Exclusive Preview: MINI Countryman 2017 ใหม่ ความอเนกประสงค์ที่ยังคงความ ‘มินิ’

Exclusive Preview: MINI Countryman 2017 ใหม่ ความอเนกประสงค์ที่ยังคงความ ‘มินิ’

Exclusive Preview: MINI Countryman 2017 ใหม่ ความอเนกประสงค์ที่ยังคงความ ‘มินิ’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     หลังจากที่ MINI Countryman 2017 ใหม่ ถูกเผยโฉมครั้งแรกในไทยไปก่อนหน้านี้ ทาง มินิ ประเทศไทย ก็พาทีมงาน Sanook! Auto ไปสัมผัสรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่แกะกล่องกันถึง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ก่อนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งพร้อมราคาจำหน่ายที่งานมอเตอร์โชว์ 2017 ในวันที่ 29 มีนาคม ที่จะถึงนี้

200

     คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า “ มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่ เป็นรถยนต์ที่ถูกพัฒนาจากรถยนต์ขนาดเล็ก ไปสู่รถยนต์อเนกประสงค์ พรีเมี่ยม คอมแพ็คในรูปแบบ “Sport Activity Vehicle” ที่ยังคงให้ความรู้สึกแบบ “go-kart feeling”  อีกทั้งดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกและภายใน รวมถึงเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้นทุกการใช้งานของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะกลุ่มที่รักในการเดินทาง ชื่นชอบการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับการขับขี่ในเมือง เราจึงมั่นใจว่ามินิ คันทรีแมน โฉมใหม่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับคนรักมินิเจเนอเรชั่นใหม่และประสบความสำเร็จในประเทศไทยอย่างแน่นอน”

209

     สำหรับ MINI Countryman ใหม่นี้ นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 แล้ว หลังจากที่โฉมแรกประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่าย บวกกับความอเนกประสงค์ของห้องโดยสาร และช่วงล่างที่ให้ความนุ่มนวลนั่งสบายกว่ารุ่นอื่นๆ ของมินิ

     MINI Countryman 2017 ใหม่ จะมีวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ MINI Cooper Countryman, MINI Cooper S Countryman และ MINI Cooper S Countryman Hightrim ซึ่งมีรายละเอียดต่างกันไปทั้งเครื่องยนต์และอ็อพชั่นภายนอก-ภายใน

206

     สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ เราได้มีโอกาสสัมผัส MINI Countryman ทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน นั่นคือ Cooper S Countryman Hightrim และ Cooper Countryman ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดและรุ่นล่างสุดนั่นเอง

     เดิมที MINI Countryman ก็นับว่าเป็นรุ่นที่มีตัวถังขนาดใหญ่ที่สุดของมินิอยู่แล้ว แต่ในเจเนอเรชั่นใหม่นี้ มีการเพิ่มสัดส่วนทั้งความกว้าง ความยาว และระยะฐานล้อให้เพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อความกว้างขวางของห้องโดยสาร และฟีลลิ่งในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น

     ตัวถังของ คันทรีแมน 2017 ใหม่ มีขนาดความยาวเพิ่มขึ้น 20 เซนติเมตร ความกว้างเพิ่มขึ้น 3 เซนติเมตร และความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้นอีก 7.5 เซนติเมตร โดยมีการขยับล้อทั้ง 4 ออกไปให้ชิดแต่ละมุมมากขึ้น เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดีตามสไตล์มินิ

216

     ดีไซน์ภายนอกของ MINI Countryman ใหม่ ติดตั้งไฟหน้าที่ดูมีเหลี่ยมคมมากขึ้น ให้อารมณ์ดุดันมากขึ้นมากกว่ารุ่นที่แล้ว โดยในรุ่น Hightrim จะเป็นไฟแบบ LED พร้อม Daytime Running Light ดีไซน์วงแหวน ขณะที่รุ่นรองลงมาเป็นแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบฮาโลเจนติดตั้งแยกไว้บริเวณกันชน

