รีวิว Mitsubishi Triton Athlete 2018 ใหม่ สมรรถนะเดิมแต่เสริมความหล่อดุดัน
กลุ่มผู้ใช้รถกระบะในสมัยนี้ไม่เพียงแต่ใช้เพื่อบรรทุกสิ่งของเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ซื้อรถกระบะเพื่อการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน จึงทำให้ค่ายรถยนต์หลายค่ายหันมาเจาะกลุ่มแฟนรถกระบะกลุ่มนี้ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ Mitsubishi Triton Athlete 2018 ใหม่ ที่ Sanook! Auto ได้มีโอกาสมาร่วมทดสอบในครั้งนี้
Mitsubishi Triton Athlete 2018 ใหม่ ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปช่วงปลายปี 2017 ที่ผ่านมา โดยวางตัวโปรดักส์ให้เป็นรถกระบะเชิงไลฟ์สไตล์ที่มาพร้อมชุดแต่งเบ็ดเสร็จจากโรงงาน ไม่ต้องไปติดตั้งเพิ่มทีหลังให้วุ่นวาย หรือไปคว้าเอาชุดแต่งนอกที่งานประกอบสู้กับของแท้ไม่ได้
สำหรับ Triton Athlete 2018 มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย โดยจะมีเฉพาะตัวถังแบบดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตูเท่านั้น ประกอบด้วย
- Double Cab Plus Athlete 2WD MT
- Double Cab Plus Athlete 2WD AT
- Double Cab Plus Athlete 4WD AT
ทุกรุ่นยังคงใช้เครื่องยนต์คลีนดีเซล MIVEC ความจุ 2.4 ลิตร พร้อมเทอรโบแปรผัน VG Turbo ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเฉพาะรุ่น 2WD และเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ มีให้เลือกทั้งในรุ่น 2WD และ 4WD
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบปีกนกสองชั้น คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช๊คอัพไขว้ ติดตั้งระบบเบรกหน้าดิสก์ หลังดรัม ตามฉบับรถกระบะในปัจจุบัน
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ Triton Athlete เรียกว่า Super Select 4WD II ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full-time สามารถปรับการทำงานได้ 4 โหมด ประกอบด้วย 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc พร้อมระบบล็อคเฟืองท้าย Diff Lock
ซึ่งจุดเด่นของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อชุดนี้ คือมันสามารถเป็นได้ทั้งแบบ Full-time และ Part-time ในเวลาเดียวกัน โดยที่โหมดขับเคลื่อนแบบ 4H สามารถใช้งานได้แม้บนถนนเรียบปกติและใช้ความเร็วสูง ซึ่งจะมีการกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละข้างตามสภาพการขับขี่โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน ต่างจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Part-time ทั่วไป ที่การใช้โหมด 4H จะทำให้รถเกิดการลื่นไถลบนทางเรียบหรือทางเปียก ซึ่งมิตซูบิชิจะเรียกโหมดประเภทนี้ว่า 4HLc ที่เหมาะสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดที่มีพื้นผิวไม่เรียบ หรือต้องการกำลังปีนป่ายมากกว่าปกติ และมันยังสามารถเปลี่ยนเป็นโหมดขับเคลื่อนสองล้อหลังได้อย่างสมบูรณ์ในโหมด 2H เช่นเดียวกับรถขับเคลื่อนล้อหลังปกติ ซึ่งให้การประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า
อุปกรณ์ภายนอกของทั้ง 3 รุ่นย่อย มีมาให้เหมือนกันทั้งหมด ได้แก่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Xenon พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ตกแต่งฐานไฟหน้าด้วยสีดำ, กระจังหน้าตกแต่งด้วยสีดำพร้อมลายรังผึ้งด้านใน, กรอบไฟตัดหมอกสีดำ, ซุ้มล้อสีดำ, ชุดตกแต่งกันชนหน้า, กระจกมองข้างสีดำ, มือเปิดประตูด้านนอกสีดำ และกันชนหลังสีดำ
บริเวณกระบะท้ายติดตั้งสปอยเลอร์หลัง, สไตล์ลิ่งบาร์ และพื้นปูกระบะท้ายมาให้จากโรงงาน ทุกรุ่นถูกติดตั้งล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/65 R17 เหมือนกันทั้งหมด ตบท้ายด้วยสติ๊กเกอร์ลายสีดำ-ส้มรอบคันเพื่อบ่งบอกว่าเป็นรุ่นพิเศษ โดยที่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีสัญลักษณ์ 4X4 บริเวณกระบะท้ายมาให้ด้วย
ชุดแต่ง Athlete ไม่ได้มีเฉพาะภายนอกเท่านั้น แต่ภายในยังมีเบาะนั่งหุ้มหนังสีดำ-ส้ม ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ Athlete พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางฝั่งผู้ขับทุกรุ่น เสริมด้วยตะเข็บสีส้มบริเวณพวงมาลัย, หัวเกียร์ และแผงประตู
สำหรับเบาะนั่งด้านหลังถูกติดตั้งพนักพิงศีรษะแบบปรับระดับให้ทั้ง 3 ตำแหน่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุดมาให้ทั้ง 3 ตำแหน่งเช่นเดียวกัน
สำหรับเครื่องเสียงในรุ่น 4WD เป็นหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่ยกมาจาก Pajero Sport พร้อมระบบนำทางในตัว รองรับแผ่น DVD/MP3 และช่องต่อ USB รวมถึงสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อการฟังเพลงจากมือถือหรือคุยโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรีได้ มาพร้อมลำโพงทั้งหมด 6 ตำแหน่งรอบคัน
