"ซูบารุ"ฟุ้งปีหน้าแซงเชฟโรเลต ขยับขึ้นเบอร์สองตลาด"เอสยูวี"

"ซูบารุ"ฟุ้งปีหน้าแซงเชฟโรเลต ขยับขึ้นเบอร์สองตลาด"เอสยูวี"

"ซูบารุ"ฟุ้งปีหน้าแซงเชฟโรเลต ขยับขึ้นเบอร์สองตลาด"เอสยูวี"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ซูบารุ" ดันเอ็กซ์วีใหม่ดูดยอดขายเพิ่ม เผยปีหน้ายอดขายรวมทะลุ 4,000 คัน เร่งขยายโชว์รูมครบ 20 แห่ง ตั้งเป้าขยับยอดขายขึ้นเบอร์ 2 ตลาดเอสยูวีเบียดเชฟโรเลต

     นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูบารุ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า หลังจากที่บริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นเปิดสายการผลิตในประเทศมาเลเซีย ทำให้สามารถได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ข้อตกลงอาเซียนเอฟทีเอ ทำให้รถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานดังกล่าวนำมาขายในประเทศไทยได้ถูกลง โดยเฉพาะซูบารุ "เอ็กซ์วี" นั้นมีราคาจำหน่ายเพียง 1.35 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ในปีนี้บริษัทคาดว่าน่าจะมียอดขายรวมถึง 3,500 คัน โดยมาจากรุ่นเอ็กซ์วี 3,000 คัน และรุ่นอื่น ๆ ที่นำเข้าจากญี่ปุ่นรวมกัน 500 คัน ในปีหน้าคาดว่ายอดขายจะเพิ่มอีกราว 20% หรือประมาณ 4,000 คัน ถือว่าเป็นการเติบโตแบบเกินความคาดหมาย หลังจากในปี 2554 ที่มียอดขายแค่ 100 คัน

     นอกจากนี้ บริษัทแม่ยังขยายด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์เอสยูวีรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประเทศไทยก็เช่นกัน โดยในปีที่ผ่านมายอดขายรถยนต์ประเภทเพียว เอสยูวี ที่พัฒนามาจากพื้นฐานรถยนต์นั่งนั้นอยู่ที่ราว 20,000 คันต่อปี ขณะที่ในปีนี้คาดว่ายอดขายรวมจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวที่ 40,000 คันต่อปี

     บริษัทคาดว่าหากสามารถมียอดขายตามเป้า จนถึงสิ้นปีน่าจะมีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เพียว เอสยูวีเป็นอันดับ 3 ของตลาดรวม สองอันดับแรกคือฮอนด้าและเชฟโรเลต และในอนาคตจะพยายามขยับเข้าสู่ตำแหน่งอันดับ 2 โดยบริษัทกำลังเตรียมเจรจากับบริษัทแม่เพื่อนำเข้ารถยนต์รุ่นอื่น ๆ จากประเทศมาเลเซียเพิ่มเติม ซึ่งด้วยราคาน่าจะเพิ่มโอกาสในการแข่งขันได้ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวรถใหม่ได้หลังจากสิ้นปีนี้เป็นต้นปี ส่วนโมเดลอื่น ๆ ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็ถือเป็นทางสำหรับลูกค้าที่ต้องการรถซูบารุจากบริษัทแม่โดยตรง

     และล่าสุดได้เปิดตัว ซูบารุ "ออล นิว ฟอเรสเตอร์" เจเนอเรชั่นที่ 4 ในงานฟาสต์ ออโต้ โชว์ 2013 เปิดตัว 2 รุ่น คือ "ออล นิว ฟอเรสเตอร์ 2.0 เอ็กซ์ที" และ "ออล นิว ฟอเรสเตอร์ 2.0 ไอแอล" ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์ที่ได้รับรางวัลมาตรฐานใหม่ ด้านความปลอดภัยระดับสูงสุด Top Safety Pick+ Award

"เราถือว่าฟีดแบ็กจากลูกค้าในปัจจุบันนั้นเกินความคาดหมาย จากระดับราคารถยนต์ที่แข่งขันได้ ลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์ซูบารุอยู่แล้วเมื่อเห็นราคาก็ตัดสินใจได้ทันที ซึ่งกลุ่มลูกค้าของเราคือกลุ่มครอบครัว เป็นตลาดที่กว้างขึ้นจากเดิมที่เน้นตลาดรถสปอร์ต" นายอภิชัยกล่าว

     และเพื่อเป็นการรองรับยอดขายที่เพิ่มขึ้น บริษัทจึงได้เตรียมเพิ่มจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการ จากเดิมที่มีอยู่ 14 แห่ง และจะเพิ่มให้เป็น 20 แห่งภายในปีนี้ ซึ่งถือว่าเพียงพอกับความต้องการของจำนวนลูกค้าปัจจุบัน แต่หากความต้องการรถยนต์ซูบารุยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก็จะขยายจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการต่อไป

สำหรับด้านการตลาดนั้น ในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ บริษัทเตรียมงบประมากกว่า 200 ล้านบาท เพื่อขยายการรับรู้ไปสู่กลุ่มลูกค้าที่กว้างมากขึ้น ด้วยสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นนำเสนอภาพลักษณ์ของซูบารุที่เป็นรถครอบครัว มีระบบความปลอดภัยหลากหลาย และประหยัดน้ำมัน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook