แนะนำ 3 ทางออกใช้ได้จริงสำหรับคนผ่อนรถต่อไม่ไหว
เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเผชิญปัญหาผ่อนรถไม่ไหว ไม่สามารถนำเงินมาชำระได้ตามกำหนดเวลา จนกระทั่งกลายเป็นหนี้ค้างสะสมเวลาหลายเดือน จวนเจียนจะถูกไฟแนนซ์ยึดรถคืนเต็มที แบบนี้จะทำอย่างไรได้บ้าง?
หลายคนที่กำลังเผชิญปัญหาลักษณะนี้ อาจถูกเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์โน้มน้าวให้คืนรถกับบริษัทไฟแนนซ์ (พูดง่ายๆ คือ ปล่อยให้โดนยึดนั่นแหละ) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เนื่องจากเมื่อไฟแนนซ์ยึดรถคืนไปแล้ว ก็จะนำไปขายหรือประมูลต่อในราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ยกตัวอย่าง หากราคากลางรถมือสองรุ่นนั้นอยู่ประมาณ 400,000 บาท ไฟแนนซ์อาจขายรถไปในราคาเพียง 200,000 บาท ซึ่งส่วนต่างนี้จะถูกนำมาเรียกเก็บกับผู้เช่าซื้ออีกครั้งพร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายต่างๆ และยังมีสิทธิ์ถูกฟ้องได้ วิธีนี้จึงทำให้ผู้เช่าซื้อยังคงวนเวียนอยู่ในบ่อหนี้แม้ว่าจะไม่มีรถใช้แล้วก็ตาม
แต่อย่างไรก็ดี หากไม่สามารถนำเงินมาชำระค่างวดได้จริงๆ ยังพอมีทางออกเพื่อบรรเทาหนี้ก้อนนี้ได้ แลกกับการกัดฟันยอมเหนื่อยขึ้นอีกเล็กน้อย ดังนี้
1.ขายดาวน์ต่อ
กรณีที่มูลค่ารถยนต์ในขณะนั้นสูงกว่ายอดหนี้ที่เหลือ เราสามารถใช้วิธีขายดาวน์ต่อให้ผู้อื่นได้ วิธีนี้จะเป็นการขายต่อรถให้ผู้อื่น โดยผู้ซื้อต่อจะต้องนำเงินสดมาเป็นเงินดาวน์ให้กับเรา จากนั้นจึงเปลี่ยนสัญญาให้ผู้ซื้อผ่อนชำระค่างวดส่วนที่เหลือต่อไป วิธีนี้จะทำให้เราได้เงินติดมือกลับมาบ้าง
2.เปลี่ยนสัญญาให้ผู้อื่นผ่อนต่อ
หากมูลค่ารถยนต์ในขณะนั้นต่ำกว่ายอดหนี้ที่เหลืออยู่ คงไม่มีใครควักเงินดาวน์มาจ่ายคุณอย่างแน่นอน วิธีนี้คงต้องยอมเฉือนเนื้อตัวเองด้วยการเปลี่ยนสัญญาแบบฟรีๆ โดยให้ผู้ซื้อต่อรับผิดชอบยอดหนี้ที่เหลือ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องเปลี่ยนชื่อในสัญญาเป็นผู้ซื้อต่อด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเชิดรถหนีในภายหลัง ซึ่งคุณเองก็จะต้องผ่อนต่อโดยไม่มีรถใช้ แถมยังเสี่ยงถูกข้อหายักยอกทรัพย์ด้วย เนื่องจากรถยังเป็นกรรมสิทธิ์ของไฟแนนซ์ ผู้ครอบครองไม่มีสิทธิ์นำไปขายหรือยกให้ผู้อื่นต่อ
3.รีไฟแนนซ์รถยนต์
การรีไฟแนนซ์รถเป็นอีกทางออกหนึ่งในการยืดระยะเวลาผ่อน เพื่อให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลง และหลีกเลี่ยงปัญหามีประวัติเสียกับเครดิตบูโร ซึ่งวิธีนี้ต้องทำใจกับดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากสถาบันการเงิน แถมยังต้องเป็นหนี้ยาวนานขึ้นด้วย และหากคุณยังไม่สามารถจัดการปัญหาทางการเงินของคุณได้โดยเร็ว ก็จะต้องเผชิญกับปัญหาเดิมๆ ที่จะตามมาอีกในอนาคต
เหล่านี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น ต้นเหตุสำคัญที่สุด คือ การประเมินความสามารถในการผ่อนชำระตั้งแต่แรก อย่าให้ความโลภเข้ามาบังตา เพราะในที่สุดก็จะกลายเป็นปัญหาตามมาในอนาคต