     กระจังหน้าและกันชนหน้ามีการออกแบบช่องดักลมใหม่ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยในรุ่น Cooper S Hightrim จะถูกติดตั้งกระจังหน้าดีไซน์ตะแกรงตกแต่งด้วยเส้นโครเมียม 2 ชั้น พร้อมสัญลักษณ์ S สีแดงเป็นเอกลักษณ์ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สามารถเลือกได้ว่าต้องการสีเงินหรือสีดำ ขณะที่ฝากระโปรงตกแต่งด้วยแถบคู่ที่ให้ลูกค้าได้เลือกระหว่างสีเงินหรือสีขาวตามแต่สีตัวถังรถ

214

     ในรุ่น Cooper S Hightrim มาพร้อมราวหลังคาและราวประตูด้านล่างตกแต่งด้วยสีเงิน พร้อมซุ้มล้อตกแต่งด้วยสีดำ ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายทรงตั้งแบบ LED ปลายท่อไอเสียแบบคู่ พร้อมแถบตกแต่งเหนือช่องป้ายทะเบียนสีดำเงา

217

     นอกจากนั้น ในรุ่น Hightrim ยังถูกติดตั้งกุญแจรีโมทแบบ Comfort Access พร้อมฟังก์ชั่นเปิดประตูท้ายด้วยเท้า เพียงแค่มีกุญแจอยู่กับตัวเท่านั้น ก็สามารถแหย่เท้าไปยังบริเวณใต้กันชน จากนั้นประตูท้ายแบบไฟฟ้าก็จะค่อยๆยกตัวขึ้น แถมยังมีฟีเจอร์เด็ดเอาใจคนชอบปิกนิก หรือชอบนั่งชิลล์ๆอยู่ท้ายรถ ด้วยเบาะนั่ง Picnic Bench ที่ซ่อนไว้บริเวณห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย สามารถดึงออกเพื่อใช้เป็นเบาะนั่งสำหรับสองคนได้ รวมถึงมีแผ่นที่ยื่นออกมาปิดกันชนเอาไว้ เผื่อว่าตัวรถจะเปื้อนดินโคลน ขากางเกงจะได้ไม่เปื้อนไปด้วยนั่นเอง

     MINI Countryman ยังมีทีเด็ดอยู่ที่ Welcome Light ที่เรียกว่า MINI Logo Projection ซึ่งจะส่องสว่างเป็นรูปสัญลักษณ์มินิ เพื่อให้มองพื้นถนนยามกลางคืน แต่น่าเสียดายที่ทริปนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปจริงมาให้ชมกัน เพราะใช้เวลาทดสอบในช่วงกลางวันตลอด

242

     ภายในห้องโดยสารของ MINI Countryman สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบ Sport Seat สีดำ Carbon Black ตกแต่งด้วยลวดลาย Cross Punch มาพร้อมระบบปรับไฟฟ้าคู่หน้าและเมมโมรี่จดจำตำแหน่งท่านั่งได้ ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับพับแยกแบบ 40:20:40 ได้ เพื่อการใช้งานหลากหลายรูปแบบ รวมถึงมีพนักพิงศีรษะผู้โดยสารตอนกลางมาให้ด้วย

237

     บริเวณคอนโซลกลางของรุ่น Hightrim ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว ที่ยังคงสามารถควบคุมผ่านปุ่ม MINI Controller พร้อมทัชแพดได้ตามสะดวก ติดตั้งเครื่องเสียง Harman/Kardon ลำโพงทั้งหมด 12 จุดรอบคัน พร้อมฮาร์ดดิสก์ขนาด 20 กิกกะไบท์ รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือได้ พร้อมพอร์ต USB และ AUX มาให้พร้อม อีกทั้งยังมีระบบนำทางที่สามารถอัพเดตแผนที่ได้ฟรีเป็นเวลา 3 ปี

