัยแทบไม่มีระยะฟรี มันคมมากในการใช้องศาหักไปในทิศทางต่างๆทำให้รู้สึกดีถ้าคุณชอบความสปอร์ต ขณะเดียวกันความคมของมันอาจจะทำให้รู้สึกว่าพวงมาลัยไวไปบ้างในบางสถานการณ์ แต่ถ้าคุณเจอสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจรวดเร็ว เช่นคันหน้าเบรกกระทันหันแล้วคุณต้องตวัดพวงมาลัยหนีเรื่องเสี่ยง ก็จะพบว่าแม้รถจะมาพร้อมยางใหญ่ แต่ก็สามารถควบคุมได้ดั่งใจนึก
หากจะว่ากันตามข้อเท็จจริงแล้ว Hyundai Elantra เป็นรถยนต์ที่มีความโดดเด่นน่าสนใจในตัวตนไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยสมรรถนะหลังจากสัมผัส ต้องยอมรับว่ามันสมราคาคุยที่ได้รางวัล American Car of the year 2012 แต่มันก็ยังมีอุปสรรคที่สำคัญที่รอความท้าทายจากค่ายรถยนต์เกาหลีอยู่ และนั่น คือราคาที่แพงกว่าคู่แข่งอยู่หลายบาท
แม้รางวัลจะการันตีความเป็นเลิศ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า คนซื้อรถทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มคอมพ็คคาร์มองเรื่องการนำรถมาใช้งานมากกว่า จึงไม่น่าแปลกที่ราคาจะเป็นเรื่องที่สำคัญ..สวัสดี
สรุปผลการทดสอบขับ Hyundai Elantra 1.8 GLS
Hyundai Elantra 1.8 GLS
ราคาจำหน่าย 1,048,000 บาท
อัตราการทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงต่างๆ
ความเร็วที่เดินทาง |
รอบเครื่องยนต์ที่ทำงาน |
90 |
1950 |
100 |
2100 |
110 |
2400 |
120 |
2550 |
130 |
2750 |
ความเร็วสูงสุดในขณะทดสอบ 190 ก.ม./ช.ม.
อัตราประหยัดในการเดินทาง 12.8 ก.ม/ลิตร
ตารางคะแนนจากการทดสอบ Hyundai Elantra 1.8 GLS
หัวข้อ |
คะแนน (หมวดละ 20 คะแนน) |
คำแนะนำและติชม |
การออกแบบภายนอก |
20 |
การออกแบบภายใต้เส้นสายการออกแบบ Fluidic Sculpture เป็นสิ่งที่โดดเด่นมาแต่ไกล ที่จริงแล้วมันคือเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง เพราะมันมาพร้อมรูปลักษณ์สปอร์ต จนเรียกว่าเป็นหนึ่งในรถคอมแพ็คคาร์ที่ออกแบบได้ดี่ที่สุดในตลาด ยิ่งเมื่อประกอบเข้ากับการวิศวกรรมที่เน้นในการออกแบบให้หน้าและท้ายสั้นมันก็ทำให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น |
การออกแบบภายในห้องโดยสาร |
19 |
ห้องโดยสาร Hyundai Elantra ใหม่เป็นอีกส่วนที่มีความลงตัวเกินคาด อันที่จริงมันเป็นห้องโดยสารที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการออกแบบที่ให้ความลงตัวพอสมควร ยิ่งกับคอนโซลหน้ารูป Y Shape อาจจะเรียกว่าเป็นจุดขายที่สำคัญเลยก็ว่าได้ หากแต่ ด้วยห้องโดยสารที่จัดมาในโทนดำก็เป็นจุดบอด แม้จะให้ความสปอร์ตเต็มพิกัด แต่สีดำก็ทำให้มันดูแคบไปโดยปริยาย ทั้งที่เมื่อทดลองนั่งจริงแล้วมันไม่ได้ดูแคบเลยแม้แต่น้อย แต่ทั้งหมดนั้นกลับเป็นไปด้วยสีของการตบแต่ง |
เครื่องยนต์ |
19 |
การไร้ซึ่งทางเลือก ด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร มาจำหน่ายในไทยเพียงรุ่นเดียว ทำให้มันค่อนข้างมีข้อจำกัด ในการสร้างความน่าสนใจให้กับตัวรถ ทั้งที่จริงแล้ว รถจากค่าย Hyundai ใช้การสั่งตรงจากประเทศเกาหลี ซึ่งน่าจะมีทางเลือกให้กับลูกค้ามากกว่า ทั้งเครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตร ที่มีวางจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งเราอยากให้ Hyundai ลองกลับไปทำการบ้านในเรื่องนี้ดูบ้าง แม้จะมีเพียงตัวเลือกเดียวกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างมาก ทั้งสมรรถนะที่สามารปั้นออกมาได้สูงสุด 150 แรงม้า จากโรงงาน แต่กลับกันก็ยังีความประหยัดที่โดเด่นเกินคาด โดยเฉพาะหัวใจสำคัญที่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำให้มีความโดดเด่นและลงตัวพอสมควร |
ระบบกันสะเทือนและสมรรถนะการขับขี่ |
19 |
จากที่ได้ขับขี่ Hyundai Elantra 1.8 ใหม่ นอกจากเครื่องยนต์ที่โดดเด่นคงต้องยอมรับว่า ระบบกันสะเทือนเป็นอีกหนึ่งที่สำคัญ แม้ตัวรถจะมาพร้อมยางแก้มเตี้ยและนั่นทำให้ช่วงล่างค่อนข้างมีความกระด้าง แต่ในแง่หนึ่งสำหรับคนที่ชอบความสปอร์ตน่าจะถูกใจไม่น้อย เลยทีเดียวในรถยนต์คันนี้ |
เทคโนโลยี |
17 |
โดยรวมคงต้องบอกว่ามันไม่ได้มีเทคโนโลยีที่โดดเด่นหวือหวามากมายนัก เพราะทั้งหมดที่มีในรถคันนี้คือระบบช่วยเหลือในการขับขี่มากกว่า แต่กระนั้น Hyundai ก็ยังพลาดบางอย่างไปอย่างน่าเสียดาย เช่นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control ซึ่งการที่มันไม่มีอาจจะเป็นข้อด้อยที่ยอมรับได้ แต่เช่นกันมันกลับมีอะไรที่ดีกว่านั้นเช่น ระบบเบาะนั่งปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง ทั้งที่มันอาจจะไม่ได้จำเป็น |
สรุป (คะแนนรวม) |
94 |
หากจะพูดว่า Hyundai Elantra 1.8 ใหม่ มีความลงตัวที่สุดในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ก็คงจะเป็นไปได้ แต่ในแง่หนึ่งก็เคยต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงพอสมควร ซึ่งทำให้ดีกรีความน่าสนใจน้อยลง แต่ถึงแบบนั้นด้วยการออกแบบที่โดดเด่นและสมรรถนะที่เยี่ยมยอด ก็ทำให้มันน่าคบหายิ่งกับใครที่ชอบความสปอร์เป็นทุนเดิม |
อัลบั้มภาพ 65 ภาพ