จำให้แม่น! 3 เทคนิคขับรถลุยน้ำไม่ให้รถพัง..

จำให้แม่น! 3 เทคนิคขับรถลุยน้ำไม่ให้รถพัง..

จำให้แม่น! 3 เทคนิคขับรถลุยน้ำไม่ให้รถพัง..
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ช่วงฤดูฝนแบบนี้มีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมขังได้สูง ซึ่งการขับรถลุยน้ำผิดวิธี อาจส่งผลทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์จนน็อค หมดค่าซ่อมหลักหมื่นบาทเป็นอย่างน้อย Sanook! Auto เลยขอแนะนำเทคนิคการขับรถลุยน้ำ ไม่ให้รถได้รับความเสียหายมาฝากกันครับ

1.ประเมินความลึกของน้ำ

     หากพบว่าเส้นทางข้างหน้ามีน้ำท่วมขัง ควรประเมินความลึกของน้ำด้วยการเช็คกับระดับฟุตบาท โดยฟุตบาททั่วไปจะมีความสูงตั้งแต่ 10-30 เซนติเมตร ดังนั้น หากน้ำท่วมเอ่อล้นปริ่มฟุตบาท แสดงว่าระดับน้ำค่อนข้างสูงจนเป็นอันตรายสำหรับรถเก๋งทั่วไปได้

100

2.ขับรถลุยน้ำด้วยความเร็วต่ำ

     หากประเมินแล้วว่าระดับน้ำไม่สูงจนเกินไป (ไม่เกิน 30 เซนติเมตรสำหรับรถเก๋งปกติ) ให้ขับรถผ่านไปด้วยความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่าการขับรถลุยน้ำ จะต้องเร่งเครื่องให้รอบเครื่องยนต์ขึ้นสูงเพื่อป้องกันรถดับ แต่ความเป็นจริงเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ เพราะน้ำที่ท่วมขังจะกระฉอกอย่างรุนแรง ขณะที่การเร่งเครื่องจะทำให้เครื่องยนต์ดูดอากาศเข้าไปเผาไหม้อย่างรุนแรงเช่นกัน ซึ่งถ้าน้ำถูกดูดเข้าไปแล้วล่ะก็ รับรองว่าก้านสูบหัก เครื่องยนต์ดับ เครื่องยนต์น็อค กลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน

     ดังนั้นจึงควรใช้ความเร็วให้ช้าที่สุด เดินคันเร่งให้เนียน ให้จำไว้ว่าตราบใดที่น้ำไม่ถูกดูดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ รถจะไม่มีทางดับอย่างแน่นอน

102

3.ใช้เลนที่ระดับน้ำต่ำที่สุด

     บนถนนที่มีน้ำท่วมขังมักมีการชะลอตัวของจราจร เพราะหลายคนจะหลีกไปใช้เลนที่มีน้ำตื้นที่สุด ดังนั้นจึงไม่ควรใจร้อนขับในเลนที่มีน้ำท่วมขังสูง เพราะหากเกิดเครื่องยนต์น็อคขึ้นมา นอกจากจะต้องเสียเงินซ่อมรถแล้ว ยังเสียหน้ารถคันอื่นอีกต่างหาก ทางที่ดีควรใจเย็นให้มากที่สุดครับ

     การขับรถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ก็อย่าประมาทจนเกินไป เพราะหากเกิดเครื่องยนต์น็อคขึ้นมา ก็ต้องเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน แถมเครื่องยนต์อาจไม่กลับไปสมบูรณ์ดังเดิมอีกด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook