5 อ็อพชั่นในรถสุดน่ารำคาญที่ไม่ต้องมีเลยยังจะดีกว่า

5 อ็อพชั่นในรถสุดน่ารำคาญที่ไม่ต้องมีเลยยังจะดีกว่า

5 อ็อพชั่นในรถสุดน่ารำคาญที่ไม่ต้องมีเลยยังจะดีกว่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     รถยนต์รุ่นใหม่ในปัจจุบันถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งหลายอ็อพชั่นก็ช่วยอำนวยความสะดวกได้มากขึ้น แต่ก็มีหลายอย่างที่ก่อให้เกิดความน่ารำคาญได้ไม่แพ้กัน ลองไปดูกันกว่ามีอะไรบ้าง?

303

ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน

     รถยนต์รุ่นใหม่ในบ้านเราเริ่มติดตั้ง 'ระบบช่วยประคองพวงมาลัย' กันมากขึ้น ซึ่งดูแล้วก็เป็นอ็อพชั่นสุดล้ำที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เวลาที่เราขับรถแซงรถบรรทุกหรือรถที่มีขนาดใหญ่ สัญชาติญานมักสั่งให้เราเบี่ยงพวงมาลัยออกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มระยะห่างจากรถเหล่านี้ แต่ระบบช่วยประคองพวงมาลัยก็จะพยายามดึงรถกลับมาให้อยู่กลางเลนอยู่เรื่อยๆ จนเป็นที่น่ารำคาญอยู่ไม่น้อย หากไม่เปิดไฟเลี้ยวเพื่อยกเลิกระบบชั่วคราว ก็ต้องออกแรงฝืนสู้กับพวงมาลัยกันไปยาวๆ

 

301

หน้าจอแบบสัมผัส

     หน้าจอระบบสัมผัสที่ติดตั้งไว้บนคอนโซลหน้ารถนั้น มักใช้สำหรับควบคุมฟังก์ชั่นตัวรถและระบบเครื่องเสียง ซึ่งหากใช้ในขณะรถหยุดนิ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากใช้ขณะกำลังขับรถอยู่นั้น หน้าจอสัมผัสจะกลายเป็นปัญหาทันที เพราะกว่าจะเล็งนิ้วเพื่อให้ไปกดยังปุ่มที่ต้องการได้นั้นแสนจะยากลำบาก ไหนจะต้องมองขึ้นมองลงเพื่อให้ชัวร์ว่ากดไม่พลาด เพราะหากกดผิดก็ต้องหาปุ่ม Back อีก ดีไม่ดีจะจูบรถคันหน้าเอา ขณะที่เครื่องเสียงแบบมีปุ่มกดในสมัยก่อนนั้น เรียกว่าใช้แค่มือคลำเอาก็ยังไม่พลาด

     ส่วนรถคันไหนที่ใช้แผงควบคุมระบบปรับอากาศร่วมกับหน้าจอสัมผัสนี่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะสมัยก่อนจะเบาแอร์ทีนึง แค่กดกริ๊กสองกริ๊กก็พอแล้ว แต่ปัจจุบันต้องกดปุ่มเพื่อเรียกแผงควบคุมแอร์ขึ้นมาบนหน้าจอก่อน จึงจะกดปุ่มเบาแอร์ลงได้

 

305

ระบบช่วยดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ

     ระบบ Start/Stop Engine จะช่วยดับเครื่องยนต์ชั่วคราวขณะติดไฟแดงอัตโนมัติ และจะสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งเมื่อต้องการออกตัว แต่สำหรับการใช้งานในบ้านเรานั้น กลับกลายเป็นปัญหากวนใจใครหลายคนไม่น้อย เพราะระบบที่ว่านี้จะทำให้แอร์รถไม่เย็นฉ่ำระหว่างที่เครื่องยนต์ดับ แถมบางทีรถติดแบบเคลื่อนตัวได้ทีละนิด จู่ๆ เครื่องยนต์ก็ดับลงเฉย เสียจังหวะในการขับรถไปอีก

