5 เหตุผลที่ควรซื้อรถไฮบริดมากกว่ารถไฟฟ้า
หลายคนมองว่ารถไฮบริดในปัจจุบันเป็นเพียงทางผ่านไปสู่รถไฟฟ้าล้วนในอนาคต จึงเลือกที่จะมองข้ามไปแล้วรอให้ถึงวันที่รถไฟฟ้าสามารถทำตลาดในเชิง Mass production แบบเดียวกับรถเครื่องยนต์สันดาปภายในปัจจุบัน แต่ความจริงแล้วรถยนต์ไฮบริดยังมีข้อดีที่เหนือกว่ารถไฟฟ้าด้วยซ้ำไป
Sanook! Auto จึงขอแนะนำ 5 ข้อดีของรถไฮบริดที่เหนือกว่ารถไฟฟ้าในปัจจุบันมาฝากกัน
1.ไร้ปัญหาเรื่องการชาร์จไฟ
รถยนต์แบบไฮบริด (Hybrid) และปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) มีจุดเด่นที่เหนือกว่ารถไฟฟ้าล้วน (EV) ตรงที่ไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟเป็นประจำ เนื่องจากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งในรถไฮบริดและรถปลั๊กอินไฮบริดสามารถสร้างกระแสไฟเพื่อเก็บไว้ในแบตเตอรี่ได้อยู่แล้ว ซึ่งในกรณีรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่ารถไฮบริดปกตินั้น หากไม่ทำการชาร์จประจุไฟ ก็ยังคงสามารถใช้งานได้เหมือนกับรถไฮบริดปกติทุกประการ
แต่หากขยันชาร์ทไฟเป็นประจำ ก็จะได้ความประหยัดเพิ่มขึ้นมา ต่างจากรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่จำเป็นต้องชาร์จไฟเป็นประจำ แถมยังต้องใช้ระยะเวลาชาร์จค่อนข้างนาน หากวันไหนกลับบ้านแล้วเผลอลืมชาร์จ อาจไม่มีประจุไปเพียงพอสำหรับใช้งานในวันต่อไปก็เป็นได้
2.ไม่ต้องหยุดชาร์จไฟระหว่างทาง
รถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดสามารถเดินทางไปได้ทุกที่โดยไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟระหว่างทาง แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV หากต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลมากๆ ก็จำเป็นต้องหยุดชาร์จไฟเพื่อให้ขับขี่ต่อไปได้
แม้ว่าปัจจุบันในต่างประเทศจะมีสถานีชาร์จด่วนสำหรับรถไฟฟ้า แต่ก็ยังต้องใช้เวลา 30-40 นาทีในการชาร์จแต่ละครั้ง เพื่อให้ปริมาณไฟเพียงพอสำหรับเดินทางต่อไป
3.ชาร์จไฟเต็มเร็วกว่า
รถยนต์ประเภทประเภท Plug-in Hybrid ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่ารถไฟฟ้า EV มาก จึงสามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าอยู่ที่ประมาณ 2 ถึง 4 ชั่วโมง ด้วยไฟบ้านปกติเท่านั้น
4.ราคาจำหน่ายเข้าถึงได้ง่าย
ราคาจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดในปัจจุบันถูกปรับลดลงมาจนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า ยกตัวอย่างรถยนต์ไฮบริดระดับ D-segment จากญี่ปุ่น สามารถซื้อหาได้ในราคาราว 1 ล้านบาทกลาง ขณะที่รถปลั๊กอินไฮบริดจากฝั่งยุโรปในปัจจุบันก็มีราคาเริ่มต้นราว 2 ล้านบาทกลางเท่านั้น
ส่วนรถไฟฟ้าแม้ว่าจะยังไม่มีผู้ผลิตรายใดทำตลาดในบ้านเราอย่างจริงจัง แต่ก็เคยมีค่ายยุโรปหรูนำเอาซิตี้คาร์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายด้วยราคาสูงกว่า 3 ล้านบาทเลยทีเดียว
5.บำรุงรักษาไม่ต่างจากเครื่องยนต์ปกติ
การบำรุงรักษารถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดมีรายละเอียดไม่ต่างจากเครื่องยนต์สันดาปภายในเท่าใดนัก ศูนย์บริการในบ้านเรามีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียงพอที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ รวมถึงราคาแบตเตอรี่ในอนาคตก็มีแนวโน้มลดลงอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นการเลือกรถยนต์ไฮบริดจึงไม่เป็นที่น่ากังวลเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
แม้ว่ารถยนต์ Hybrid และ Plug-in Hybrid จะยังคงต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงน้ำมันเหมือนกับรถยนต์สันดาปภายใน แต่ก็ให้ความประหยัดแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในเมืองและนอกเมือง แถมยังขับได้สบายใจกว่ารถไฟฟ้า เพราะไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดกลางทาง
อย่างไรก็ดี กระแสรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดรถยนต์บ้านเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเอง และเมื่อนั้นรถยนต์ไฮบริด ก็อาจค่อยๆเสื่อมความนิยมลง จนสูญหายไปจากตลาดเหมือนกัน แต่หากมองเฉพาะปัจจุบันที่เราอยู่นี้ ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นก็ถือเป็นข้อได้เปรียบของรถไฮบริดที่ควรพิจารณาไว้ครับ