รีวิว 2016 Toyota Camry 2.5G ใหม่ ตัวท็อปรุ่นเบนซิน เพิ่มอ็อพชั่นคุ้มค่าน่าใช้

รีวิว 2016 Toyota Camry 2.5G ใหม่ ตัวท็อปรุ่นเบนซิน เพิ่มอ็อพชั่นคุ้มค่าน่าใช้

รีวิว 2016 Toyota Camry 2.5G ใหม่ ตัวท็อปรุ่นเบนซิน เพิ่มอ็อพชั่นคุ้มค่าน่าใช้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

    

     ก่อนหน้านี้ โตโยต้าได้ปล่อย ‘คัมรี่’ รุ่นปรับปรุงโฉมไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความสดใหม่หลังปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ไปเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงมีการปรับกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อให้สามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

     ปัจจุบัน Camry ในบ้านเราทำตลาดด้วย 2 รุ่นหลัก ได้แก่ เบนซินและไฮบริด ซึ่งยอดขายส่วนมากจะไปกระจุกอยู่ที่รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก และรุ่นไฮบริดสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราควบคู่ไปกับความประหยัด ขณะที่รุ่น Esport ก็ไว้สำหรับเจาะกลุ่มผู้บริหารไฟแรงอายุน้อย ที่อยากได้ความมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ดูสปอร์ตดุดันมากขึ้น

     แต่ไลน์อัพของคัมรี่เอง ยังมีอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ Camry 2.5G ซึ่งถือเป็นตัวท็อปสุดของรุ่นเบนซิน แทรกกลางระหว่างตัวเบนซิน 2.0 ลิตร และตัวล่างสุดของรุ่นไฮบริดนั่นเอง

     ทางโตโยต้าประเทศไทย จึงให้เกียรติเชิญ Sanook! Auto เข้าร่วมทดสอบ Camry 2.5G ใหม่ บนเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน เพื่อไปดูว่ารถคันนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง


     รูปลักษณ์ภายนอกของรุ่น 2.5G ในเวอร์ชั่นปรับปรุงโฉม แทบไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม ติดตั้งไฟหน้าแบบ HID Projector พร้อม Daytime Running Light แบบ LED มาพร้อมระบบปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ มีฟังก์ชั่นเปิด-ปิดออโต้มาให้ โดยไฟเลี้ยวจะอยู่ในชุดโคมเดียวกับไฟหน้า แต่หากเป็นรุ่นไฮบริดจะแยกไปติดตั้งไว้บริเวณกันชน

     กระจังหน้าและช่องดักลมบริเวณกันชนออกแบบให้มีสีดำ ตกแต่งด้วยเส้นสายโครเมียม ดูสปอร์ตและหรูหราควบคู่กันไป ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

     ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ไม่ต่างจากรุ่นย่อยอื่น ตกแต่งด้วยแถบโครเมียมช่วยให้ดูหรูหรามากขึ้น ติดตั้งไฟตัดหมอกหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และยางขนาด 215/55 R17 แบบเดียวกับรุ่นไฮบริด ขณะที่ตัว 2.0G จะเป็นขนาด 16 นิ้วมาแทน

     จุดเด่นสำคัญของ Camry 2.5G จะเป็นการเพิ่มอ็อพชั่นภายในห้องโดยสารเสียมากกว่า แผงคอนโซลหน้าติดตั้งเครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัส รองรับแผ่นดีวีดีได้ 1 แผ่น มาพร้อมระบบนำทางในตัว รวมถึงรองรับระบบ T-Connect ของโตโยต้าได้ มีพอร์ต USB/VTR มาให้ สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้ โดยเครื่องเสียงชุดนี้ติดตั้งลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจากเดิม 10 ตัว เป็นทั้งหมด 12 ตัว เช่นเดียวกับรุ่นไฮบริด

     คุณภาพเสียงที่ได้จากลำโพงชุดนี้ถือว่าปรับปรุงดีขึ้นมาก จากเดิมที่เครื่องเสียงของโตโยต้าแทบเรียกได้ว่าไม่มีอะไรโดดเด่นกว่าชาวบ้านเขา แต่คราวนี้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของบรรดารถญี่ปุ่นด้วยกันเลยก็ว่าได้

     เราเปิดระดับเสียงไว้ที่ 40 ซึ่งเป็นความดังระดับเดียวกับที่วิศวกรของโตโยต้าใช้สำหรับ Benchmark คุณภาพเสียงของรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้เป็นจำพวกหูเทพขนาดนั้น แต่ก็พอบอกได้ว่าเครื่องเสียงชุดนี้ให้เสียงที่ใส กังวาน ลำโพงรอบคันกว่า 12 ตัว ช่วยให้ Soundstage กว้าง เป็นธรรมชาติ ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีทุกชิ้นอย่างชัดเจน แม้จะไม่ถึงกับเครื่องเสียง Bowers & Wilkins ที่เราเคยไปลองใน Volvo XC90 Inscription มาก่อนหน้านี้ แต่สำหรับพวกหูธรรมดาอย่างผู้เขียนแล้ว บอกเลยว่าแค่นี้ก็เหลือแหล่แล้วล่ะ