203

     หน้าจอชุดนี้ยังถูกล้อมกรอบด้วยวงแหวนไฟหลากสี ที่สามารถเปลี่ยนลักษณะการแสดงผลตามการใช้งานในขณะนั้นได้ เช่น ในการขับขี่ปกติทั่วไป จะแสดงผลเป็นรอบเครื่องยนต์ โดยมีแถบเรดไลน์เล็กๆ อยู่ทางขวามือ แต่เมื่อใดที่ปรับความแรงลมหรืออุณหภูมิแอร์ ก็จะแสดงระดับในการปรับให้เห็นได้อย่างชัดเจน จากนั้นจึงค่อยกลับมาแสดงรอบเครื่องยนต์อีกครั้ง

     ฝั่งผู้ขับติดตั้งพวงมาลัยแบบ 3 ก้านดีไซน์อวบกระชับ โดยในรุ่น Hightrim ยังมาพร้อมหน้าจอ MINI Head-Up Display เหนือแผงคอนโซลสำหรับแสดงความเร็วได้ด้วย

229

     ด้านขุมพลังมีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ โดยในรุ่น Cooper Countryman จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 4,400-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Steptronic ซึ่งตามสเป็คสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 9.6 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กม./ชม. รองรับเชื้อเพลิงแบบแก๊สโซฮอล์ 91 ได้

     ขณะที่รุ่น Cooper S Countryman และ Cooper S Countryman Hightrim ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 224 กม./ชม. รองรับเชื้อเพลิงแบบแก๊สโซฮอล์ 91

     น่าแปลกใจที่ทั้งสองเครื่องยนต์กลับให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเท่ากันอยู่ที่ 16 กม./ลิตร

224

     ด้านความปลอดภัยก็ถือว่าครบครันตามสไตล์รถยุโรปหรู ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้าง และถุงลมนิรภัยสำหรับศีรษะ, ระบบเบรก ABS/EBD และ BA, ระบบ Cornering Brake Control, ระบบควบคุมเสถียรภาพ Dynamic Stability Control, ระบบล็อคเฟืองท้ายไฟฟ้า Electronic Differential Lock Control รวมถึงยางแบบรันแฟลต เป็นต้น

243

     เส้นทางการทดสอบในครั้งนี้ไม่ยาวมาก แต่ก็มีทางคดเคี้ยวเพื่อให้ได้สัมผัสช่วงล่างของ MINI Countryman ใหม่ กันพอประมาณ โดยคันที่เราได้รับทดสอบเป็นรุ่นล่างสุด นั่นก็คือ MINI Cooper Countryman นั่นเอง

     เมื่อก้าวขึ้นมายังห้องโดยสารของ มินิ คูเปอร์ คันทรีแมน ใหม่ จะสังเกตได้ว่ามีความโปร่งโล่ง กว้างขวาง ด้วยตัวถังที่ออกแบบให้มีไซน์เหลี่ยมช่วยเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะได้เป็นอย่างดี ปุ่มกดถูกออกแบบให้มีลักษณะแบบเรโทรย้อนยุคสักเล็กน้อยตามเอกลักษณ์ของรถมินิ

234

     เบาะนั่งโดยสารให้ความโอบกระชับดี ตำแหน่งเบาะนั่งสามารถปรับเข้ากับสรีระได้ง่าย ตัวถังที่ค่อนข้างสูง ทำให้ทัศนวิสัยของตัวรถค่อนข้างดี โดยเฉพาะการขับขี่ในเมือง แต่ก็ไม่สูงเสียจนขับยากเหมือนรถเอสยูวีรุ่นใหญ่ ผู้หญิงตัวเล็กๆก็สามารถขับได้สบาย ไม่มีปัญหา

     เมื่อเราเริ่มเดินทางออกจากจุดสตาร์ท เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตรเทอร์โบ ก็ช่วยให้ตัวรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว จนแทบลืมไปเลยว่าเป็นเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ อีกทั้งยังให้เสียงขณะเร่งเครื่องแทบไม่ต่างจากเครื่องยนต์ 4 สูบเลย

244

     อัตราเร่งในช่วงตีนต้นนั้นเรียกว่ามีกำลังมาให้เค้นอย่างทันใจ ไม่ต้องรอรอบเหมือนเครื่องยนต์เทอร์โบรุ่นเก่า ซึ่งบอกได้เลยว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้สามารถรองรับทั้งการใช้งานในเมืองและนอกเมืองได้อย่างไม่ต้องกังวล มีกำลังให้ใช้อย่างเหลือเฟือแน่นอน

