'ที่ปัดน้ำฝน' อ็อพชั่นพื้นฐานแต่สำคัญกว่าที่หลายคนคิด!
ที่ปัดน้ำฝน นับเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยระดับพื้นฐานที่รถทุกคันต้องมี จนแทบจะกลายเป็นชิ้นส่วนที่เจ้าของรถหลายคนมองข้ามความสำคัญไป จะมานึกได้อีกทีก็เวลาที่ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมองไม่เห็นทางข้างหน้า ซึ่งป่านนั้นก็อาจสายไปเสียแล้ว เพราะหากทัศนวิสัยของคนขับไม่ดี ก็จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างคาดไม่ถึง
เป็นโอกาสอันดีที่ Sanook! Auto ได้รับเกียรติเชิญเข้าร่วมชมโรงงานผลิตใบปัดน้ำฝนบ๊อช (BOSCH) ไกลถึงเมืองฉางชา มณฑลหูหนาน ประเทศจีน ซึ่งสถานที่แห่งนี้กำลังจะแสดงให้เราเห็นว่า ที่ปัดน้ำฝนแต่ละยี่ห้อที่วางจำหน่ายในท้องตลาดนั้น แม้ว่าจะมีหน้าตาคล้ายกัน แต่สิ่งที่ได้กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่า ก็แค่ใบปัดน้ำฝนอันเดียว จะไปมีอะไรสำคัญมากมาย จะถูกจะแพงมันก็ใช้งานได้เหมือนกัน ซึ่งในวันที่ผู้เขียนได้รับการชักชวนเข้าร่วมชมโรงงานครั้งนี้ ก็มีความคิดเช่นเดียวกับคุณผู้อ่านนั่นแหละครับ จนกระทั่งได้ชมกระบวนการผลิตของใบปัดน้ำฝนบ๊อช จึงบอกได้เลยว่า คิดผิดถนัด!
ปัจจุบัน Bosch ทำตลาดที่ปัดน้ำฝนแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่ แบบดั้งเดิมที่เราเห็นได้ทั่วไปตามท้องตลาด และแบบไร้โครง (Flat-Blade Wiper) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใบปัดใหม่ล่าสุดในขณะนี้ จำหน่ายทั้งในรูปแบบ OEM ส่งให้กับโรงงานประกอบรถยนต์คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 และจำหน่ายในตลาด Aftermarket ที่สามารถซื้อหาได้ทั่วไปอีกร้อยละ 40
โรงงานผลิตใบปัดน้ำฝนของ Bosch ในประเทศจีน มีชื่อว่า Bosch Automotive Products (Changsha) Co. Ltd. หรือเรียกสั้นๆว่า RBCC ซึ่งได้รับมาตรฐานการผลิตเดียวกับโรงงานบ๊อชทุกแห่งทั่วโลก ชูจุดเด่นด้วยคำว่า Made in Bosch ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะถูกผลิตขึ้นที่ไหน ก็ยังคงมีมาตรฐานเดียวกันนั่นเอง
จุดแตกต่างสำคัญของในปัดน้ำฝนแบบไร้โครงใหม่ล่าสุด คือ การที่ตัวโครงสามารถกระจายแรงกดของใบปัดไปยังพื้นผิวกระจกได้เท่ากันทั้งชิ้น ต่างจากที่ปัดน้ำฝนรุ่นเดิมที่ประกอบด้วยก้านยึดจำนวนหลายจุด ส่งผลให้การกระจายแรงกดไม่เท่ากัน ซึ่งการกระจายแรงกดที่ว่านี้ จะช่วยให้ใบปัดสามารถรีดน้ำที่เกาะอยู่บนผิวกระจกได้อย่างหมดจดมากขึ้น
นอกจากนั้น คุณภาพของยางปัดน้ำฝนถือเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด โดยบ๊อชได้นำเข้าวัตถุดิบจากประเทศเบลเยี่ยมที่มีคุณภาพสูง เพราะไม่เพียงแต่ยางปัดจะสามารถรีดน้ำได้อย่างหมดจดเท่านั้น แต่จะต้องมีความทนทานเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับประเทศร้อนในแถบบ้านเรา ซึ่งรถหลายคันจะต้องเผชิญแสงแดดและอากาศที่ร้อนกว่าในยุโรป ซึ่งยางปัดที่คุณภาพอยู่ในระดับล่าง เมื่อใช้ไปนานๆ ตัวยางจะแข็งและเกิดรอยแตก ทำให้เกิดปัญหาปัดน้ำไม่เกลี้ยงอย่างที่เราเห็นอยู่บ่อยๆ
