เปิดตัวยนตรกรรมหรูในตระกูล E-Class
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวยนตรกรรมหรูในตระกูล E-Class รุ่นใหม่ล่าสุดทั้งสปอร์ตคูเป้และเปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ที่เร้าใจ ให้ความสปอร์ตและเต็มไปด้วยสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์เบนซินใหม่สี่สูบแบบ BlueDIRECT พร้อมระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยครบครัน เคาะราคา 3.79 ล้านบาท สำหรับ E 200 Coupé Sport และE 200 Coupé AMG Dynamic ส่วน E 200 Cabriolet AMG Dynamic ราคา 3.99 ล้านบาท
สำหรับ The new E-Class Coupé และ Cabriolet โฉมใหม่ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนเด่นชัดที่สุด คือ แผงกระจังหน้าและโคมไฟแบบใหม่ซึ่งเป็นการรวมเอาฟังก์ชั่นการทำงานของไฟ LED ต่างๆรวมไว้ในกรอบเดียวกัน และยังมีการนำเทคโนโลยีไฟ LED แบบ fibre-optic มาใช้ด้วย ทำให้ไฟคู่หน้ามีลักษณะแบบ “สี่ตา (four-eyed)” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ E-Class กระจังหน้าเป็นแบบสปอร์ตมีลาย 1 แถบพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ดวงใหญ่ตรงกลาง กันชนด้านหน้าได้รับการดีไซน์ใหม่เน้นรายละเอียดมากขึ้นพร้อมช่องอากาศขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโครเมียมทำให้รถยนต์รุ่นนี้ดูปราดเปรียว โดยรวมแล้วการปรับเปลี่ยนด้านหน้าในรถทั้งสองรุ่นนี้ เน้นความเป็นสปอร์ตมากขึ้น
The new E-Class Coupé ยังคงความสง่างามได้สัดส่วนด้วยฝากระโปรงหน้าที่เทลาดยาวและลายเส้นด้านข้างตั้งแต่หน้าจรดท้าย รับกับความโค้งมนของเส้นใต้หลังคาของรถสไตล์คูเป้เน้นความหรูหราและปราดเปรียว ที่โดดเด่นคือไม่มีเสาหลังคากลาง B-Pillar ทำให้บรรยากาศภายในรถดูโปร่งสบายและกว้างมากขึ้น พร้อมด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ส่วน The new E-Class Cabriolet โดดเด่นด้วยลายเส้นนูนด้านข้างตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้ายรถทำให้เกิดมิติด้านข้างสวยงามและได้สัดส่วน หลังคาเปิดประทุนแบบผ้า (soft-top) สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าและสามารถสั่งการทำงานด้วยกุญแจรีโมทคอนโทรล โดยเปิด-ปิดภายในเวลา 20 วินาที แม้ขณะรถวิ่งมาด้วยความเร็วที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โคมไฟคู่หน้าได้รับการออกแบบใหม่หมดและคล้ายคลึงกันกับโคมไฟหลัง โดยรวมชุดไฟ LED ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว อาทิ ไฟต่ำ ไฟสูง ไฟเลี้ยว และไฟ daytime ทำให้เกิดลายเส้นกราฟฟิกสวยงามสะดุดตามากขึ้นซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกันที่โคมไฟแบบ LED ได้รับการออกแบบให้อยู่รวมในกรอบเดียวกัน และยังคงเป็นการสื่อถึง “ไฟคู่หน้า” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ดั้งเดิมของ E-Class ไว้เหมือนเดิม นอกจากนั้นยังมีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS-Active Light System) และระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering Light) ด้วย
ด้านการตกแต่งภายในห้องโดยสาร มีการปรับให้มีความผสานกลมกลืนสวยงามเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรับเปลี่ยนไป มีบรรยากาศความเป็นสปอร์ตในทุกรายละเอียด และเลือกใช้วัสดุชั้นดีมีคุณภาพสูงทำให้ดูหรูหรามีระดับ นาฬิกาแบบอนาล็อกอยู่ตรงกลางแผงคอนโซลระหว่างช่องแอร์ให้ความสวยงามแบบคลาสสิก เบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง และสำหรับรุ่น E 200 Coupé AMG Dynamic และ E 200 Cabriolet AMG Dynamic จะเป็นเบาะหุ้มหนัง ARTICO สีดำ ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบ multi-contour seats ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ สำหรับตำแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง พร้อมด้วยระบบเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออกรถ สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง (EASY-ENTRY) ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบ THERMATIC แบบ 2-zone
สำหรับรุ่น E-Class Cabriolet จะมีแผงบังคับทิศทางลม (AIRCAP®) และแผงกั้นลม (draught-stop) ที่ช่วยลดกระแสลมที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารรวมถึงเสียงรบกวนจากภายนอก โดยระบบ AIRCAP® จะทำงานอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วตั้งแต่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป และระบบจะหยุดการทำงานเองได้โดยอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วต่ำกว่า 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนั้นยังติดตั้งพวงมาลัย 3 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ DIRECT SELECT ที่พวงมาลัย ซึ่งเป็นพวงมาลัยนิรภัยพร้อมพาวเวอร์ที่สามารถปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วรถ ซึ่งจะช่วยทำให้การควบคุมทิศทางรถเป็นไปอย่างเที่ยงตรงแม่นยำ ทั้งในรุ่น The new E-Class Coupé และ Cabriolet
ทางด้านความปลอดภัยมาพร้อมกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยใหม่ที่ผสานความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันซึ่งเรียกว่าระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system) โปรแกรมการควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ที่นั่งผ่อนแรงและรั้งกลับอัตโนมัติ พร้อมระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า (automatic belt feeder) หมอนรองศีรษะคู่หน้าแบบ NECK-PRO head restraints ที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บกรณีที่ถูกชนจากด้านหลัง ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเซ็นเซอร์วัดแรงปะทะและการคาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ม่านถุงลมนิรภัยป้องกันศีรษะ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้ง 4 ตำแหน่ง โครงสร้างตัวถังนิรภัยและคานนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง และโครงคุ้มกันนิรภัย (roll-over bars) เฉพาะรุ่นเปิดประทุน
นอกจากนั้นยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light) ระบบรักษาระดับความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTROMIC) และระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist
ขณะที่ระบบขับเคลื่อนมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินใหม่แบบ BlueDIRECT แถวเรียง 4 สูบ ที่ทรงพลังเต็มไปด้วยสมรรถนะและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยมีหัวฉีดชนิด piezo ซึ่งฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง และเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกันที่ใช้กับเครื่องยนต์ V6 และ V8 รุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยได้นำมาใช้กับเครื่องยนต์ 4 สูบเป็นครั้งแรก นอกจากนี้เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่นี้รวมถึงจังหวะการฉีดเชื้อเพลิงและจุดระเบิดแบบหลายครั้งติดต่อกันตรงสู่ห้องเผาไหม้ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ระบบช่วยประจุอากาศด้วยเทอร์โบชาร์ทเจอร์ ส่งผลให้เครื่องยนต์ใหม่มีสมรรถนะเพิ่มขึ้นโดยจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 18 กม./ลิตร สำหรับ E-Class Coupé และ 16 กม./ลิตร สำหรับ E-Class Cabriolet นอกจากนั้นเครื่องยนต์ทุกรุ่นมาพร้อมกับฟังก์ชัน ECO Start/Stop เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) อันทรงประสิทธิภาพ
โครงสร้างตัวถังและระบบกันสะเทือนแบบ AGILITY CONTROL Sports ที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างสปอร์ตปราดเปรียว พร้อมโช้คอัพที่ปรับสภาพเองได้อย่างอิสระ ระบบนี้จะช่วยให้โช้คอัพสามารถปรับสภาพให้เหมาะสมกับสภาพถนนได้โดยอัตโนมัติตามสถานการณ์การขับขี่และสภาพของถนนที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา)
ระบบมัลติมีเดียมาพร้อมกับเทคโนโลยีอันล้ำหน้าและคุณภาพสูงเพื่อความรื่นรมณ์ตลอดการเดินทางหลากหลายรูปแบบการบันเทิง ได้แก่ ระบบCOMAND Online ควบคุมการทำงานของวิทยุและดีวีดี สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พร้อม controller และระบบนำทาง (navigation system) รวมทั้งยังมีระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) ระบบเชื่อมต่อสื่อบันเทิง (media interface) เพื่อให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจขณะขับขี่ รวมทั้งระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ ผ่านบลูทูธ เพื่อให้ความสะดวกสบายในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีชุดแต่งสปอร์ตแบบ AMG ซึ่งประกอบไปด้วย กันชนหน้า-หลังดีไซน์สปอร์ต พร้อมตกแต่งด้วยโครเมียม, สเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ต, ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต และพรมรองพื้นสีดำ พร้อมสัญลักษณ์ AMG รวมถึงยังมีเฉดสีภายนอกให้เลือกตามความต้องการถึง 12 สี ได้แก่ black (non-metallic), polar white (non-metallic), fire opal (non-metallic), obsidian black, aragonite silver, dolomite brown, tenorite grey, iridium silver, palladium silver, cavansite blue, diamond silver และ diamond white BRIGHT ซึ่งเป็นสีสั่งทำพิเศษ
สำหรับการจำหน่าย E 200 Coupé Sport และ E 200 Coupé AMG Dynamic ราคา 3,790,000 บาท ส่วน E 200 Cabriolet AMG Dynamic ราคา 3,990,000 บาท ซึ่งลูกค้าสามารถรับรถได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป เฉพาะที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการเท่านั้น