5 ความลับ (ที่ไม่ลับ) เพื่อพิชิตสนามสุดวิบาก ของ “อาท ออฟโรด”
‘วิชาวัจณ์ โชติรวี’ หรือ ‘อาท ออฟโรด’ เป็นชื่อที่ใครๆ ในวงการแข่งรถออฟโรด และครอสคันทรีต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะนักแข่งรถที่สร้างชื่อให้กับคนไทยในสนามสุดทรหดระดับโลก และเบื้องหลังความสำเร็จจากชัยชนะในหลายสนาม ตั้งแต่ Thailand Cross Country ไปจนถึง Asia Cross Country มีความลับ (ที่ไม่ลับ) ในฐานะคนรักเครื่องยนต์ และการแข่งความเร็ว ซ่อนอยู่
ความสำเร็จเกิดจากทีมที่ใช่
‘อาท ออฟโรด’ ยกเครดิตจากความสำเร็จทุกครั้งของเขาให้กับทีมงาน ที่ร่วมกันฝ่าฟันไปสู่เป้าหมายเสมอ ตั้งแต่ทีมช่างที่เชี่ยวชาญการทำรถแข่ง เนวิเกเตอร์ ซึ่งเป็นผู้นำทางในทุกสนาม ไปจนถึงผู้สนับสนุนทุกท่าน
“ลำพังตัวผมคนเดียว ถึงเป็นคนขับรถ แต่ก็คงไม่สามารถทำรถเอง นำทางเอง หรือพาตัวเองให้ไปถึงจุดหมายได้โดยลำพัง เพราะสำหรับการแข่งรถแล้ว ทีมเวิร์คสำคัญที่สุด หากต้องการเป็นนักแข่งอาชีพที่ไปให้ได้ถึงฝันได้ ก็ต้องมีผู้สนับสนุนที่ดี และพร้อมจะไปถึงเป้าหมายเดียวกัน ผมโชคดีที่มีผู้สนับสนุนที่ดี ที่มีส่วนผลักดันให้เราประสบความสำเร็จมาโดยตลอด”
หัวใจอยู่ที่เครื่องยนต์
บนเส้นทางการแข่งขันที่ทั้งวิบากและแสนจะทรหด รถและเครื่องยนต์คือพระเอกสำคัญที่จะพานักแข่งทะยานไปให้ถึงเป้าหมาย และคว้าชัยชนะให้ได้สำเร็จ ดังนั้น ด้วยประสบการณ์อันยาวนานบนถนนสายครอสคันทรี ทำให้ ‘อาท ออฟโรด’ มั่นใจที่จะบอกว่า หัวใจอยู่ที่เครื่องยนต์ล้วนๆ
“นอกจากสภาพร่างกายและจิตใจของคนขับที่ต้องแข็งแรงและพร้อมจริงๆ แล้ว ตัวรถที่ใช้แข่งก็มีความสำคัญ ถ้าเป็นไปได้ รถที่ใช้แข่งควรเป็นรถใหม่ เพราะเมื่อลงสนามแข่ง เราจะใช้เครื่องยนต์หนักมากบนทางวิบาก ดังนั้นถ้าเครื่องยนต์ไม่ดีจริง หรือได้รับการปกป้องไม่ดีพอ ก็จะไม่สามารถไปถึงฝันได้ อีกสิ่งที่ต้องให้ความใส่ใจมากๆ ก็คือ น้ำมันเครื่อง ถ้าน้ำมันเครื่องที่ใช้เป็นน้ำมันเครื่องเกรดไม่ดี หรือดูแลปกป้องเครื่องยนต์ได้ไม่ถึง เครื่องยนต์จะร้อนและน็อคไปเลย นักแข่งทุกคนจึงให้ความสำคัญกับน้ำมันเครื่องอย่างมาก”
รถคือเพื่อนที่ดีของคนขับ
เพราะหลงใหลในรถและเครื่องยนต์ จึงทำให้ทั้ง ‘อาท ออฟโรด’ และนักแข่งทุกคนเลือกเดินหน้าไปบนเส้นทางสายนี้ ดังนั้น ยิ่งอยากเป็นนักแข่งรถที่ดี ยิ่งต้องรู้จักเครื่องยนต์ และหมั่นเรียนรู้อยู่เสมอ
“ผมมองว่านักแข่งรถที่ดีต้องรู้เรื่องเครื่องยนต์บ้างในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เราสามารถทำรถออกมาให้พร้อมสำหรับสนามนั้นๆ ได้จริง โดยในสนามครอสคันทรีนั้น เมื่อได้รถใหม่มาหนึ่งคัน ต้องเริ่มต้นจากสปอตตัวถัง ดามคัทซี เพื่อทำรถให้แข็งแรงมาก จากนั้นก็ดามช่วงล่าง ดามปีกนกบน ปีกนกล่าง นอกจากนี้ ยังต้องมีโช้คและยางที่ดี เรื่องเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่นักแข่งต้องรู้ ซึ่งสำคัญพอๆ กับการโฟกัสเป้าหมาย และพาตัวเองลงสู่สนามของความทรหดและความเร็ว”
สุขภาพสำคัญที่สุด
ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักแข่งรถก็คือนักกีฬาคนหนึ่ง ดังนั้น การฝึกฝนฝีมือเพื่อคว้าชัยชนะ ย่อมต้องเกิดจากการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และพร้อมเสมอสำหรับชั่วโมงสุดทรหด
“ส่วนใหญ่ผมจะว่ายน้ำเพื่อให้ปอดและระบบหายใจดี นอกจากนี้ ยังเล่นเวทเทรนนิ่งเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย เพราะในหนึ่งวันของการแข่งขัน ผมต้องอยู่บนรถ 5-6 ชั่วโมง ยิ่งถ้าเป็นการแข่งแบบมาราธอน ผมต้องอยู่ในการแข่ง 6-7 วันต่อหนึ่งสนาม และกว่านักแข่งจะได้นอนในแต่ละวันก็ประมาณ 4-5 ทุ่ม และยังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อแข่งต่อ ดังนั้น ร่างกายต้องมีความพร้อมเป็นอย่างมาก”
มีสติ และสมาธิ
ในเมื่อชีวิตของนักแข่งรถถูกผูกติดอยู่กับความเร็วบนเส้นทางอันตราย การมีสติและสมาธิจึงสำคัญที่สุดสำหรับนักแข่ง นี่จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ ‘อาท ออฟโรด’ ฝึกฝนอยู่เสมอ
“สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับผม คือ ผมมักบริหารจิตใจด้วยการนั่งสมาธิ และพยายามฝึกทำสมาธิในที่ที่มีเสียงรบกวน การฝึกข่มจิตใจให้ได้ภายใต้เสียงรบกวน ช่วยเราได้ดีในฐานะนักแข่ง ที่ต้องมีชีวิตอยู่กับอันตราย เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ผมเชื่อว่านักแข่งทุกคนกลัวเรื่องนี้ ดังนั้น การมีสติและสมาธิอยู่ทุกเมื่อ จึงจำเป็นมาก”
นอกจากเคล็ดลับทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ ‘อาท ออฟโรด’ ประสบความสำเร็จในฐานะนักแข่งความเร็วแล้ว เราเชื่อว่าคุณเองก็สามารถนำแนวคิดทั้งหมดนี้ไปปรับใช้ในชีวิต เพื่อมุ่งหน้าสู่เป้าหมายในแบบฉบับของตัวเองได้เช่นกัน
สนับสนุนข้อมูลโดย
น้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ เดโล่ สปอร์ต น้ำมันเครื่องคุณภาพสำหรับรถดีเซล ที่มีเทคโนโลยีไอโซซิน ป้องกันการสึกหรอได้ดีกว่า 61% พบกับ เดโล่ สปอร์ต ได้แล้ววันนี้ ที่สถานีน้ำมันคาลเท็กซ์ www.caltex.co.th หรือช้อปออนไลน์ทิ่ Lazada > http://bit.ly/CaltexLazada หรือ WeMall > http://bit.ly/CaltexWeMall
[Advertorial]