ขณะที่รุ่น 2WD ทั้งตัวเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดา จะเป็นหน้าจอสัมผัสขนาดเล็กกว่า รองรับแผ่น DVD/MP3 และ USB ได้เช่นเดียวกัน แต่จะไม่มีระบบนำทางมาให้ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ได้ด้วย (ส่วน Android Auto คงต้องรอจนกว่ากูเกิลจะเปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการในประเทศไทย) โดยที่รุ่น 2WD จะมีลำโพงให้ทั้งหมด 4 ตำแหน่ง
เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง หน้าจอเครื่องเสียงจะแสดงภาพจากกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะมาให้ ซึ่งมีให้ทั้ง 3 รุ่นย่อย
ไล่ลงมาเป็นแผงสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ โดยรุ่น 4WD จะเป็นแบบ 2 โซนปรับแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้ ขณะที่พอร์ต USB สำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์จะอยู่ใต้สวิตช์แอร์ ใกล้กับช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์
ฝั่งผู้ขับขี่ติดตั้งพวงมาลัยแบบ 4 ก้านดีไซน์แบบเดียวกับ Pajero Sport มาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง, ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง, ปุ่มควบคุมโทรศัพท์ และปุ่มควบคุม Cruise Control โดยที่รุ่น 4WD จะถูกติดตั้งแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift มาให้ด้วย
ด้านระบบความปลอดภัยของ Triton Athlete 2018 ถูกติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้ามาให้เป็นมาตรฐาน, ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบล็อคประตูอัตโนมัติตามความเร็ว, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX ฯลฯ
ขณะที่รุ่น 4WD จะถูกเสริมด้วยถุงลมนิรภัยด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมหัวเข่าฝั่งผู้ขับขี่, ระบบควบคุมเสถียรภาพและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Active Stability and Traction Control, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA และระบบเพิ่มแรงเบรก Brake Assist
สำหรับเส้นทางการทดสอบครั้งนี้ เรามุ่งหน้าจากย่านเพลินจิตไปยัง อ.เขาใหญ่ ซึ่งได้สัมผัสทั้งทางเรียบและทางคดเคี้ยวอย่างสนุกสนาน
ด้านสมรรถนะการขับขี่ของ Triton Athlete 2018 นั้น พูดได้เต็มปากเลยว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะสเป็คเครื่องยนต์และช่วงล่างเหมือนกับรุ่นปกติทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรขุมพลังคลีนดีเซล 2.4 ลิตร ก็ยังถือว่ามีกำลังให้เค้นอย่างเหลือเฟือไม่แพ้คู่แข่ง ทั้งอัตราเร่งและการใช้ความเร็วสูง
ขณะที่ระบบเกียร์แบบ 5 จังหวะให้อัตราทดต่อเนื่องดี แม้ว่าจะไม่เนียนเท่ากับเกียร์ 8 จังหวะใน Pajero Sport แต่ก็ต้องทำใจเพราะค่าตัวต่างกันอยู่พอสมควร
ขณะที่ช่วงล่างยังคงให้การเกาะถนนดีตามสไตล์มิตซูบิชิ สามารถเข้าโค้งได้นิ่งและเนียน น้ำหนักพวงมาลัยค่อนไปทางเบา ทำให้ควบคุมได้ง่าย แต่จังหวะที่ผ่านช่วงรอยต่อถนน หรือวิ่งบนพื้นผิวขรุขระ ก็จะมีอาการสะเทือนเข้ามายังห้องโดยสารอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าอยู่ในจุดที่รับได้ เพราะหากเซ็ทให้ช่วงล่างนิ่มกว่านี้ ก็ต้องแลกมาด้วยประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่น้อยลงไป
ส่วนความเงียบภายในห้องโดยสารยังคงเป็นจุดเด่นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากช่วงล่าง, พื้นถนน และเสียงลมปะทะ ยังคงความสงบเงียบภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี ทำให้บรรยากาศขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงค่อนข้างผ่อนคลาย
สรุป Mitsubishi Triton Athlete 2018 ใหม่ ชูจุดเด่นด้วยอุปกรณ์ตกแต่งภายนอก-ภายในจากโรงงาน ไม่ต้องไปติดตั้งเพิ่มเติมให้วุ่นวาย แถมยังได้อุปกรณ์ตกแต่งแท้ที่ออกแบบมาเฉพาะ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพการประกอบและการทำสีเหมือนกับชุดแต่งนอก ขณะที่สมรรถนะการขับขี่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ถือว่าเป็นกระบะที่มีสมรรถนะเครื่องยนต์และช่วงล่างดีในระดับต้นๆ ของตลาดอยู่แล้ว ดังนั้น หากใครชอบดีไซน์กระบะที่ดูโค้งมนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Triton มาตั้งแต่โฉมที่แล้ว และเสริมด้วยชุดแต่งที่ดูเข้มดุดันมากขึ้น ก็จัดไปได้เลย
ราคาจำหน่าย Mitsubishi Triton Athlete 2018 มีดังนี้
- Double Cab Plus Athlete MT ราคา 879,000 บาท
- Double Cab Plus Athlete AT ราคา 924,000 บาท
- Double Cab Plus Athlete 4WD AT ราคา 1,111,000 บาท
อัลบั้มภาพ 57 ภาพ