     ห้องโดยสารภายในของคัมรี่ 2.5G ยังคงความหรูหรา โอ่งโถง ตกแต่งด้วยสีเบจเป็นหลัก เบาะนั่งหุ้มหนังแท้แบบ Smooth Leather สลับหนังสังเคราะห์ คู่หน้าสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มีปุ่มดันหลังไฟฟ้ามาให้สำหรับคนขับ โดยคราวนี้เพิ่มฟังก์ชั่นเมมโมรี่เบาะฝั่งคนขับ 2 ตำแหน่งมาให้ ซึ่งทำงานคู่กับกระจกมองข้างด้วย นั่นหมายความว่าระบบจะจำทั้งตำแหน่งเบาะนั่ง และตำแหน่งกระจกมองข้าง เพื่อปรับให้เหมาะสมกับผู้ขับแต่ละคน เพียงแค่กดปุ่มใดปุ่มหนึ่งค้างไว้ ตัวเบาะและกระจกมองข้างก็จะขยับไปอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งไว้แต่แรกให้โดยอัตโนมัติ

     เบาะนั่งด้านหลังมีพนักพิงศีรษะให้ทั้งหมด 3 จุด สามารถปรับระดับได้ 2 จุด พนักพิงตรงกลางสามารถดึงออกใช้เป็นที่วางแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำในตัว เหนือแผงประตูคู่หลังมีม่านกรองแสงมาให้ รวมถึงม่านกรองแสงแบบไฟฟ้าบริเวณกระจกหลัง ที่ควบคุมผ่านปุ่มบริเวณคอนโซลหน้า

     ซึ่งเบาะนั่งด้านหลังของ คัมรี่ 2.5G ยังคงให้ความสบายในการโดยสารเป็นอย่างดี พื้นที่วางขาถือว่าเหลือๆ นั่งไขว้ห้างก็ยังเหลือ ตัวพนักพิงแม้ว่าจะปรับเอนไม่ได้เหมือนกับรุ่นท็อปไฮบริด แต่ก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่สบายในการโดยสารมากๆแล้ว

     แผงคอนโซลหน้าติดตั้งระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 2 โซน ปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาได้ มาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ให้ความเย็นรวดเร็วทันใจตามสไตล์โตโยต้า

     ในรุ่น 2.5G ถูกติดตั้งพวงมาลัยหุ้มหนังสลับลายไม้ ปุ่มควบคุมฝั่งซ้ายมือของพวงมาลัยใช้สำหรับระบบเครื่องเสียง ขณะที่ฝั่งขวามือใช้สำหรับจอ MID ที่ติดตั้งบนชุดมาตรวัดความเร็ว ซึ่งถูกยกมาจากเล็กซัสเลยทีเดียว รวมถึงมีปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์มาให้

     ด้านล่างของพวงมาลัยจะมีก้านเล็กๆยื่นออกมา ใช้สำหรับควบคุมระบบ Cruise Control โดยก่อนใช้งานจะต้องกดปุ่ม ON-OFF เสียก่อน จึงจะสามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้ โดยในรุ่น 2.5G ยังเพิ่มระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติมาให้ด้วย ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องมาพะวงคอยปรับความแรงอยู่ตลอดเวลา

     ในรุ่น 2.5G ยังถูกติดตั้งแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย Wireless Charger มาให้ แต่ต้องใช้งานกับมือถือที่รองรับการชาร์จไร้สายเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะพบอยู่ในตระกูลแอนดรอยด์ แต่หากเป็นไอโฟนแล้วล่ะก็ จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมเพื่อให้สามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้ (ซึ่งไอโฟน 7 รุ่นใหม่ล่าสุดก็ยังไม่มีฟังก์ชั่นชาร์จไร้สายนะจ๊ะ)

     เหนือศีรษะถูกติดตั้งไฟอ่านแผนที่แยกซ้าย-ขวามาให้ (ซึ่งเปิดดวงไหนก็สว่างทั้งซ้ายและขวาอยู่ดี) พร้อมช่องเก็บแว่นตา รวมถึงไฟ Ambient Light ช่วยสร้างบรรยากาศยามค่ำคืนและไฟอ่านหนังสือสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาให้เช่นกัน กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติพร้อมปุ่มเปิด-ปิด

     ด้านระบบความปลอดภัยเรียกว่าครบครันตามมาตรฐานรถระดับ 1 ล้านบาทอัพ ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านนิรภัยด้านข้าง และถุงลมหัวเข่าฝั่งคนขับ มีระบบเบรก ABS/EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC มาให้ รวมถึงเพิ่มระบบช่วยออกตัวบนทางลาดขัน HAC มาให้ ซึ่งระบบจะเหยียบเบรกค้างไว้ให้เป็นเวลา 2 วินาที เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสลับเท้าจากแป้นเบรกมาเหยียบคันเร่งได้ โดยไม่ทำให้รถไหลนั่นเอง

     นอกจากนั้น ในรุ่น 2.5G ยังถูกติดตั้งกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอย พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะทั้ง 4 มุมรอบคัน รวมถึงระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor และระบบเตือนขณะถอยออกจากซอง Rear Cross Traffic Alert เพิ่มขึ้นมาให้ด้วย

     Camry 2.5G ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรหัส 2AR-FE 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.5 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 231 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สามารถรองรับเชื้อเพลิงทางเลือกได้สูงสุด E20

     ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระดูอัลลิงค์สตรัท ติดตั้งระบบเบรกแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อ พร้อมจานเบรกขนาด 16 นิ้ว

 

     เราเริ่มออกเดินทางจาก Toyota Driving Experience Park ใกล้กับเซ็นทรัลบางนา มุ่งหน้าไปขึ้นทางด่วนบางพลี-สุขสวัสดิ์ เพื่อไปลงยังถนนพระราม 2 ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ใครหลายคนน่าจะคุ้นชินกันดี

     อัตราเร่งของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 181 แรงม้า ถือว่าจัดจ้านใช้ได้ เมื่อเทียบกับบอดี้ใหญ่ขนาดนี้ ให้แรงดึงดีกว่ารุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรอยู่นิดหน่อย แต่สิ่งที่ประทับใจคือเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดลูกใหม่ ที่เปลี่ยนอัตราทดได้อย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว จนใกล้เคียงกับระบบเกียร์ประเภทคลัทช์คู่ แถมยังให้ความสนุกสนานในการขับขี่ดีกว่าเกียร์แบบ CVT มาก

     ช่วงล่างของคัมรี่แน่นอนว่าจะต้องเอาใจผู้บริหารที่มีอายุเสียหน่อย หรือกลุ่มคนที่ใช้งานในแบบครอบครัว ดังนั้นจึงออกมาในแนวนุ่มหนึบ ซับแรงสะเทือนช่วงรอยต่อของถนนได้ดี เหมาะสำหรับถนนในกรุงเทพฯ ที่มักจะเจอกับพื้นผิวขรุขระ หรือไม่ก็ฝาท่อที่ยื่นโผล่มาบนผิวจราจรอย่างน่าเกลียดอะไรทำนองนั้น

     ขณะที่ความเงียบภายในห้องโดยสารถือเป็นจุดเด่นเช่นกัน เพราะสามารถซับเสียงจากช่วงล่างได้ค่อนข้างดี แม้วิ่งผ่านทางขรุขระหรือคอสะพาน รวมถึงเสียงลมรอบคันก็ทำได้ดีเช่นกัน แม้จะใช้ความเร็วถึงระดับ 120 กม./ชม. ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เงียบจนน่าพอใจ จนทำให้รู้สึกว่ารถคันนี้ไม่ได้วิ่งเร็วเสียด้วยซ้ำ แม้จะใช้ความเร็วสูงอยู่ก็ตาม

     อัตราทดเกียร์ของคัมรี่ 2.5G ที่มีให้ 6 จังหวะ ทำให้การขับขี่ทางไกลใช้รอบเครื่องยนต์ค่อนข้างต่ำ โดยความเร็วที่ 120 กม./ชม. จะใช้รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ประมาณ 2,100 รอบต่อนาที ซึ่งถือว่าดีทีเดียวสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ที่ไม่ได้ใช้เกียร์ 8 สปีด หรือ 9 สปีด พ่วงกับเครื่องยนต์ดีเซลเหมือนรถยุโรปหลายรุ่นในปัจจุบัน

     ขณะที่การนั่งโดยสารในคัมรี่ 2.5G ถือว่าสบายในทุกที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็นเบาะหน้าหรือเบาะหลัง ตัวเบาะคู่หน้ามีขนาดใหญ่ ออกแบบให้มีการซัพพอร์ตแผ่นหลังได้ดี ตัวปีกให้ความโอบกระชับพอประมาณ ไม่อึดอัด ขณะที่ห้องโดยสารด้านหลังให้ความโปร่งโล่ง กว้างขวาง นั่งสบาย สามารถโดยสารแถวหลัง 3 ที่นั่งได้อย่างสบายๆ

     สรุป Toyota Camry 2.5G ใหม่ ยังคงเป็นรถระดับผู้บริหารของโตโยต้าที่ดีงามรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง การตกแต่งภายในอาจไม่หวือหวานัก แต่ก็เข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆได้ง่าย เพิ่มอ็อพชั่นขึ้นอีกเล็กน้อย น่าใช้งานมากขึ้น แลกกับค่าตัวที่สูงกว่ารุ่น 2.0G Extremo อยู่ 74,000 บาท แต่ได้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ที่แรงขึ้นมาอีกนิด แต่อ็อพชั่นก็ได้ครบๆเหมือนกัน ก็ขึ้นอยู่กับคุณผู้อ่านล่ะครับว่าชอบสไตล์ไหนมากกว่า

     ราคาจำหน่าย Toyota Camry 2.5G อยู่ที่ 1,599,000 บาท

 

     ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้

 

อัลบั้มภาพ 56 ภาพ

อัลบั้มภาพ 56 ภาพ ของ รีวิว 2016 Toyota Camry 2.5G ใหม่ ตัวท็อปรุ่นเบนซิน เพิ่มอ็อพชั่นคุ้มค่าน่าใช้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook