รีวิว 2016 Toyota Camry 2.5G ใหม่ ตัวท็อปรุ่นเบนซิน เพิ่มอ็อพชั่นคุ้มค่าน่าใช้
ก่อนหน้านี้ โตโยต้าได้ปล่อย ‘คัมรี่’ รุ่นปรับปรุงโฉมไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความสดใหม่หลังปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ไปเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงมีการปรับกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อให้สามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน Camry ในบ้านเราทำตลาดด้วย 2 รุ่นหลัก ได้แก่ เบนซินและไฮบริด ซึ่งยอดขายส่วนมากจะไปกระจุกอยู่ที่รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก และรุ่นไฮบริดสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราควบคู่ไปกับความประหยัด ขณะที่รุ่น Esport ก็ไว้สำหรับเจาะกลุ่มผู้บริหารไฟแรงอายุน้อย ที่อยากได้ความมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ดูสปอร์ตดุดันมากขึ้น
แต่ไลน์อัพของคัมรี่เอง ยังมีอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ Camry 2.5G ซึ่งถือเป็นตัวท็อปสุดของรุ่นเบนซิน แทรกกลางระหว่างตัวเบนซิน 2.0 ลิตร และตัวล่างสุดของรุ่นไฮบริดนั่นเอง
ทางโตโยต้าประเทศไทย จึงให้เกียรติเชิญ Sanook! Auto เข้าร่วมทดสอบ Camry 2.5G ใหม่ บนเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน เพื่อไปดูว่ารถคันนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
รูปลักษณ์ภายนอกของรุ่น 2.5G ในเวอร์ชั่นปรับปรุงโฉม แทบไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม ติดตั้งไฟหน้าแบบ HID Projector พร้อม Daytime Running Light แบบ LED มาพร้อมระบบปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ มีฟังก์ชั่นเปิด-ปิดออโต้มาให้ โดยไฟเลี้ยวจะอยู่ในชุดโคมเดียวกับไฟหน้า แต่หากเป็นรุ่นไฮบริดจะแยกไปติดตั้งไว้บริเวณกันชน
กระจังหน้าและช่องดักลมบริเวณกันชนออกแบบให้มีสีดำ ตกแต่งด้วยเส้นสายโครเมียม ดูสปอร์ตและหรูหราควบคู่กันไป ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ไม่ต่างจากรุ่นย่อยอื่น ตกแต่งด้วยแถบโครเมียมช่วยให้ดูหรูหรามากขึ้น ติดตั้งไฟตัดหมอกหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และยางขนาด 215/55 R17 แบบเดียวกับรุ่นไฮบริด ขณะที่ตัว 2.0G จะเป็นขนาด 16 นิ้วมาแทน
จุดเด่นสำคัญของ Camry 2.5G จะเป็นการเพิ่มอ็อพชั่นภายในห้องโดยสารเสียมากกว่า แผงคอนโซลหน้าติดตั้งเครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัส รองรับแผ่นดีวีดีได้ 1 แผ่น มาพร้อมระบบนำทางในตัว รวมถึงรองรับระบบ T-Connect ของโตโยต้าได้ มีพอร์ต USB/VTR มาให้ สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้ โดยเครื่องเสียงชุดนี้ติดตั้งลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจากเดิม 10 ตัว เป็นทั้งหมด 12 ตัว เช่นเดียวกับรุ่นไฮบริด
คุณภาพเสียงที่ได้จากลำโพงชุดนี้ถือว่าปรับปรุงดีขึ้นมาก จากเดิมที่เครื่องเสียงของโตโยต้าแทบเรียกได้ว่าไม่มีอะไรโดดเด่นกว่าชาวบ้านเขา แต่คราวนี้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของบรรดารถญี่ปุ่นด้วยกันเลยก็ว่าได้
เราเปิดระดับเสียงไว้ที่ 40 ซึ่งเป็นความดังระดับเดียวกับที่วิศวกรของโตโยต้าใช้สำหรับ Benchmark คุณภาพเสียงของรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้เป็นจำพวกหูเทพขนาดนั้น แต่ก็พอบอกได้ว่าเครื่องเสียงชุดนี้ให้เสียงที่ใส กังวาน ลำโพงรอบคันกว่า 12 ตัว ช่วยให้ Soundstage กว้าง เป็นธรรมชาติ ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีทุกชิ้นอย่างชัดเจน แม้จะไม่ถึงกับเครื่องเสียง Bowers & Wilkins ที่เราเคยไปลองใน Volvo XC90 Inscription มาก่อนหน้านี้ แต่สำหรับพวกหูธรรมดาอย่างผู้เขียนแล้ว บอกเลยว่าแค่นี้ก็เหลือแหล่แล้วล่ะ
ห้องโดยสารภายในของคัมรี่ 2.5G ยังคงความหรูหรา โอ่งโถง ตกแต่งด้วยสีเบจเป็นหลัก เบาะนั่งหุ้มหนังแท้แบบ Smooth Leather สลับหนังสังเคราะห์ คู่หน้าสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มีปุ่มดันหลังไฟฟ้ามาให้สำหรับคนขับ โดยคราวนี้เพิ่มฟังก์ชั่นเมมโมรี่เบาะฝั่งคนขับ 2 ตำแหน่งมาให้ ซึ่งทำงานคู่กับกระจกมองข้างด้วย นั่นหมายความว่าระบบจะจำทั้งตำแหน่งเบาะนั่ง และตำแหน่งกระจกมองข้าง เพื่อปรับให้เหมาะสมกับผู้ขับแต่ละคน เพียงแค่กดปุ่มใดปุ่มหนึ่งค้างไว้ ตัวเบาะและกระจกมองข้างก็จะขยับไปอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งไว้แต่แรกให้โดยอัตโนมัติ
เบาะนั่งด้านหลังมีพนักพิงศีรษะให้ทั้งหมด 3 จุด สามารถปรับระดับได้ 2 จุด พนักพิงตรงกลางสามารถดึงออกใช้เป็นที่วางแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำในตัว เหนือแผงประตูคู่หลังมีม่านกรองแสงมาให้ รวมถึงม่านกรองแสงแบบไฟฟ้าบริเวณกระจกหลัง ที่ควบคุมผ่านปุ่มบริเวณคอนโซลหน้า
ซึ่งเบาะนั่งด้านหลังของ คัมรี่ 2.5G ยังคงให้ความสบายในการโดยสารเป็นอย่างดี พื้นที่วางขาถือว่าเหลือๆ นั่งไขว้ห้างก็ยังเหลือ ตัวพนักพิงแม้ว่าจะปรับเอนไม่ได้เหมือนกับรุ่นท็อปไฮบริด แต่ก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่สบายในการโดยสารมากๆแล้ว
แผงคอนโซลหน้าติดตั้งระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 2 โซน ปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาได้ มาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ให้ความเย็นรวดเร็วทันใจตามสไตล์โตโยต้า
ในรุ่น 2.5G ถูกติดตั้งพวงมาลัยหุ้มหนังสลับลายไม้ ปุ่มควบคุมฝั่งซ้ายมือของพวงมาลัยใช้สำหรับระบบเครื่องเสียง ขณะที่ฝั่งขวามือใช้สำหรับจอ MID ที่ติดตั้งบนชุดมาตรวัดความเร็ว ซึ่งถูกยกมาจากเล็กซัสเลยทีเดียว รวมถึงมีปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์มาให้
ด้านล่างของพวงมาลัยจะมีก้านเล็กๆยื่นออกมา ใช้สำหรับควบคุมระบบ Cruise Control โดยก่อนใช้งานจะต้องกดปุ่ม ON-OFF เสียก่อน จึงจะสามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้ โดยในรุ่น 2.5G ยังเพิ่มระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติมาให้ด้วย ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องมาพะวงคอยปรับความแรงอยู่ตลอดเวลา
ในรุ่น 2.5G ยังถูกติดตั้งแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย Wireless Charger มาให้ แต่ต้องใช้งานกับมือถือที่รองรับการชาร์จไร้สายเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะพบอยู่ในตระกูลแอนดรอยด์ แต่หากเป็นไอโฟนแล้วล่ะก็ จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมเพื่อให้สามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้ (ซึ่งไอโฟน 7 รุ่นใหม่ล่าสุดก็ยังไม่มีฟังก์ชั่นชาร์จไร้สายนะจ๊ะ)
เหนือศีรษะถูกติดตั้งไฟอ่านแผนที่แยกซ้าย-ขวามาให้ (ซึ่งเปิดดวงไหนก็สว่างทั้งซ้ายและขวาอยู่ดี) พร้อมช่องเก็บแว่นตา รวมถึงไฟ Ambient Light ช่วยสร้างบรรยากาศยามค่ำคืนและไฟอ่านหนังสือสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาให้เช่นกัน กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติพร้อมปุ่มเปิด-ปิด
ด้านระบบความปลอดภัยเรียกว่าครบครันตามมาตรฐานรถระดับ 1 ล้านบาทอัพ ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านนิรภัยด้านข้าง และถุงลมหัวเข่าฝั่งคนขับ มีระบบเบรก ABS/EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC มาให้ รวมถึงเพิ่มระบบช่วยออกตัวบนทางลาดขัน HAC มาให้ ซึ่งระบบจะเหยียบเบรกค้างไว้ให้เป็นเวลา 2 วินาที เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสลับเท้าจากแป้นเบรกมาเหยียบคันเร่งได้ โดยไม่ทำให้รถไหลนั่นเอง
นอกจากนั้น ในรุ่น 2.5G ยังถูกติดตั้งกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอย พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะทั้ง 4 มุมรอบคัน รวมถึงระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor และระบบเตือนขณะถอยออกจากซอง Rear Cross Traffic Alert เพิ่มขึ้นมาให้ด้วย
Camry 2.5G ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรหัส 2AR-FE 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.5 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 231 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สามารถรองรับเชื้อเพลิงทางเลือกได้สูงสุด E20
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระดูอัลลิงค์สตรัท ติดตั้งระบบเบรกแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อ พร้อมจานเบรกขนาด 16 นิ้ว
เราเริ่มออกเดินทางจาก Toyota Driving Experience Park ใกล้กับเซ็นทรัลบางนา มุ่งหน้าไปขึ้นทางด่วนบางพลี-สุขสวัสดิ์ เพื่อไปลงยังถนนพระราม 2 ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ใครหลายคนน่าจะคุ้นชินกันดี
อัตราเร่งของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 181 แรงม้า ถือว่าจัดจ้านใช้ได้ เมื่อเทียบกับบอดี้ใหญ่ขนาดนี้ ให้แรงดึงดีกว่ารุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรอยู่นิดหน่อย แต่สิ่งที่ประทับใจคือเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดลูกใหม่ ที่เปลี่ยนอัตราทดได้อย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว จนใกล้เคียงกับระบบเกียร์ประเภทคลัทช์คู่ แถมยังให้ความสนุกสนานในการขับขี่ดีกว่าเกียร์แบบ CVT มาก
ช่วงล่างของคัมรี่แน่นอนว่าจะต้องเอาใจผู้บริหารที่มีอายุเสียหน่อย หรือกลุ่มคนที่ใช้งานในแบบครอบครัว ดังนั้นจึงออกมาในแนวนุ่มหนึบ ซับแรงสะเทือนช่วงรอยต่อของถนนได้ดี เหมาะสำหรับถนนในกรุงเทพฯ ที่มักจะเจอกับพื้นผิวขรุขระ หรือไม่ก็ฝาท่อที่ยื่นโผล่มาบนผิวจราจรอย่างน่าเกลียดอะไรทำนองนั้น
ขณะที่ความเงียบภายในห้องโดยสารถือเป็นจุดเด่นเช่นกัน เพราะสามารถซับเสียงจากช่วงล่างได้ค่อนข้างดี แม้วิ่งผ่านทางขรุขระหรือคอสะพาน รวมถึงเสียงลมรอบคันก็ทำได้ดีเช่นกัน แม้จะใช้ความเร็วถึงระดับ 120 กม./ชม. ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เงียบจนน่าพอใจ จนทำให้รู้สึกว่ารถคันนี้ไม่ได้วิ่งเร็วเสียด้วยซ้ำ แม้จะใช้ความเร็วสูงอยู่ก็ตาม
อัตราทดเกียร์ของคัมรี่ 2.5G ที่มีให้ 6 จังหวะ ทำให้การขับขี่ทางไกลใช้รอบเครื่องยนต์ค่อนข้างต่ำ โดยความเร็วที่ 120 กม./ชม. จะใช้รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ประมาณ 2,100 รอบต่อนาที ซึ่งถือว่าดีทีเดียวสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ที่ไม่ได้ใช้เกียร์ 8 สปีด หรือ 9 สปีด พ่วงกับเครื่องยนต์ดีเซลเหมือนรถยุโรปหลายรุ่นในปัจจุบัน
ขณะที่การนั่งโดยสารในคัมรี่ 2.5G ถือว่าสบายในทุกที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็นเบาะหน้าหรือเบาะหลัง ตัวเบาะคู่หน้ามีขนาดใหญ่ ออกแบบให้มีการซัพพอร์ตแผ่นหลังได้ดี ตัวปีกให้ความโอบกระชับพอประมาณ ไม่อึดอัด ขณะที่ห้องโดยสารด้านหลังให้ความโปร่งโล่ง กว้างขวาง นั่งสบาย สามารถโดยสารแถวหลัง 3 ที่นั่งได้อย่างสบายๆ
สรุป Toyota Camry 2.5G ใหม่ ยังคงเป็นรถระดับผู้บริหารของโตโยต้าที่ดีงามรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง การตกแต่งภายในอาจไม่หวือหวานัก แต่ก็เข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆได้ง่าย เพิ่มอ็อพชั่นขึ้นอีกเล็กน้อย น่าใช้งานมากขึ้น แลกกับค่าตัวที่สูงกว่ารุ่น 2.0G Extremo อยู่ 74,000 บาท แต่ได้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ที่แรงขึ้นมาอีกนิด แต่อ็อพชั่นก็ได้ครบๆเหมือนกัน ก็ขึ้นอยู่กับคุณผู้อ่านล่ะครับว่าชอบสไตล์ไหนมากกว่า
ราคาจำหน่าย Toyota Camry 2.5G อยู่ที่ 1,599,000 บาท
ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้
อัลบั้มภาพ 56 ภาพ