4 ระบบในรถยนต์ที่ต้องตรวจเช็คสภาพ ก่อนเดินทางไกล
สงกรานต์มีความหมายเป็นทั้งเทศกาลแห่งความสนุกสนาน ของการได้สาดน้ำดับร้อนเพิ่มความสดชื่นแก่กันและกัน เป็นเทศกาลแห่งความสุขของการที่ครอบครัวได้กลับมารวมตัวพร้อมหน้าพร้อมตา และได้เข้าวัดทำบุญร่วมกัน ทั้งยังเป็นเทศกาลแห่งการเดินทาง โดยเฉพาะการขับรถทางไกล ไม่ว่าจะเพื่อเดินทางท่องเที่ยวหรือมุ่งหน้ากลับบ้านเกิด ทำให้หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนกินเวลาหลายชั่วโมง
เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง Sanook! Auto จึงขอแนะนำเคล็ดลับดีๆ 4 ข้อในการตรวจเช็คระบบสำคัญของรถยนต์ เพื่อให้การขับขี่ทางไกลในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ของคุณ เต็มไปด้วยความสุขสบายใจตลอดเส้นทาง
ตรวจสอบระบบเบรก
หมั่นฟังเสียงเบรกประจำรถของคุณไว้แต่เนิ่นๆ ว่ามีเสียงเอี๊ยดอ๊าดผิดปกติหรือเปล่า หรือเวลาเหยียบเบรกแล้วหยุดสนิทไหม อาการของรถเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้บอกอาการของรถถูกเมื่อนำรถไปตรวจเช็คระบบเบรคที่ศูนย์บริการ เพราะการตรวจสอบระบบเบรคมีความยุ่งยากและซับซ้อนเกินกว่าที่คุณจะสามารถดูแลด้วยตนเองได้ ไว้ใจให้ผู้เชี่ยวชาญเช็คให้ดีกว่า
ตรวจเช็คแบตเตอรี่
ถ้าแบตเตอรี่เป็นชนิดเติมน้ำกลั่น ควรตรวจวัดระดับน้ำกลั่นก่อนทุกครั้ง และควรตรวจที่ขั้วแบตเตอรี่ว่าแน่นหรือไม่ มีสนิมมาเกาะบริเวณขั้วหรือเปล่า ซึ่งโดยปกติแล้วอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 2 ปี หากใช้แบตฯ ลูกนี้นานเกินจำ แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนใหม่ก่อนออกเดินทาง เพราะการขับรถไปจอดแล้วสตาร์ทไม่ติดนั้น เป็นประสบการณ์ที่ไม่สนุกเอาเสียเลย
ตรวจเช็คหม้อน้ำและน้ำยาหล่อเย็น
ความสำคัญของหม้อน้ำคือ ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ความร้อนที่สูงเกินไปจะทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์เสียหาย ดังนั้น แค่เปิดกระโปรงรถ แล้วดูระดับน้ำในหม้อน้ำสำรอง ให้อยู่ในระหว่าง Max กับ Min ก็เพียงพอแล้ว ข้อควรระวังคือ อย่าเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์กำลังร้อน เพราะน้ำร้อนอาจพุ่งขึ้นมาจนทำให้เกิดอันตรายได้ เช่นเดียวกับการตรวจเช็คน้ำยาหล่อเย็น (Coolant) ที่ช่วยให้ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง
ก่อนขับรถทางไกลทุกครั้งควรเช็คระดับหรือเช็คสภาพน้ำมันเครื่อง ซึ่งการเช็คระดับน้ำมันเครื่องนั้น คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยจอดรถในแนวราบ สตาร์ทรถทิ้งไว้ เพื่อวอร์มเครื่องให้มีความร้อนเท่ากับตอนวิ่งปกติ เมื่อมาตรวัดความร้อนขึ้นแล้ว ให้ดับเครื่อง แล้วรอสัก 2-3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องที่อยู่ในเครื่องยนต์ไหลกลับลงอ่าง จากนั้นดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมา แล้วใช้กระดาษชำระเช็ดน้ำมันเครื่องที่ส่วนปลายก้านออก เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องกลับลงไปตรงๆ จนสุด แล้วดึงขึ้นมาเพื่ออ่านค่าระดับน้ำมันที่วัดได้ หากอยู่ในระดับ Mid ก็เติมน้ำมันเครื่องให้อยู่ระหว่าง Max กับ Mid
ส่วนการเช็คสภาพน้ำมันเครื่องนั้น ให้สังเกตว่าน้ำมันเครื่องเปลี่ยนสีเป็นสีดำหรือยัง ถ้าใช่ แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว และควรดำเนินการทันที เพื่อให้รถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการเดินทางไกลอย่างปลอดภัย
และที่ต้องให้ความสำคัญนอกเหนือไปจากการตรวจเช็คสภาพระบบต่างๆ ของรถ ก็คือตัวผู้ขับขี่เองที่ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง เพราะการขับรถอย่างมีสติสำคัญไม่แพ้สมรรถนะความพร้อมของเครื่องยนต์
และเพื่อประกันความอุ่นใจในการเดินทางอีกขั้น หากคุณซื้อหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ ที่ร่วมรายการวันนี้ - 30 เมษายน 2560 สามารถขอรับสิทธิ์ประโยชน์ประกันภัยอุบัติเหตุ ฟรี 10 วัน สามารถระบุระยะความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุได้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2560
*น้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ ที่ร่วมรายการ
1. เชลล์ เฮลิกส์ อัลตร้า 0W-40 ขนาด 4 ลิตร
2. เชลล์ เฮลิกส์ อัลตร้า ดีเซล 0W-40 ขนาด 6 ลิตร
3. เชลล์ เฮลิกส์ HX8 5W-40 ขนาด 4 ลิตร
4. เชลล์ เฮลิกส์ HX8 ดีเซล 5W-30 ขนาด 6 ลิตร
5. เชลล์ เฮลิกส์ HX8 0W-20 ขนาด 3 ลิตร
6. เชลล์ เฮลิกส์ ไฮไมล์เลจ 10W-40 ขนาด 4 ลิตร
7. เชลล์ เฮลิกส์ ไฮไมล์เลจ ดีเซล 15W-50 ขนาด 6 ลิตร
8. เชลล์ เฮลิกส์ HX7 5W-40 ขนาด 4 ลิตร
9. เชลล์ เฮลิกส์ HX7 ดีเซล 10W-30 ขนาด 6 ลิตร
10. เชลล์ เฮลิกส์ HX7 G 10W-40 ขนาด 4 ลิตร
11. เชลล์ เฮลิกส์ HX5 15W-40 ขนาด 4 ลิตร
12. เชลล์ เฮลิกส์ HX5 ดีเซล 15W-40 ขนาด 6 ลิตร
13. เชลล์ เฮลิกส์ HX3 SAE 40 ขนาด 4 ลิตร
14. เชลล์ เฮลิกส์ HX3 ดีเซล 20W-50 ขนาด 6 ลิตร
15. เชลล์ เฮลิกส์ HX3 G 20W-50 ขนาด 4 ลิตร
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร 0-2206-5413 หรือ
http://www.shell.co.th/th_th/motorists/offers-and-competitions/add-peace-of-mind-to-songkran-and-shell-helix.html
[Advertorial]