รีวิว Suzuki Swift RX-II 2017 ใหม่ จัดเต็มครั้งสุดท้ายก่อนเปลี่ยนโฉม
Suzuki Swift ถือเป็นอีกหนึ่งรถอีโคคาร์ยอดฮิตในตลาดบ้านเรา ด้วยความโดดเด่นทั้งด้านรูปลักษณ์ การตกแต่งภายในห้องโดยสาร รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ จนทำให้สวิฟท์กลายเป็นอีโคคาร์ที่น่าใช้งานมากที่สุดคันหนึ่งในตลาดเรื่อยมา
ปัจจุบัน Suzuki Swift เจเนอเรชั่นที่ 2 ทำตลาดมากว่า 6 ปีแล้ว และถือเป็นหนึ่งในรถยนต์เพียงไม่กี่รุ่นที่ลากอายุตลาดมาได้ยาวนานขนาดนี้ แต่ยังคงทำยอดขายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งปัจจุบันซูซูกิประเทศไทย มียอดจำหน่ายรถยนต์กลุ่มอีโคคาร์ทั้ง 3 รุ่น (Swift, Ciaz และ Celerio) รวมกันทะลุกว่า 100,000 คันเป็นที่เรียบร้อย
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ซูซูกิใช้ทำตลาด Swift มาโดยตลอดนั้น ก็คือ การเพิ่มรุ่นย่อยพิเศษเพิ่มเติมจากรุ่นปกติปีละ 1 รุ่น เช่น Swift Energy Green, Swift RX, Swift Sai ฯลฯ ซึ่งจะถูกวางให้เป็นรุ่นท็อปสุดเพิ่มเติมจากรุ่นปกติ
โดยในปี 2560 นี้ ซูซูกิเลือกที่จะปล่อย Swift RX-II ใหม่ลงสู่ตลาด ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การนำคุณสมบัติเด่นของ Swift RX และ Swift Sai รุ่นที่ผ่านมาเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ Swift RX-II เป็นสวิฟท์ที่ดีที่สุดเท่าที่ซูซูกิเคยทำมา สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ Swift RX-II จะกลายเป็นรุ่นสุดท้ายของโมเดลนี้ก่อนจะมีการปรับโฉมแบบฟูลโมเดลเชนจ์นั่นเอง
ดีไซน์ภายนอกของ Swift RX-II ใหม่ ยังคงใช้ตัวถังเดิมที่สวยงามลงตัว เพิ่มเติมด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ HID โคมดำที่ยกมาจาก Swift RX รุ่นแรก มาพร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติตามน้ำหนักบรรทุก โดยไฟต่ำและสูงจะถูกส่องสว่างด้วยโปรเจคเตอร์ชุดเดียวกัน ติดตั้งกระจังหน้าที่มีลักษณะเป็นตะแกรงไขว้ช่วยเพิ่มความสปอร์ต
กันชนหน้ามาพร้อมไฟตัดหมอกแบบฮาโลเจน พร้อมตกแต่งด้วยไฟ LED Illumination Lamps ซึ่งใช้เป็นไฟหรี่ในยามค่ำคืน เข้ากันกับไฟหน้าแบบ HID ที่ให้แสงสีขาวเหมือนกัน
ด้านหลังถูกติดตั้งไฟท้ายยกชุดมาจาก Swift RX ซึ่งมีดีไซน์เดียวกับ Swift Sport ในยุโรป พร้อมสปอยเลอร์เหนือประตูท้ายที่มีไฟเบรกแบบ LED ในตัว และมีเสาอากาศวิทยุแบบ Shark Fin มาให้
ตัวถังวางอยู่บนล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่สีเทาเข้ม Gun Metallic ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง Bridgestone ER300 ขนาด 185/55 R16 ซึ่งรถรุ่นนี้จะไม่มียางอะไหล่ให้ แต่จะให้เป็นชุดซ่อมยางฉุกเฉินมาแทน
ห้องโดยสารภายในถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำ มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุผ้า เบาะนั่งฝั่งผู้ขับสามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ ส่วนเบาะนั่งด้านหลังมาพร้อมพนักพิงศีรษะปรับสูง-ต่ำได้ สามารถปรับพับพนักพิงแยกแบบ 60:40 ได้เพื่อความสะดวกในการขนสิ่งของขนาดใหญ่