 

300

ยางแบบรันแฟลต

     ยาง Run Flat ช่วยให้รถสามารถขับขี่ต่อไปได้ชั่วคราวเมื่อลมยางรั่ว โดยอาศัยแก้มยางที่แข็งแรงเป็นพิเศษช่วยพยุงรถให้เคลื่อนที่ต่อไปได้แม้ไม่มีแรงดันลมยางเลยก็ตาม โดย Bridgestone ระบุว่ายางของบริดสโตนสามารถขับขี่โดยไม่มีลมยางได้ถึง 80 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. ซึ่งว่าไปก็ดูเหมือนจะเพียงพอสำหรับการตระเวนหาร้านยางเพื่อแก้ไขให้เรียบร้อย

     แต่ในความเป็นจริงนั้น ถนนบ้านเราเต็มไปด้วยหลุมบ่อมากมายมหาศาล ซึ่งหลุมหรือฝาท่อเหล่านี้เป็นตัวบั่นทอนแก้มยางรันแฟลตชั้นดี เพราะจะทำให้แก้มรันแฟลตบิ่น รถจะเกิดอาการสั่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ล้อหมุน ทำให้ระยะทางในการขับขี่สั้นลง จนสุดท้ายก็ต้องเรียกรถสไลด์เพื่อไปร้านยางอยู่ดี แถมยางรันแฟลตเส้นหนึ่งก็ตกอยู่เป็นหลักหมื่นบาท เปลี่ยนทั้งชุดทีหนึ่งก็ปาเข้าไปครึ่งแสนบาทแล้ว สู้ใส่ยางธรรมดาที่ถูกกว่า นุ่มกว่า แล้วหาชุดปะยางแจ่มๆ ติดรถไว้ แค่นี้ก็พอ

     แต่ถึงอย่างไร ประโยชน์ของยางรันแฟลตก็ถือว่าไม่น้อย เพราะยางประเภทนี้จะช่วยรักษาเสถียรภาพขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง หากจู่ๆ เกิดเหยียบตะปูยางแตกขึ้นมา ผู้ขับขี่ก็ยังสามารถประคองตัวรถเข้าข้างทางได้อย่างปลอดภัย เราจึงเห็นได้ว่ารถเยอรมันส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งยางรันแฟลตเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพราะเยอรมนีมีถนนออโตบาห์นที่ไม่จำกัดความเร็วนั่นเอง

 

304

ระบบสั่งงานด้วยเสียง

     ระบบสั่งงานด้วยเสียงจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อใช้กับระบบอินโฟเทนเม้นท์ที่มีเมนูซับซ้อนมากๆ อย่างเช่น ระบบ iDrive ของ BMW หรือ COMAND ของ Mercedes-Benz ซึ่งการสั่งงานด้วยเสียงจะช่วยเรียกเมนูที่ต้องการขึ้นมาได้เร็วขึ้น ไม่ต้องหาเองให้วุ่นวาย แต่หากเป็นระบบอินโฟเทนเม้นต์ที่ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่นัก ระบบสั่งงานด้วยเสียงก็มักจำกัดเพียงไม่กี่ฟังก์ชั่น เช่น การเปลี่ยนเพลง, การโทรออก, การปรับอุณหภูมิแอร์ หรือการเปิดซันรูฟ (อันนี้หลายคนรู้เลยว่าหมายถึงรถยี่ห้ออะไร) ซึ่งการสั่งงานฟังก์ชั่นพื้นๆ เหล่านี้ หากเอื้อมมือไปกดปุ่มเองดูจะง่ายและเร็วกว่าด้วยซ้ำไป

     แต่ถึงอย่างไร เราเชื่อว่ายังมีคนไม่น้อยที่ได้ประโยชน์จากอ็อพชั่นเหล่านี้ ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานของแต่ละคนครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook