ลองขี่ Ducati Monster 797 กับคอร์สเรียน DRE Intro ขี่บิ๊กไบค์ไม่ยากอย่างที่คิด!
Ducati Monster 797 เป็นบิ๊กไบค์รุ่นเล็กน้องใหม่ล่าสุดของค่ายดูคาติ ที่ไม่เพียงเน้นจับกลุ่มที่มองหาบิ๊กไบค์ในระดับราคาเริ่มต้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่ไม่เคยขี่บิ๊กไบค์มาก่อน และฝันอยากจะขี่บิ๊กไบค์เท่ๆ สักคันในชีวิต
ทาง Ducati Asia Pacific จึงให้เกียรติเชิญ Sanook! Auto เข้าร่วมกิจกรรม Ducati Riding Experience หลักสูตร Intro Course ที่มุ้งเน้นผู้เริ่มต้นสนใจขับขี่บิ๊กไบค์ ด้วยหลักสูตรจากประเทศอิตาลี เพื่อให้คุ้นเคยกับบิ๊กไบค์ที่มีความแรงและน้ำหนักตัวที่มากกว่ามอเตอร์ไซค์เล็กทั่วไป จึงเป็นโอกาสอันดีของผู้เขียนที่ไม่เคยขี่บิ๊กไบค์มาก่อนในชีวิต จะได้เรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่ถูกต้องจากค่ายบิ๊กไบค์ระดับตำนานสัญชาติอิตาลีแห่งนี้
แน่นอนว่า Ducati Monster 797 รุ่นใหม่ล่าสุด จึงกลายเป็น ‘ครู’ ให้ผู้เขียนก้าวสู่โลกบิ๊กไบค์ในครั้งนี้ ด้วยความที่เป็นรถ Naked รุ่นเล็กสุด ขับขี่ง่ายสุด เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นขี่บิ๊กไบค์ หรือแม้กระทั่งผู้ที่บิ๊กไบค์อยู่แล้ว แต่ต้องการรถที่ขี่ง่าย คล่องตัว เหมาะสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ยังคงไว้ซึ่งความเท่ตามสไตล์ดูคาติ
Ducati Monster เริ่มวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกย้อนไปเมื่อปี 1993 โดยมีความโดดเด่นอยู่ที่การโชว์เฟรมของตัวรถและดีไซน์ถังน้ำมัน ทำให้มอนสเตอร์ดูเป็นรถที่ทะมัดทะแมง ทรงพลัง ก่อนจะเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่เมื่อปี 2008 ในชื่อ Monster 696 โดยยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของมอนสเตอร์จากเจเนอเรชั่นแรก จากนั้นจึงพัฒนาต่อมาเป็น Monster 796 เมื่อปี 2010 ก่อนจะกลายมาเป็น Monster 797 ในปัจจุบัน
Monster 797 เป็นบิ๊กไบค์แบบ Naked มีจุดเด่นอยู่ที่ถังน้ำมันขนาดใหญ่ และเฟรมที่เผยให้เห็นชิ้นส่วนเครื่องยนต์ภายใน เบาะนั่งออกแบบให้สูงจากพื้น 805 มิลลิเมตร ซึ่งผู้เขียนเองที่มีความสูง 173 เซนติเมตร ก็สามารถวางเท้าลงพื้นพร้อมกันได้ทั้งสองข้าง (แม้จะไม่เต็มฝ่าเท้าดีนักก็เถอะ) ติดตั้งเครื่องยนต์แบบ L-twin ขนาด 803 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 75 แรงม้า ที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 69 นิวตัน-เมตร ที่ 5,750 รอบต่อนาที
ติดตั้งล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ 10 ก้าน พร้อมยาง Pirelli Diablo Rosso II ขนาด 120/70 ZR17 ด้านหน้า ส่วนด้านหลังมีขนาด 180/55 ZR17 มาพร้อมระบบเบรก ABS เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จานเบรกคู่หน้ามีขนาด 320 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ Radial จาก Brembo M4 ด้านหลังให้จานเบรกขนาด 245 มิลลิเมตร
นอกจากนั้น ยังมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้รถดูทันสมัยน่าใช้ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบ LED, ไฟเลี้ยวและไฟท้ายแบบ LED, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD, พอร์ต USB บริเวณใต้เบาะที่นั่งสำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน รวมถึงพร้อมรองรับระบบ Ducati Multimedia System ด้วย
