Attrage VS Amaze อีโค่คาร์คันไหนดี
ถึงแม้ว่านโยบายการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล จะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่ความนิยมของรถยนต์อีโคคาร์นั้นยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง วันนี้ Sanook! Auto จะเปรียบเทียบให้เห็นถึงความน่าใช้ของอีโคคาร์ 2 รุ่นจาก 2 ค่ายที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวไทยอยู่ในขณะนี้
โดยล่าสุด ทางค่าย Mitsubishi ก็เพิ่งเปิดตัวอีโคคาร์ทรงซีดาน “Attrage” ไปหมาดๆ ทำให้ได้เปรียบเรื่องความสดใหม่ แถมยังใส่ออพชั่นมาแบบไม่ยั้ง จนคู่แข่งทั้งหลายต้องร้อนๆหนาวๆกันพอสมควร เพราะติดตั้งระบบนำทางแบบจอสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วจากโรงงาน สามารถเล่นแผ่น DVD, MP3 ได้ มีช่องต่อ USB และยังสามารถแสดงภาพจากกล้องมองหลังเพื่อช่วยในการถอยเข้าจอดได้อีกด้วย
แอททราจใหม่มาพร้อมกับกุญแจอัจฉริยะ KOS ทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ท มีระบบ ETACS สำหรับควบคุมการหน่วงเวลาของระบบต่างๆ เช่น ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ หรือไฟเลี้ยวกระพริบ 3 ครั้งด้วยการยกก้านไฟเลี้ยวเพียงครั้งเดียวเพื่อการเปลี่ยนเลน แบบเดียวกับที่พบในรถยุโรป ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ MIVEC 3 สูบ 1.2 ลิตร แรงม้าสูงสุด 78 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT และธรรมดา 5 สปีด
สมรรถนะอาจไม่จัดจ้านแต่แลกมาด้วยความประหยัดถึง 22 กิโลเมตร/ลิตร ตัวถังมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 10 ซม. ทำให้ภายในมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายความจุถึง 450 ลิตร จึงเหมาะสำหรับใช้เป็นรถครอบครัวที่ต้องการรถไว้ใช้สักคันหนึ่ง เน้นความสบายในการเดินทางและความประหยัดควบคู่กันไปในตัว
สำหรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก มีให้ทั้งกุญแจรีโมท ระบบควบคุมการพับและกางกระจกมองข้างอัตโนมัติ, ไฟหน้าปิดได้เองโดยอัตโนมัติ ระบบสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลน เพียงขยับก้านไฟเลี้ยวเพียงเล็กน้อยสัญญาณไฟเลี้ยวและสัญญาณไฟเตือนในหน้าปัดกระพริบ 3 ครั้ง, ใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติ ในกรณีที่ฝนตกหากผู้ขับเปิดที่ปัดน้ำฝนในตำแหน่งปัดเป็นจังหวะเมื่อรถถึงความเร็วที่กำหนดที่ปัดน้ำฝนจะเปลี่ยนเป็นจังหวะที่ 1 โดยอัตโนมัติ และจะกลับมาที่ตำแหน่งปัดเป็นจังหวะเหมือนเดิมเมื่อความเร็วลดลงหรือหยุดรถ และกระจกไฟฟ้าพร้อมระบบปรับขึ้นลงอัตโนมัติเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
ระบบความปลอดภัย มีพร้อมทั้งระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกด้วยดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อนช่วยให้ประสิทธิภาพการเบรกดีขึ้นปลอดภัยมากขึ้น และดรัมเบรกหลังแข็งแรง ทนทานดูแลรักษาง่าย
ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า และเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติแบบคู่ด้านคนขับสำหรับรุ่น GLS และ GLS Ltd. และแบบเดี่ยวสำหรับรุ่น GLX ช่วยลดแรงกระแทกจากการชนเพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า รวมทั้งลดอาการบาดเจ็บที่หน้าอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มิตซูบิชิ "แอททราจ" มี 6 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Pearl(ราคาเพิ่ม 6,000 บาท), สีแดง Red Metallic, สีฟ้า Cerulean Blue Mica, สีเทาดำ Eisen Gray Mica, สีดำ Pyreness Black และ สีเงิน Cool Silver Metallic
ราคา 443,000-582,000 บาท โดยลูกค้าที่จองรถยนต์มิตซูบิชิ "แอททราจ" ทุกรุ่น 9,000 คันแรก รับราคาแนะนำช่วงเปิดตัวด้วยโบนัสพิเศษเงินคืน 10,000 บาท พร้อม ฟรีประกันภัยชั้น 1 "ไดมอนด์ โปรเทคชั่น"
สรุป สเปค เครื่องยนต์ Attrage
Attrage 3A92 ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC Mivec 12 วาล์ว 22 km./l.
