5 พฤติกรรมอันตรายขณะขับรถเร็วที่คุณเผลอทำโดยไม่รู้ตัว
อุบัติเหตุทางรถยนต์มักมีความเร็วเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ยิ่งใช้ความเร็วสูงมากเท่าไหร่ ความรุนแรงของอุบัติเหตุก็จะเพิ่มขึ้นไปมากเท่านั้น Sanook! Auto จึงขอกล่าวถึง 5 พฤติกรรมสุดอันตรายขณะขับรถด้วยความเร็วสูง ที่คุณเองก็อาจเผลอทำโดยไม่รู้ตัว
1.จับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว
การขับรถทางไกลมักผ่อนคลายกว่าการขับรถในเมือง แต่การจับพวงมาลัยด้วยมือเพียงข้างเดียวก็ดูจะสบายเกินไป เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น รถตกขอบถนน, ลุยแอ่งน้ำ หรือต้องหักหลบรถคันอื่นกะทันหัน การประคองพวงมาลัยด้วยมือเพียงข้างเดียว จะทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมเพียงพอ พวงมาลัยอาจหลุดมือเอาได้ง่ายๆ ซึ่งกว่ามืออีกข้างจะเข้ามาช่วยประคองพวงมาลัย ป่านนั้นรถก็อาจเสียหลักไปเรียบร้อยแล้ว
ทางที่ดีการขับรถทางไกล ควรจับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้างในตำแหน่ง 9 และ 3 นาฬิกา ซึ่งเป็นการจับพวงมาลัยที่สมดุลและเป็นตำแหน่งของก้านพวงมาลัยในรถทุกคัน เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องประคองพวงมาลัยไว้ให้มั่นคง นิ้วมือจะยังคงสามารถล็อคพวงมาลัยไม่ให้หมุนเคว้งไร้ทิศทาง ช่วยให้สามารถแก้อาการของรถได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
2.ไม่มองกระจกหลัง
การขับรถทางไกลแม้ว่าจะขับไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว แต่ผู้ขับขี่ก็จำเป็นต้องมองกระจกหลังเป็นระยะ เพื่อให้รู้สภาพการจราจรด้านหลังของรถ ว่าจำเป็นต้องเพิ่มความเร็วหรือหลบหลีกรถคันหลังหรือไม่ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน
3.ทานขนม-น้ำขณะใช้ความเร็วสูง
การขับรถด้วยความเร็วสูง ผู้ขับขี่ควรเพ่งสมาธิไปกับการขับรถอย่างเต็มที่ การทานขนมหรือน้ำบนรถ จะส่งผลให้ผู้ขับขี่ละสายตาจากถนน โดยเฉพาะเวลาที่อาหารตกหรือน้ำหกใส่ แต่หากต้องการทานขนมหรือน้ำเพื่อแก้ง่วง ก็ควรเป็นขนมที่หยิบง่าย ไม่เปื้อนมือ และควรแกะห่อตั้งแต่ก่อนออกรถ ส่วนแก้วหรือขวดน้ำก็ควรวางในตำแหน่งที่หยิบได้สะดวก มั่นคง และไม่หกง่าย
4.มองถนนน้อยกว่าที่ควร
นอกเหนือจากการทานขนมหรือดื่มน้ำแล้ว ยังมีอีกหลายกรณีที่ทำให้ผู้ขับขี่ละสายตาจากถนนได้โดยไม่รู้ตัว เช่น การหันไปพูดคุยกับเพื่อน, การควบคุมเครื่องเสียงหรือเนวิเกเตอร์, การใช้งานโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ หากมีความจำเป็นจริงๆ ก็ควรชะลอความเร็วลงก่อน และต้องมั่นใจว่าการจราจรข้างหน้าค่อนข้างโล่ง จึงค่อยหันไปใช้งานอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยความรวดเร็ว
5.เปิดเพลงในรถดังเกินไป
การเปิดเพลงในรถอาจช่วยให้ใครหลายคนตื่นจากความง่วงซึม แต่การเปิดเพลงในรถดังเกินไป ก็อาจส่งผลให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าช้าลงเช่นกัน โดยมหาวิทยาลัยเมมโมเรียลออฟนิวฟาวด์แลนด์ ประเทศแคนาดาระบุว่า การเปิดเพลงด้วยระดับเสียงที่ 95 เดซิเบล จะเพิ่มระยะเวลาการตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่เมื่อมีความเร็วสูงเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็อาจหมายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว
การขับรถทางไกลด้วยความเร็วสูงนั้น หลายคนอาจมองว่าขับง่ายกว่าการขับรถในเมือง แต่หากพลาดเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วล่ะก็ ความเสียหายนั้นเทียบกันไม่ติดเลยล่ะครับ