มิตซูบิชิ แอททราจ โดดเด่น...เกินตัว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...ว่าเหนือความคาดหมายจริง ๆ สำหรับ "แอททราจ" อีโคคาร์ ซีดาน คันล่าสุด จากค่ายมิตซูบิชิ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ ก้าวที่เหนือใคร
หลังจากทีมงานประชาสัมพันธ์ นำทีมโดย "ผกามาศ ผดุงศิลป์" ผอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ นำขบวนสื่อมวลชนร่วมสัมผัสประสบการณ์กับมิตซูบิชิ แอททราจ กันยังฝั่งอีสาน ขับเลาะลัดริมโขง...จากเมืองนครพนมมุ่งสู่ จ.อุดรธานี รวมระยะทางร่วม ๆ 370 กิโลเมตร
ทันทีที่เครื่องบินแตะรันเวย์ท่าอากาศยาน จ.นครพนม ขบวนรถแอททราจ หลากรุ่น หลายสี จอดเรียงรายรอให้บรรดาสื่อมวลชนที่ร่วมทริปได้ประจำการในตำแหน่งผู้โดยสาร
ไม่รอช้า "ประชาชาติธุรกิจ" กระโดดเข้าไปนั่งเบาะหลัง ขอสำรวจตรวจตราความโอ่โถงของห้องโดยสาร ซึ่งไม่ผิด พื้นที่เหลือเฟือทั้งเฮดรูมและเลกรูม ให้ความกว้างขวางโล่งโปร่งสบาย เรียกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ชูจุดขายความกว้างขวางของห้องโดยสารนั้น ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยง แถมยังมีที่พักแขน และที่วางแก้วน้ำ ให้ความสะดวกสบาย
ส่วนการตกแต่งและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีมาครบครัน ตั้งแต่จอแสดงผลรองรับทุกการใช้งาน ขนาด 6.5 นิ้ว เพียงปลายนิ้วสัมผัส ระบบเชื่อมต่อ
โทรศัพท์ไร้สาย เครื่องเล่น ดีวีดี ช่องเชื่อมต่อยูเอสบี และระบบต่อพ่วงตระกูลไอทั้งหลาย พวงมาลัยหุ้มหนังเย็บอย่างดี มีปุ่มควบคุมเสียงที่พวงมาลัยยังมีที่วางแก้วน้ำ 8 ตำแหน่ง ทั้งคอนโซลด้านหน้า ข้างประตูหน้า 2 ด้าน คอนโซลกลางหลังเกียร์ และที่พักแขนเบาะหลัง เรียกว่าถูกอกถูกใจ ส่วนระบบปรับอากาศ เป็นแบบอัตโนมัติ พร้อมจอแสดงผล
หลังจากนัดแนะเส้นทางพร้อมรองท้องมื้อเช้าที่โชว์รูมมิตซูชาญ มอเตอร์ส เซลส์ ได้เวลาออกเดินทางกับ แอททราจรุ่นท็อป มุ่งหน้าสู่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม และ "ประชาชาติธุรกิจ" รับไม้ต่อในฐานะผู้ขับ ปรับตำแหน่งเบาะนั่ง กระจกมองข้างซ้าย-ขวา กระจกมองหลัง ปรับตำแหน่งพวงมาลัยให้พอเหมาะ กดปุ่มสตาร์ต
เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ 12 วาล์ว 78 แรงม้า พร้อมทำงาน ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ ซีวีที ที่ให้ทั้งความแม่นยำและนุ่มนวล ตอบสนองทุกการขับขี่
ช่วงจังหวะออกตัว กำลังเครื่องยนต์อาจจะต้องรอรอบรอจังหวะเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับอืด...อยู่ในระดับที่รับได้ ทัศนวิสัยหลังพวงมาลัยนั้น ถือว่าดีเยี่ยม เมื่อรถเคลื่อนออกมาเข้ารูปขบวนคาราวานครบทุกคัน ขบวนมุ่งหน้าลัดเลาะริมแม่น้ำโขงสู่จังหวัดที่ 77 จ.บึงกาฬ ก่อนเข้าสู่ จ.หนองคาย
ขบวนเร่งความเร็วขึ้นไปอยู่ระดับ 120-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แอททราจคันนี้ทำได้ไม่ขี้เหร่ยิ่งช่วงที่ต้องการกดคันเร่งเพื่อเรียกความเร็วในจังหวะเร่งแซง แม้จะคลิกดาวน์ขยี้...เรียกความเร็ว แต่มีจังหวะให้ต้องรอเกียร์คิดและทำงานนิดหนึ่ง ต้องทำความคุ้นชินและเรียนรู้บุคลิกของรถก่อน จังหวะเร่งแซงต้องเผื่อระยะและจังหวะเล็กน้อย
บางจังหวะลองเล่นเกียร์เลื่อนตำแหน่งไปที่ตัว "เอส" ผลที่ออกมาคือเป็นเหมือนการช่วยเชนจ์เกียร์เท่านั้น ซึ่งเราต้องเลือนกลับไปที่ตัว D ไม่เช่นนั้นจะเป็นการขับในลักษณะลากเกียร์
ตลอดเส้นทางเลียบริมแม่น้ำโขง...ขับตามรูปถนนลัดเลาะแม่น้ำโขงมาเรื่อย ได้ทดสอบช่วงล่างที่หนึบแน่น ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม มั่นใจได้ทุกโค้ง แม้จะเป็นรถเล็ก วิ่งความเร็วสูง ช่วงล่างยังไว้ใจได้หายห่วง
บางช่วงของเส้นทางมีสายฝนโปรยปรายมาจากอิทธิพลของพายุ "มังคุด" ช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่อาศัยจังหวะพักรถ-พักคน สำรวจภายนอกของแอททราจคันนี้
ต้องบอกว่า รุ่นท็อป มิตซูบิชิจัดมาให้ค่อนข้างเต็ม ทั้งกระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าแบบฮาโลเจน ไฟตัดหมอก แต่งโครเมียม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแอลอีดี ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว แถมสเกิร์ตรอบคัน ยิ่งขับความเท่ให้กับรถคันนี้ดูดุดันมากขึ้น เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ถึงตรงนี้ คนที่มองหารถที่ให้ทั้งความคุ้มค่า สมรรถนะ มิตซูบิชิ แอททราจ กับราคา 4.43-5.82 แสน ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย รถคันนี้มีให้มาเหนือความคาดหมายจริง ๆ