สำหรับกิจกรรม Ducati Riding Experience หรือ DRE เป็นการอบรมที่มีหลากหลายหลักสูตรให้เลือกเรียน ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ไม่เคยจับบิ๊กไบค์มาก่อน ก็ต้องเริ่มต้นด้วย DRE Intro ซึ่งสอนให้เรารู้จักบิ๊กไบค์ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นการหาสมดุลของตัวรถ, การฝึกออกตัวและหยุดรถอย่างปลอดภัย, การใช้สายตาระหว่างการขับขี่, การเปิด-ปิดคันเร่ง ฯลฯ ก่อนจะตบท้ายด้วยการให้ขี่รอบสนามด้วยตัวเอง และรู้จักการเปลี่ยนเกียร์ไปใช้ตำแหน่งที่สูงขึ้น ใช้ตวามเร็วมากขึ้น เพื่อที่จะต่อยอดไปขับขี่จริงในอนาคต
เริ่มต้นด้วยการหาสมดุลของตัวรถ
สิ่งแรกที่ผู้เริ่มต้นขี่บิ๊กไบค์มองข้ามไม่ได้ ก็คือน้ำหนักตัวรถที่มากกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไป หลายคนอาจเคยชินกับมอเตอร์ไซค์เล็กที่มีน้ำหนักไม่มาก จะลากจะเข็นไปทางไหนก็สะดวก แต่สำหรับบิ๊กไบค์มันไม่ใช่ เพราะน้ำหนักตัวที่มากเกือบ 200 กิโลกรัม อาจทำให้ผู้ที่เพิ่งจับรถใหม่ๆ รับน้ำหนักไว้ไม่ไหว เผลอปล่อยหลุดมือจนล้มแปะพื้นถนน ต้องมานั่งเสียเงินเสียทองซ่อมกันอีก
การหาสมดุลของตัวรถ จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถประคองรถโดยไม่ต้องใช้แรงมากมาย การวางมือเบาๆ ลงบนเบาะนั่งก็ช่วยประคองตัวรถไม่ให้ล้มได้แล้ว โดยผู้ฝึกสอนจะให้เราใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางลงไปบนตัวรถ โดยรถจะต้องไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เพราะหากเริ่มเอียงปุ๊ป นั่นหมายความว่ารถจะมีโอกาสล้มไปทางด้านนั้นมากขึ้น
จากนั้น เราจึงค่อยๆเดินไปรอบรถ โดยเปลี่ยนตำแหน่งมือทั้งสองข้างไปเรื่อยๆ โดยที่ยังคงสมดุลของรถไม่ให้เอียงไว้ได้ ซึ่งการฝึกเช่นนี้ จะมีประโยชน์มากในการประคองรถเดินหน้าหรือถอยหลัง เพราะช่วยให้เราใช้น้ำหนักยันไปที่ตัวรถน้อยลง เข็นรถได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นนั่นเอง
ฝึกออกตัวและเบรกให้ปลอดภัย
หลังจากที่ผ่านการฝึกประคองรถแล้ว คราวนี้ก็เริ่มขึ้นคร่อมเจ้า Monster 797 กันเสียที โดยจะเป็นการฝึกควบคุมคลัทช์และเบรก โดยยังไม่ต้องไปสนใจคันเร่งแม้แต่นิดเดียว เพราะทันทีที่ค่อยๆ ปล่อยคลัทช์ในตำแหน่งเกียร์ 1 แรงบิดจะถูกปลดปล่อยพารถพุ่งไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ยิ่งปล่อยคลัทช์เต็มที่ แรงบิดก็จะถูกส่งมาอย่างเต็มที่ในรอบเครื่องยนต์ระดับ Idle
ซึ่งสิ่งสำคัญต่อจากนี้สำหรับมือใหม่ ก็คือ การหยุดรถให้นุ่มนวลที่สุด เพราะแม้ว่า Monster 797 จะติดตั้งระบบเบรก ABS ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่หากไปขี่บิ๊กไบค์ที่ไม่มีระบบ ABS ก็อาจเผลอกดเบรกด้วยน้ำหนักที่มากเกินไป เสี่ยงต่อการเสียหลักได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยก็ควรหยุดรถให้นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้นั่นเอง
เริ่มบิดคันเร่ง
หลังจากที่ฝึกเบื้องต้นกันไปแล้ว ทีนี้เราลองมาฝึกขี่ทางตรงระยะสั้นๆ ดูบ้าง ด้วยผู้เขียนเองที่มีทักษะการขี่มอเตอร์ไซค์เล็กมาก่อนหน้านี้ การทรงตัวจึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด โดยในสถานีนี้ ผู้ฝึกสอนจะให้เราขี่เป็นวนเป็นวงรี พร้อมกับมีทางตรงสั้นๆ ให้เราได้เปิดคันเร่งพอที่จะรู้ถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ใน Monster 797 คันนี้ได้บ้าง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเน้นความนุ่มนวล ทั้งการเร่งและการเบรก การใช้ความเร็วเข้าโค้งเพื่อไม่ให้เสียจังหวะ และสำคัญที่สุดคือสายตาจะต้องมองไปยังปลายโค้ง ไม่ใช่ทางข้างหน้าอย่างที่เราเข้าใจมาตลอด เพราะเมื่อใดก็ตามที่ละสายตาจากปลายโค้งเพื่อมองเส้นทางข้างหน้าแล้ว ตัวรถจะไม่เลี้ยวโค้งไปตามที่ใจคิด แต่จะพุ่งตรงไปข้างหน้าให้หลุดโค้งแทน ซึ่งเมื่อเราตั้งใจปฏิบัติตามครูฝึกโดยการมองไปยังปลายโค้ง แม้ว่าจะฝืนสัญชาติญาณตัวเองอยู่นิดๆ แต่กลับช่วยให้รถแล่นไปตามโค้งได้อย่างน่าประหลาดใจ
การขี่รถเข้าโค้งโดยเฉพาะรถบิ๊กไบค์ จำเป็นต้องมีความเร็วพอสมควรเพื่อส่งให้รถแล่นไปตามโค้งโดยไม่เสียจังหวะ เพราะการเปิดคันเร่งขณะเข้าโค้งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ถ้าเผลอบิดคันเร่งมากเกินไป ดังนั้น ความเร็วก่อนเข้าโค้งจึงค่อนข้างสำคัญ เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย
บิ๊กไบค์คันใหญ่ก็ Slalom ได้สบาย
มาถึงฐาน Slalom ที่ต้องขับขี่ซิกแซกไปตามกรวยนั้น ทำคนที่ไม่เคยจับบิ๊กไบค์ค่อนข้างลำบากใจอยู่เหมือนกัน (แต่ถ้าเป็นรถยนต์ล่ะไม่หวั่นหรอก) เพราะตัวรถที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่เมื่อลองดูก็พบว่า Monster 797 สามารถซอกแซกไปตามกรวยได้อย่างลื่นไหล ควบคุมได้ง่าย ผิดจากที่คาดไว้ตั้งแต่แรก จนกลายเป็นว่าฐานนี้ค่อนข้างสนุก และทำให้รู้จักการควบคุมรถบิ๊กไบค์มากขึ้นเยอะทีเดียว
ปิดท้ายด้วยการขี่รอบสนาม
หลังจากแสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ก็มาถึงฐานสุดท้ายที่ต้องขับขี่รอบสนาม โดยมีครูฝึกขี่นำอยู่ด้านหน้า ใช้ความเร็วไม่สูงมาก ซึ่งฐานนี้จำเป็นต้องใช้ทักษะที่เรียนมาทั้งหมดตลอดช่วงบ่าย เพื่อให้สามารถขับขี่ไปตามขบวนได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการมองปลายโค้ง การเร่งและเบรกอย่างนุ่มนวล รวมถึงยังมีโอกาสขยับตำแหน่งเกียร์ไปยังเกียร์ 2 และ 3 ตามความเร็วที่เพิ่มขึ้นด้วย นับว่าเป็นการจบคอรสฝึกอบรมครั้งนี้ไปได้ด้วยดี
สรุป Ducati Monster 797 แม้ว่าเราเองจะไม่เคยขี่บิ๊กไบค์มาก่อน แต่สำหรับ Monster 797 คันนี้ ก็ถือเป็นรถบิ๊กไบค์ที่ขับขี่ง่าย ให้ความคล่องตัวมั่นใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นขี่บิ๊กไบค์ แม้แต่ผู้ที่ไม่เคยจับรถใหญ่มาก่อนก็ขี่ได้อย่างสนุกสนาน แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การเริ่มต้นฝึกขับขี่บิ๊กไบค์กับผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้รู้จักการขับขี่อย่างถูกวิธี ลดโอกาสเสี่ยงอุบัติเหตุ รู้จักรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ อาจเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็จะช่วยให้การขับขี่บิ๊กไบค์เป็นเรื่องที่สนุกและปลอดภัยมากขึ้นครับ
ราคาจำหน่าย Ducati Monster 797 อยู่ที่ 409,900 - 419,900 บาท
ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ ดูคาติ เอเชีย แปซิฟิก และ ดูคาติ ประเทศไทย ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นอย่างสูง
อัลบั้มภาพ 46 ภาพ