แผงคอนโซลยังคงยกชุดมาจากรุ่นที่ผ่านมาซึ่งเน้นเรื่องความเรียบหรูเป็นหลัก ติดตั้งเครื่องเสียงขนาด 2DIN รองรับแผ่น CD ได้ 1 แผ่น ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง 4 จุดรอบคัน พร้อมสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
เลื่อนลงมาใต้สวิตช์แอร์ จะเป็นช่องขนาดใหญ่สามารถวางแก้วน้ำได้ 1 ใบ พร้อมช่องจ่ายไฟขนาด 12 โวลต์ และช่องเสียบ USB จำนวน 1 ตำแหน่ง ใกล้กันเป็นคันเกียร์ที่ถูกหุ้มฐานรองด้วยวัสดุหนัง ตกแต่งด้วยด้ายสีเงินสำหรับรุ่น RX-II โดยเฉพาะ
Swift RX-II ติดตั้งพวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้านรูปทรงคุ้นเคยกันดี สามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทางเช่นเดียวกับรถรุ่นใหญ่ มาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย และปุ่มควบคุมระบบ Cruise Control รวมถึงติดตั้งแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift ไว้หลังพวงมาลัย ซึ่งสามารถล็อคอัตราทดในรูปแบบเกียร์ธรรมดาได้ 7 จังหวะ
มาตรวัดการขับขี่เป็นแบบ 4 วง มีเข็มบอกอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นมาให้ พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ที่สามารถบอกอัตราสิ้นเปลือง, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย, ระยะทางที่สามารถวิ่งต่อได้จากน้ำมันในถัง, อุณหภูมิภายนอกรถ และตำแหน่งเกียร์ได้
Swift RX-II ถูกติดตั้งระบบกุญแจแบบ Keyless Entry พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์มาให้ โดยผู้ที่ถือกุญแจไว้กับตัวจะสามารถล็อค-ปลดล็อครถด้วยการกดปุ่มสีดำเล็กๆ บริเวณมือเปิดประตูด้านนอก โดยไม่จำเป็นต้องนำกุญแจออกจากกระเป๋า
ด้านระบบความปลอดภัยของ Swift RX-II ถือว่าอยู่ในมาตรฐานรถยนต์ระดับอีโคคาร์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD และระบบช่วยเบรก BA, เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด จำนวน 4 ที่นั่ง และแบบ 2 จุดอีก 1 ที่นั่ง โดยที่เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าจะมีปุ่มปรับระดับสูง-ต่ำมาให้ด้วย
ด้านขุมพลังยังคงติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส K12B ขนาด 1.25 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที รองรับเชื้อเพลิงทางเลือกสูงสุด E20 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่สามารถล็อคอัตราทดได้ 7 จังหวะ ด้วยแป้น Paddle Shift ที่พวงมาลัย
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ขณะที่ด้านหลังเลือกใช้เป็นทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง ติดตั้งระบบเบรกแบบหน้าดิสก์ หลังดรัมมาให้
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ เป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตรนิดๆ ซึ่งก็เยอะพอที่ให้เราได้คลุกคลีกับรถคันนี้อย่างเต็มที่
เข้ามานั่งในห้องโดยสารของ Swift RX-II คันนี้ ยังคงให้บรรยากาศเหมือนสมัยที่เราเคยทดสอบ Swift RX รุ่นที่แล้ว ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรถระดับอีโคคาร์ แต่ก็มีการตกแต่งภายในอย่างเรียบหรูเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน
ฟีลลิ่งการขับขี่ของ Swift RX-II โดยรวมนั้น แทบไม่ต่างอะไรกับ Swift RX ที่เราเคยทดสอบมาเลย โดยอัตราเร่งถือว่าอยู่ในระดับรถพิกัด 1,200 ซีซีแบบไม่ทิ้งคู่แข่งมากนัก เกียร์อัตโนมัติแบบซีวีทีให้แรงดึงในแบบนุ่มนวล ไม่กระโชกโฮกฮาก
ในช่วงความเร็วต่ำยังมีอาการกระตุกให้เห็นบ้าง ต้องให้เวลาสมองกลเกียร์เล็กน้อยในการปรับอัตราทดให้เหมาะสมกับน้ำหนักเท้าในขณะนั้น แต่เมื่อตัวรถเริ่มได้ความเร็วแล้ว ปัญหานี้จะหายไปอย่างปลิดทิ้ง
หากมีเหตุให้ต้องเร่งแซงอย่างฉับพลันนั้น ผู้ขับขี่สามารถกดแป้น Paddle shift ฝั่งลบ ‘-‘ บนพวงมาลัยได้ทันทีขณะอยู่ตำแหน่งเกียร์ D รอบเครื่องยนต์ตวัดขึ้นพร้อมตัวเลขตำแหน่งเกียร์จะแสดงขึ้นมา ช่วยเรียกกำลังเครื่องยนต์ได้มากขึ้น เร่งแซงได้อย่างทันใจ จากนั้น หากมีการผ่อนคันเร่งลงเล็กน้อย เพียงชั่วครู่ระบบเกียร์จะกลับไปเป็นแบบอัตโนมัติตามเดิม
แต่หากต้องการใช้โหมดแมนนวลอย่างเต็มรูปแบบ สามารถผลักคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง M แล้วจึงใช้แป้น Paddle Shift ในการควบคุมตำแหน่งเกียร์ โดยในโหมดนี้ระบบเกียร์จะไม่ปรับกลับมาเป็นแบบอัตโนมัติให้ เว้นเสียแต่มีการลากรอบเครื่องยนต์ขึ้นสูงมาก เกียร์จะเปลี่ยนอัตราทดขึ้นให้ 1 จังหวะ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ทำงานหนักจนเกินไป
ช่วงล่างของ Swift RX-II ยังคงไว้ใจได้แม้ขับขี่ที่ความเร็วสูง โดยในช่วงความเร็วประมาณ 100-110 กม./ชม. ยังคงให้ความนิ่ง ไม่ร่อนให้หวาดเสียว แต่เมื่อใช้ความเร็วมากกว่า 120 กม./ชม.ขึ้นไป จะต้องเพิ่มสมาธิในการควบคุมพวงมาลัยบ้างแล้ว แต่หากมองถึงวัตถุประสงค์ของรถระดับอีโคคาร์สำหรับใช้งานในเมืองแล้วล่ะก็ คงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ความเร็วสูงขนาดนั้น ถ้าต้องขับนอกเมืองด้วยความเร็วสูงอยู่บ่อยๆ ขอแนะนำให้ไปเล่นรถที่มีขนาดใหญ่แทนจะดีกว่า
ด้านการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร มีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาได้บ้างที่ความเร็วสูง ขณะที่เสียงจากพื้นถนนก็มีให้ได้ยินบ้างเช่นกัน แต่ยังอยู่ในระดับที่รับได้ สามารถพูดคุยสนทนากับคนในรถได้อย่างสบายๆ
แม้ว่าจุดเด่นของ Swift RX-II จะไม่ต่างอะไรมากมายนักกับรุ่นที่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือความโดดเด่นขณะขับขี่บนท้องถนน ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Swift ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเรื่องความสวยงามลงตัว บวกกับล้ออัลลอยสีเทาเข้มขนาด 16 นิ้ว แค่นี้ก็ช่วยให้ตัวรถดูดุดัน สะดุดตายามโลดแล่นบนท้องถนน หากใช้งานแบบเดิมๆก็สวยอยู่แล้ว แต่ใครที่มีใจวัยรุ่นอยากนำไปแต่งต่อ ก็น่าจะสวยขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น
สรุป Suzuki Swift RX-II 2017 ใหม่ ถือเป็นสวิฟท์ที่เพียบพร้อมที่สุดตลอดอายุตลาดกว่า 6 ปีที่ผ่านมา ทั้งด้านความสปอร์ตและอ็อพชั่นภายใน และอาจจะกลายเป็นรุ่นสุดท้ายก่อนเปลี่ยนโฉมแบบโมเดลเชนจ์ในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้น หากใครที่ยังรักในบอดี้นี้ คุณจะได้ความสปอร์ตเพิ่มเติมเข้าไป ประกอบกับอ็อพชั่นที่มีให้อย่างครบครัน จึงถือเป็นทางเลือกรถอีโคคาร์ที่คุ้มค่าที่สุดคันหนึ่งในตลาดขณะนี้
ราคาจำหน่าย Suzuki Swift RX-II 2017 อยู่ที่ 599,000 บาท
ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้
อัลบั้มภาพ 56 ภาพ