"ซูซูกิ"เปิดโมเดล2เครื่องยนต์1ลิตร ต่อยอดอีโคคาร์

     นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า จากความสำเร็จของผลิตภัณฑ์อย่างซูซูกิ สวิฟท์

     ที่ทำให้บริษัทมียอดขายสูงเป็นอันดับ 1 ในตลาดอีโคคาร์ถึง 4 เดือนซ้อน ดังนั้น ในปีหน้าจึงพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จด้วยการส่งอีโคคาร์โมเดลที่ 2 ต่อจากสวิฟท์ออกสู่ตลาด ขนาดเครื่องยนต์จะปรับลดลงเหลือประมาณ 1,000 ซีซี แบบแฮตช์แบ็ก โดยจะเริ่มเปิดตัวและรับจองราวเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนงานมอเตอร์โชว์ 1 สัปดาห์ และจะนำรถไปแสดงในงานมอเตอร์โชว์ โดยราคาจำหน่ายน่าจะถูกกว่าซูซูกิ สวิฟท์ รุ่นปัจจุบัน และคาดว่าช่วงเวลาการเปิดตัวในต้นปีหน้า แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์จะยังไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก แต่บริษัทมองว่า กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการใช้อีโคคาร์ยังมีอยู่ เนื่องจากแนวโน้มในอนาคต ตลาดรถยนต์นั่งบีและซี-เซ็กเมนต์จะน้อยลง

     เนื่องจากลูกค้าหันมาซื้ออีโคคาร์ใช้ก่อน และเมื่อมีกำลังซื้อ จึงค่อยเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ขนาดใหญ่ขึ้น ประกอบกับขณะนี้มีอีโคคาร์ครบทั้ง 5 ค่าย ยิ่งตอกย้ำความน่าเชื่อถือของอีโคคาร์มากขึ้น จึงน่าจะมีสัดส่วนในตลาดรถยนต์ได้มากกว่า 20% ขึ้นไปในอนาคต"อีโคคาร์จากซูซูกิ เราถือเป็นเจ้าแรกที่สร้างมาตรฐานใหม่ในตลาด และสำหรับโมเดลที่ 2 ก็เช่นกัน รุ่นนี้เราจะมุ่งเน้นด้านแวลูและอีโคโนมี หรือทั้งคุ้มค่าและประหยัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนรุ่นสวิฟท์ตัวเดิมจะแนะนำสีใหม่ "กรีนเอนเนอร์จี" ที่เป็นลิมิเต็ดคัลเลอร์มาสร้างสีสัน" นายวัลลภกล่าว

     ด้านความคืบหน้าด้านโครงการอีโคคาร์เฟส 2 นั้น บริษัทมองโครงการนี้เกิดขึ้นตามเทรนด์ความต้องการของตลาดรถยนต์โลก ซึ่งบริษัทเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังในประเทศไทยด้วยสินค้าหลักคืออีโคคาร์ เพราะเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ จึงมีความสนใจเข้าร่วมอย่างแน่นอน แต่ก็คงต้องรอการประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง ซึ่งยังคงมีระยะเวลาในการศึกษา การเตรียมความพร้อม ก่อนจะถึงเดือนมีนาคม 2557

     สำหรับการตั้งเป้ายอดขายในปีนี้นั้น ในช่วงต้นปีได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 60,000 คัน ซึ่งดูจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงในไตรมาสสุดท้าย สถานการณ์ทางการเมืองร้อนแรงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ จึงปรับเป้ายอดขายไว้ที่ 50,000 คัน

     บริษัทคาดว่าค่ายรถยนต์ต่างก็ประเมินสถานการณ์เช่นเดียวกัน และปรับเป้าหมายยอดขายลดลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุด และจะยังคงมีการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อกระตุ้นยอดขายที่ชะลอตัว จากตลาดรถยนต์รวมในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1.2-1.3 ล้านคันซึ่งภาวะตลาดที่ซบเซาเช่นนี้น่าจะดำเนินไปจนถึงสิ้นปี เห็นได้จากผู้ผลิตรายใหญ่ที่แนะนำสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดก็ยังมีกระแสตอบรับไม่ดีนัก ถือว่ากำลังซื้อค่อนข้างแย่ ทำให้บริษัทและผู้ผลิตทุกรายต้องประเมินสถานการณ์ยอดขายการทำตลาดแบบเดือนต่อเดือน

     อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ชะลอแผนการดำเนินงานต่าง ๆ จะยังคงมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ พร้อมทั้งการขยายจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการไปตามแผนที่วางไว้ จากปัจจุบันที่มี 80 แห่ง ให้ครบ 100 แห่ง ทั่วประเทศภายในปีหน้า