ท้าลอง"New MARCH" ยิงยาวๆ-วิ่งข้ามประเทศ
ไม่ง่ายนักที่รถรุ่นหนึ่งจักสามารถครองความเป็นเต้ยยาวนานถึง 3 ปีต่อเนื่องกัน แต่สำหรับ"นิสสันมาร์ช" อีโคคาร์คันแรกของเมืองไทย สามารถทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย เพราะหลังจากเปิดตัวเมื่อเดือนมี.ค.2553 สร้างกระแสและยอดขายเป็นกอบเป็นกำให้นิสสันมาจนถึงปัจจุบันเมื่ออายุอานามผ่านมาพอสมควร นิสสันจึงจับเจ้าตัวเล็กมาปรับโฉมแบบ"บิ๊กไมเนอร์เชนจ์"สร้างสีสัน พร้อมทั้งให้รูปลักษณ์ดูทันสมัยมากขึ้น และเพื่อพิสูจน์ว่า ไม่ใช่แค่ภายนอก ภายในเท่านั้น ที่เปลี่ยนไป แต่สมรรถนะก็มีการปรับปรุงด้วยทีมงานการตลาดและประชาสัมพันธ์ นำทีมโดย ผู้บริหารหนุ่ม"ประพัฒน์ เชยชม" เชิญสื่อมวลชนร่วมพิสูจน์มาร์ชใหม่ เส้นทางจ.ตราด-พนม บอกอร์ ประเทศกัมพูชา ระยะทางรวมไป-กลับประมาณ 350 กิโลเมตร เส้นทางมีครบทุกรสชาติทั้งทางหลวง ในเมือง คดโค้ง ลาดชัน ประมาณว่าให้ได้รู้ว่าแม้จะเป็นอีโคคาร์ ก็นำพาทุกคนไปถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัย ออกเดินทางกันแต่เช้า นิสสันมาร์ช โฉมใหม่ หลากสีราวกับโหลลูกกวาดแตก รออยู่พร้อมให้กระจอกข่าวได้สัมผัสกันเต็มที่
สีใหม่"ชมพู-สวีต พิงก์" แล"เขียวมะกอก-กรีนโอลีฟ" ดูจะเด่นเป็นพิเศษ ทีมงานจับคู่คันละ 2 คัน"ข่าวสด ยานยนต์" ไปกับ"น้องต้า"วุฒิณี ทับทอง นักทดสอบสาวมือหนึ่ง แห่งสำนักประชาชาติฯ จึงอาสาขับก่อนช่วงขาไปทั้งหมด ช่วงแรกวิ่งอยู่บนถนนบ้านเราเป็นทางหลวงต่างจังหวัด รถราค่อนข้างน้อย ขับกันแบบสบายๆ ทำความเร็วตามกันไปแบบชิลชิล มีบางช่วงที่ต้องผ่านชุมชนที่มีเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ขวักไขว่อยู่พอสมควร แต่ด้วยความที่ขนาดกะทัดรัดทำให้คล่องแคล่วมาก เมื่อยามต้องหลบหลีกเสียเวลาที่ด่านอยู่พักใหญ่ ในที่สุดคาราวานนิสสันมาร์ชใหม่ ก็ผ่านข้ามแดนเข้าไปอยู่บนถนนประเทศกัมพูชา
ซึ่งต้องปรับความรู้สึกกันใหม่เพราะที่นี่เค้าเป็นรถพวงมาลัยซ้าย และขับด้านขวา แรกๆ รู้สึกแปลกอยู่บ้างแต่ด้วยความที่วิ่งเป็นคาราวาน ทำให้สร้างความคุ้นชินในเวลาอันสั้น ถนนในเมืองของกัมพูชา ส่วนใหญ่หนักไปทางลาดยางและมีหลุมบ่ออยู่เป็นระยะๆ ทำให้ต้องควบคุมรถหลบหลีกอยู่ตลอด พวงมาลัยของนิสสันมาร์ชใหม่ แม้จะไม่ถึงกับคมกริบ แต่สั่งได้ เรียกว่ากำหนดรอยล้อได้ดังใจ ขนาดที่ว่ามีหลุมขวางซ้ายขวาแบบแทบไม่น่าจะรอด ก็สามารถผ่านได้สบายๆ มีบางทีที่ไม่สามารถหลบได้จริงๆ ก็อาศัยหยอดเบาๆ ทำให้รับรู้ได้ว่า โช้กอัพให้ตัวได้ดี ไม่มีอาการกระดอน กระเด้งจวบจนเริ่มออกนอกเมือง นานๆ มีรถผ่านมาสักคัน ถนนเริ่มดีขึ้น ทำความเร็วได้มากขึ้น วันนั้นกดคันเร่งไว้ได้ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมกับรับรู้ได้ว่าทั้งเครื่องยนต์แม้จะเล็กเพียง 1.2 ลิตร แต่ทำงานสัมพันธ์กับเกียร์"XTRONIC CVT" ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะออกตัว หรือในย่านความเร็วสูงถนนช่วงทางขึ้นอุทยานพนมบอกอร์ นอกจากโค้งจำนวนมาก และหลากหลายรูปแบบ ทั้งหักศอกแล้วยังต้องไต่ความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะจุดหมายปลายทางอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 ฟุต ทดสอบช่วงล่างกันแบบเต็มๆ การเข้าโค้งแม้จังหวะที่เข้าหนักไปบ้าง แต่ด้วยท้ายสั้นจึงไม่มีอาการท้ายบานให้ได้รู้สึก
รูปลักษณ์ภายนอกปรับเปลี่ยนไปพอสมควร เริ่มจากกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ มองผาดๆ คล้ายกับรุ่นพี่"พัลซาร์" กันชนหน้ามาพร้อมไฟตัดหมอก เดินเส้นโครเมียมทั้งที่ไฟหน้าไฟตัดหมอก และกระจังกันชนหน้า ไฟท้ายแนวตั้งแบบแอลอีดี ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 15 นิ้ว ภายในใครที่คิดว่าแคบเพราะดูตัวกะเปี๊ยกเดียว ให้เข้าไปลองนั่งดูก่อนเพราะจากที่ได้สัมผัสมา ถือได้ว่าเป็น อีโคคาร์ ที่นั่งสบาย ทั้งด้านหน้า-ด้านหลังรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว เบาะนั่งแบบผ้าลายใหม่สีเบจให้ความอบอุ่นสะอาดตา เครื่องเสียงแบบใหม่เหมือนรถซีดานทั่วไปดูดีขึ้นอีกโข สิ่งที่เพิ่มมาให้ สำหรับนิสสันมาร์ชใหม่ ได้แก่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ช่องเสียบยูเอสบีสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพา สมาร์ตโฟน และที่เป็นตระกูล i ทั้งหลาย และไฟในห้องเก็บสัมภาระลองไปสัมผัสตัวเป็นๆ แล้วจะรู้ซึ้งว่าทำไม"มาร์ช" ถึงเป็นรถที่สร้างชื่อและยอดขายให้นิสสัน ได้อย่างถล่มทลายเช่นนี้
ข้อมูลทางเทคนิค
- แบบตัวถัง เก๋งเล็ก 5 ประตู
- เครื่องยนต์ DOHC 3 สูบ 12 วาล์ว
- ความจุ 1,198 ซีซี
- กำลังสูงสุด 79 แรงม้า/6,000 รอบฯ
- แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร/4,400 รอบฯ
- ระบบรองรับ(หน้า) อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต
- ระบบรองรับ(หลัง) ทอร์ชั่นบีม
- มิติ(กว้างxยาวxสูง) 1,665x3,780x1,515 ม.ม.
- ราคา 478,000-555,000 บาท