มิติตัวรถ ขนาด ยาว กว้าง สูง Attrage
Attrage 4,245 / 1,670 / 1,515 มม. พร้อมระยะฐานล้อ 2,550 มม
ระยะ รัศมีวงเลี้ยว Attrage
Attrage 4.8 เมตร
ความจุถังน้ำมัน Attrage
Attrage 42 ลิตร (ลองคำนวนระยะทางที่จะ เดินทางได้ต่อน้ำมัน 1 ถัง ได้ไกลสุด 42x22=924 กม.)
รุ่น และ ราคา Attrage
GLS Ltd. เกียร์อัตโนมัติ 582,000
GLS เกียร์อัตโนมัติ 530,000
GLX เกียร์อัตโนมัติ 477,000
GLX เกียร์ธรรมดา 443,000
ด้านอีโคคาร์จาก Honda นั้น แม้ว่าชื่อเสียงของรุ่น “Brio” ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าจะไม่ค่อยดีนัก อาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ที่ไม่ถูกใจแฟนชาวไทยเสียเท่าไหร่ ฮอนด้าจึงได้แก้เกมด้วยการส่ง “Brio Amaze” อีโคคาร์ทรงซีดาน ซึ่งดูลงตัวกว่ารุ่นแฮทช์แบคพอสมควร
สำหรับรถยนต์ Brio Amaze นั้น จัดเป็นรถยนต์รุ่นที่ 10 ของปีนี้ และเป็นรถอีโคคาร์รุ่นที่ 2 ของฮอนด้า โดยรูปลักษณ์ภายนอก ดูมีความทันสมัย ปราดเปรียว คล่องตัว ด้วยกระจังหน้าโครเมียมสไตล์สปอร์ต กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ และไฟท้ายดีไซน์ใหม่กับคิ้วโครเมียมแวววาว
แม้ว่าดูๆ ไปแล้วออพชั่นและการตกแต่งภายในออกจะดูเรียบง่ายไปเสียหน่อย เพราะคู่แข่งต่างอัดเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างระบบ Push Start หรือระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติมาให้เป็นทางเลือก แต่ด้วยช่วงล่างที่ยกมาจากรุ่น Brio ซึ่งถูกปรับแต่งมาอย่างดีทั้งยามที่ต้องรับมือกับหลุมบ่อบนถนนของกรุงเทพฯ หรือที่ต้องใช้ความเร็วสูงบนทางหลวงนั้น ก็ให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้ดีทีเดียว
เมื่อผสานกับเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ส่งกำลังขับเคลื่อนแรงสูงสุด 90 แรงม้า และประหยัดน้ำมันได้ถึง 20 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานมลพิษ ระดับ EURO4 ด้วย ทำให้ “Brio Amaze” เป็นรถที่ขับสนุก ทั้งในเมืองและนอกเมือง แถมยังได้เปรียบเรื่องจำนวนสาขาชองศูนย์บริการที่มีมากมายทั่วประเทศ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบฮอนด้าอยู่ไม่น้อย อีกทั้งรุ่นท็อปสนนราคาเพียงห้าแสนต้นๆ เท่านั้น
ในส่วนของความปลอดภัยทางฮอนด้าพัฒนาโครงสร้างตัวถังนิรภัยเสริมเหล็กกล้าพิเศษ รวมถึงระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อค และระบบกระจายแรงเบรก EBD รวมถึงถุงลมนิรภัย i-SRS สำหรับผู้ขับขี่ กับถุงลมนิรภัยระบบ SRS สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียนและเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) พร้อมทั้งรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 4.6 เมตร เพื่อให้คล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ขับขี่จะต้องเพลิดเพลินยามอยู่หลังพวงมาลัย Brio Amaze รุ่นนี้แน่นอน
สรุป สเปค เครื่องยนต์ Amaze
i-VTEC 1.2 ลิตร 4 สูบ 90 แรงม้า 20 km./l.
มิติตัวรถ ขนาด ยาว กว้าง สูง Amaze
3990 / 1680/ 1485
ระยะ รัศมีวงเลี้ยว Amaze
4.6 เมตร
ความจุถังน้ำมัน Amaze
35 ลิตร (ลองคำนวนระยะทางที่จะ เดินทางได้ต่อน้ำมัน 1 ถัง ได้ไกลสุด 35x20=700 กม.)
รุ่น และ ราคา Amaze
V AT 521,000 บาท
V MT 482,000 บาท
S AT 493,000 บาท
S MT 454,000 บาท
จากจุดเด่นต่างๆของทั้งสองรุ่นที่กล่าวมานั้น หวังว่าคงจะช่วยคนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์ได้ แต่ถ้าจะให้ดีอยากให้ได้ลองสัมผัสรถยนต์คันจริงหลายๆ รุ่นก่อนการตัดสินใจซื้อ เพื่อที่จะได้รถที่ถูกใจท่านที่สุด และอยู่กับเราไปนานๆครับ