การพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ (SYNTHETIC)
การพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ (SYNTHETIC)
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสังเคราะห์ 100% หรือที่เรียกกันว่า Fully Synthetic กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่อยากจะถามว่า Synthetic คืออะไร หลายคนคงให้คำตอบที่ชัดเจนได้ยาก เพราะผลิตภัณฑ์หล่อลื่นประเภท Synthetic ในความคิดของเราก็คือ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่มีคุณภาพสูง ทนความร้อนและมีราคาแพง แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า การได้คำว่า Synthetic ของแต่ละค่าย ผู้ผลิตหล่อลื่นยังมีสิ่งซ่อนเร้นที่โดดเด่นต่างกัน และต่างก็จะถือว่าเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของตนเอง ฉะนั้นถ้าจะเรียนรู้เรื่อง Synthetic จริง ๆ จะต้องเจาะลึกลงไปกว่านั้นว่า Synthetic ที่ใช้กับยานยนต์มีกี่ชนิด กี่ Technology กันแน่
การพัฒนาของน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ (Synthetic)
Synthetic ในยุคที่ 1 : ความจริง Synthetic ในยุค generation แรกที่ใช้กันอยู่ในทางเทคนิคเรามักเรียกว่า Synthetic แท้ คือ ผลิตจากวัตถุดิบที่เป็นสารสังเคราะห์โดยตรง ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นทุกๆด้านครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการสึกหรอ ทนความร้อน และรักษาความสะอาดเครื่องยนต์ได้ดีเยี่ยม อย่างไรก็ดี Synthetic แท้นี้ก็ยังมีข้อด้อยอยู่บ้าง เช่น ราคาแพง การละลายตัวเข้ากับหัวเชื้อ (Additive) ไม่สู้ดีนัก และอาจทำปฏิกิริยากับ Seal หรือปะเก็นบางชนิด เป็นต้นเหตุให้เกิดการรั่วซึมของน้ำมันหล่อลื่นได้
Synthetic ในยุคที่ 2 : เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปมากขึ้นได้มีการปรับปรุงกระบวนการกลั่น Base Oil ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อนำ Base Oil ธรรมชาติมากลั่นในขบวนการที่ละเอียดและซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความบริสุทธิ์ และมีความเสถียรภาพ คุณภาพเทียบเท่า Synthetic ในยุคที่ 1 และ Base Oil ชนิดนี้ จึงถูกใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตหล่อลื่นสังเคราะห์ในยุคต่อมา ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะราคาถูกกว่า พร้อมแก้ปัญหาด้านการละลายตัวกับหัวเชื้อ และ Seal Compatibility Synthetic ในยุคที่ 1 ได้โดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ดี แม้ Synthetic ในยุคที่ 2 นี้จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเร็วมาก แต่เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่ได้จาก Base oil ธรรมชาติ ฉะนั้นถ้าผู้ผลิตใช้เทคโนโลยียังไม่ดีพอ อาจทำให้ฟิล์มน้ำมันมีความแข็งแรงไม่เท่ากับ Synthetic ในยุคแรก และอาจมีอัตราการระเหยตัวสูงกว่าเมื่อใช้งานหนัก ที่รอบ และความร้อนสูง ความพยายามปรับปรุงคุณภาพของ Synthetic ทั้ง 2 ยุคยังคงดำเนินต่อไปจนเกิดเป็น Synthetic ในยุคหรือ Generation ที่ 3 ขึ้น
Synthetic ในยุคที่ 3 : เพื่อเป็นการปรับปรุงคุณสมบัติของ Synthetic ทุกยุคให้ดีขึ้น และแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ของ Synthetic ทั้ง 2 กลุ่มให้หมดไป ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการต่างๆ ได้พยายามคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนา Synthetic ในยุคที่ 3 ขึ้นโดยรวมคุณสมบัติเด่นของ Synthetic ทั้ง 2 ยุคเข้าด้วยกันพร้อมพัฒนา Additive ที่สามารถสร้างความสมดุลให้กับ Synthetic ชนิดใหม่นี้ ดังนั้น Synthetic ในยุคที่ 3 นี้ ถือได้ว่าเป็นน้ำมัน Synthetic แห่งอนาคต
สุดยอดเทคโนโลยีเหนือระดับ PERFORMA SUPER SYNTHETIC
สำหรับในประเทศไทย ปตท. ได้เป็นผู้นำในการคิดค้นและพัฒนา Synthetic ใน generation ที่ 3 โดยออกเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูงสุดในท้องตลาด ภายใต้ชื่อ “PERFORMA SUPER SYNTHETIC” ซึ่งใช้เทคโนโลยีล่าสุด “Di- Synthetic Protect” ซึ่ง PERFORMA SUPER SYNTHETIC นี้นอกจากมีคุณสมบัติต่างๆ สูงกว่า API SM ในแต่ละด้านมากกว่า 50 – 100 เปอร์เซ็นต์ แล้ว PERFORMA SUPER SYNTHETIC ยังพัฒนาเบอร์ความหนืดใหม่อยู่ในช่วง SAE 0W-40 จึงจะช่วยเพิ่มความสามารถในการลดการสึกหรอจากการ Start ลงได้มากกว่า Synthetic 5W-40 ทั่วไป เพราะน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นได้เร็วกว่า พร้อมทั้งช่วยเพิ่มสมรรถนะในการออกตัวและเร่งแซงให้ดีขึ้น พร้อม Benefit ประการสุดท้ายที่สำคัญคือช่วยประหยัดเชื้อเพลิงเบนซินสูงสุดในระดับมาตรฐาน ILSAC GF-4 อีกด้วยส่วนข้อดีที่เพิ่มขึ้นจากคุณสมบัติทั่วๆ ไปนั้น หลังจากที่ได้ทดสอบแล้ว ปรากฏว่า น้ำมันเครื่อง PERFORMA SUPER SYNTHETIC สามารถลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ในสภาพการจราจรติดขัด (Stop & Go) ได้มากถึง 32% ในขณะเดียวกัน การที่มีฟิล์มน้ำมันที่แข็งแรงนั้น ช่วงที่ใช้ความเร็วสูงและอุณหภูมิสูง ก็จะสามารถลดการสึกหรอลงได้ถึง 80% นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในเรื่องของการทำความสะอาดที่สูงขึ้น และยังช่วยลดมลพิษไอเสียที่ออกมาได้มากขึ้น ทำให้แน่ใจได้ว่า PERFORMA SUPER SYNTHETIC เป็นนวัตกรรมใหม่แห่งโลกการหล่อลื่นจริง ๆอย่าลืมนะครับ ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดต้อง PERFORMA SUPER SYNTHETIC ด้วย Di-Synthetic Protect เทคโนโลยีล่าสุดแห่งหล่อลื่นยานยนต์