     ช่วงล่างของ MINI Countryman ถูกเซ็ทมาต่างจากรุ่น MINI Hatch อยู่พอสมควร โดยคันทรีแมนจะเน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก ไม่แข็งกระด้าง ยังมีอารมณ์การขับขี่แบบโกคาร์ทให้สัมผัสอยู่เล็กๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าช่วงล่างอาจไม่จี๊ดเหมือนกับรุ่นแฮทช์ เพราะคันทรีแมนถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์สูงกว่า และรองรับการโดยสารแบบจริงๆจังๆมากกว่านั่นเอง

246

     สำหรับพวงมาลัยของ MINI Cooper Countryman ให้ฟีลลิ่งชนิดคมกริบ แทบไม่มีระยะฟรีให้เห็น ให้ความคล่องตัวในเมืองอย่างเต็มเปี่ยม ซอกแซกไปตามการจราจรได้สนุกสนาน แต่หากขับขี่ด้วยความเร็วสูงต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นสักเล็กน้อย เพราะน้ำหนักพวงมาลัยค่อนข้างเบา ทำให้ตัวรถเบนทิศทางได้ง่าย

     หลังจากที่เราแวะมาจุดพักแรก เราได้ลองสลับมาขับรุ่น Cooper S Countryman Hightrim ดูบ้าง ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร

245

     ในช่วงการออกตัวนั้น ฟีลลิ่งของเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ไม่ต่างจากตัวเบนซิน 1.5 ลิตรเท่าใดนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำหนักตัวที่มากกว่า แต่เมื่อใช้ความเร็วเกินกว่า 60 กม./ชม.ขึ้นไป จะรู้สึกได้ทันทีว่าแรงบิดมีให้เค้นมากกว่า ส่งผลให้ความเร็วรถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

     นอกจากนี้ ในรุ่น Hightrim ที่เราทดสอบยังมีโหมด Sport ที่สามารถปรับการทำงานของระบบช่วงล่างให้แน่นขึ้น พวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น  ทำให้รู้สึกมั่นคงที่ความเร็วสูง จัดว่าเป็นรถที่ขับสนุกเมื่อใช้ความเร็ว

226

     สรุป MINI Cooper Countryman และ MINI Cooper S Countryman Hightrim ถือเป็นรถอเนกประสงค์ที่ยังคงฟีลลิ่งการขับขี่สไตล์มินิเอาไว้ โดยมีการปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลนั่งสบายมากขึ้น เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานคนเดียว หรือเดินทางไปทั้งครอบครัวก็สามารถทำได้

     ในช่วงตีนต้นทั้งรุ่น 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร ถือว่าไม่หนีกันมาก แต่ช่วงกลางไปจนถึงปลาย เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรได้เปรียบกว่าทั้งแรงม้าและแรงบิด สามารถปรับเป็นโหมดสปอร์ตเพื่อเซ็ทช่วงล่างให้แน่นขึ้นได้ หากเน้นการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ออกต่างจังหวัดบ้างบางครั้งบางคราว รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรก็ถือว่าเพียงพอ

     แต่หากต้องการเน้นขับสนุก ชอบใช้ความเร็วพอสมควร อีกทั้งยังมีอุปกรณ์มาตรฐานภายในมาให้ครบครัน ก็ลองมองตัวเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรน่าจะเหมาะสมมากกว่า ในส่วนราคาจำหน่ายคงต้องว่ากันที่งานมอเตอร์โชว์ 2017 นี้ครับ

 

ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท บีเอ็มดับเบิ้ลยู (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้

 

อัลบั้มภาพ 61 ภาพ

อัลบั้มภาพ 61 ภาพ ของ Exclusive Preview: MINI Countryman 2017 ใหม่ ความอเนกประสงค์ที่ยังคงความ ‘มินิ’

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook