ดูชัดๆ! 2017 Toyota Yaris ไมเนอร์เชนจ์เวอร์ชั่นจีนใหม่ล่าสุด

ยลโฉม 2017 Toyota Yaris ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ส่งตรงจากโชว์รูมที่ประเทศจีน ปรับดีไซน์ภายนอก-ภายในใหม่ทั้งหมด
โตโยต้า ยาริส ทำตลาดในจีนภายใต้ชื่อ Yaris L ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นประเทศเดียวที่มีโฉมนี้วางจำหน่าย ดีไซน์ด้านหน้าถูกออกแบบใหม่ โดดเด่นด้วยกันชนหน้าที่ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายหนวดสีดำที่ขยายให้หนาขึ้นกว่าเดิม
2017 โตโยต้า ยาริส ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ไม่เพียงแต่ปรับปรุงดีไซน์ภายนอกให้ดูทันสมัยขึ้นเท่านั้น ยังมีการติดตั้งไฟหน้าแบบ LED และไฟ Daytime Running Light บริเวณกันชนหน้า, ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่, เพิ่มฟังก์ชั่น Start/Stop, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพ VSC และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เป็นต้น
ดีไซน์ด้านหน้าถูกออกแบบใหม่ โดดเด่นด้วยกันชนหน้าที่ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายหนวดสีดำที่ขยายให้หนาขึ้นกว่าเดิม
ไฟตัดหมอกติดตั้งมาเฉพาะในรุ่นท็อปสุด พร้อม Daytime Running Light แบบ LED ทรงตั้ง
ด้วยการออกแบบกันชนหน้า-หลังใหม่ ทำให้ตัวถังของยาริสไมเนอร์เชนจ์ มีความยาวตลอดคันเพิ่มขึ้น 45 มิลลิเมตร ความสูงเพิ่มขึ้นอีก 10 มิลลิเมตร
บริเวณฐานกระจกมองข้างมีการเพิ่มครีบแอโรไดนามิก ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศที่เคลื่อนผ่านข้างตัวถัง ขณะที่รุ่นรอง (1.3 ลิตร) ยังคงติดตั้งไฟเลี้ยวด้านข้างไว้บริเวณบังโคลน
ระบบกุญแจอัจฉริยะทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ท ติดตั้งปุ่มล็อก-ปลดล็อกสีดำไว้บริเวณที่เปิดประตู
ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ พร้อมยาง Dunlop Enasave ขนาด 185/60 R15
ด้านท้ายออกแบบไฟท้ายแบบ LED ใหม่ แถบไฟเลี้ยวและไฟถอยหลังออกแบบให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม
ห้องโดยสารภายในมีการปรับปรุงแผงคอนโซลหน้าใหม่ ตกแต่งด้วยโทนสีดำ-เทา พร้อมสีดำ Piano Black ที่ดูหรูหรามากขึ้น ช่องแอร์ถูกปรับปรุงให้ดูโค้งมน สวิตช์แอร์ยังคงเป็นแบบมือหมุนเช่นเดิม
พวงมาลัยถูกจัดวางปุ่มใหม่ พร้อมที่เปิดประตูตกแต่งด้วยโครเมียม
เรือนไมล์เรืองแสงตกแต่งด้วยสีฟ้า-ขาว จากเดิมที่เวอร์ชั่นจีนจะใช้พื้นหลังสีขาวบริเวณตัวเลข
รุ่นท็อปสุดติดตั้งระบบ Cruise Control มาให้
เครื่องเสียงยังคงจัดวางปุ่มต่างๆแบบเดิม ที่ปรับปรุงให้ดูโค้งมนน่าใช้งานขึ้น ตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black
ติดตั้งที่วางแก้วน้ำแบบเก็บได้บริเวณหน้าช่องแอร์ ช่วยรักษาความเย็นเครื่องดื่มได้
ปุ่มควบคุมระบบ Start/Stop และระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC ติดตั้งบริเวณใกล้กับเบรกมือ
เวอร์ชั่นจีนมาพร้อมหลังคาแบบซันรูฟด้วย
เบาะนั่งในรุ่นท็อปเป็นแบบหนังสลับผ้า ปรับระดับด้วยมือ ใช้โทนสีเบจช่วยให้ดูหรูหรา
ห้องโดยสารด้านหลังติดตั้งที่วางแก้วน้ำตรงกลางให้ 1 ตำแหน่ง พร้อมพนักพิงศีรษะสำหรับผู้โดยสารกลาง
รุ่นท็อปสุดติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ล็อคอัตราทดได้ 8 จังหวะ
ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 99 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมกึ่งอิสระ
ส่วนบ้านเรายังไม่แน่ชัดว่าจะได้ทำตลาดโฉมเดียวกันนี้หรือไม่