จุดนี้เอง บ๊อชยังได้พาเราไปชมการทดสอบใบปัดน้ำฝนในห้องแล็บที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละจุดจะมีการจำลองการปัดน้ำฝนในสภาวะต่างๆต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน รวมถึงจำลองอุณหภูมิห้องให้ร้อน-เย็นตามสภาพอากาศแต่ละประเทศได้
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ ใบปัดแบบไร้โครงของบ๊อชยังคงสามารถปัดได้เกลี้ยงตามมาตรฐานที่ระบุไว้ แม้จะปัดเพียง 1 รอบก็ตาม ขณะที่แบรนด์คู่แข่งกลับมีคราบน้ำทิ้งไว้บนกระจก ซึ่งใบปัดทั้งสองชิ้นผ่านการใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง ด้วยสภาพการใช้งานแบบเดียวกัน ระยะเวลาใกล้เคียงกัน แสดงให้เห็นว่ายางปัดน้ำฝนที่มีราคาสูง ก็จะมีคุณภาพและอายุการใช้งานสูงขึ้นตามไปด้วย
มาถึงจุดนี้ ผู้เขียนที่มักซื้อใบปัดน้ำฝนมาเปลี่ยนด้วยตัวเอง ก็เกิดคำถามว่า คุ้มไหมที่จะซื้อใบปัดน้ำฝนราคาแพงแลกกับอายุการใช้งานที่นานขึ้น กับการซื้อใบปัดราคาประหยัด ที่มีอายุการใช้งานสั้นกว่า แต่อาศัยว่าเปลี่ยนให้บ่อยหน่อย ก็ปัดได้สะอาดเหมือนกัน
หากลองพิจารณาการใช้งานที่ปัดน้ำฝนของคนทั่วไปดูจะพบว่า เราจะตระหนักว่าถึงเวลาเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนกันจริงๆ ก็ต่อเมื่อฝนตกแล้วปัดมองไม่เห็นทางนั่นแหละ ถึงจะระลึกได้ว่าต้องเปลี่ยนอันใหม่ได้แล้ว แต่เมื่อฝนหยุดตกปุ๊ป ก็ลืมความคิดนั้นไปเสียแล้ว จะคิดได้อีกทีก็เมื่อฝนตกลงมาอีกรอบ เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ จนไม่ได้เปลี่ยนเสียที หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ ย่อมเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ปัดน้ำฝนคู่เดียวแน่นอน แถมยังเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หรือแม้แต่เสียชีวิตได้เลยทีเดียว
ดังนั้น หากเลือกที่ปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพสูง ใช้งานได้นานกว่าปกติ ก็จะช่วยยืดระยะเวลาการเปลี่ยนได้อย่างเห็นผล
ซึ่งสอดคล้องกับโครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยของบ๊อช ในชื่อ “เลือกอะไหล่ผิดเพียงชิ้นเดียว ก็ทำทุกอย่างพังได้” ซึ่งโครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อรณรงค์ให้เกิดการขับขี่ปลอดภัย ด้วยการเลือกใช้อะไหล่ที่มีคุณภาพเชื่อถือได้ โดยจะชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากการไม่คำนึงถึงความสำคัญ ของคุณภาพอะไหล่รถยนต์
นางสาวหวัง หยู่เฟิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ฝ่ายอะไหล่รถยนต์ บริษัท บ๊อช ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ระบุว่า “อช มุ่งให้ผู้ขับขี่ยวดยานตระหนักถึงการเลือกใช้อะไหล่ หากเลือกอะไหล่ใช้งานผิดเพียงแค่ชิ้นเดียว ก็จะทำให้เกิดความเสียหายมากมายตามมา ดังนั้นผู้ขับขี่ทุกคนจึงควรเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนชิ้นส่วนหรืออะไหล่ทดแทน มิใช่คำนึงถึงราคาเพียงอย่างเดียว”
เพราะบางครั้ง ‘อุบัติเหตุ’ อาจเกิดขึ้นเพราะสาเหตุ ‘เล็กน้อย’ ที่คาดไม่ถึงตั้งแต่แรกก็เป็นได้ครับ
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