4 ความเชื่อใช้รถเกียร์ออโต้แบบผิดๆ ที่ทำให้เกียร์พังเร็ว
ระบบเกียร์เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อ ช่วยให้รถขับเคลื่อนไปได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเกียร์ออโต้ในรถแต่ละคันมีอายุการใช้งานยาวนานในระดับหนึ่ง และยังเป็นชิ้นส่วนที่มีราคาอะไหล่สูงมากอีกด้วย จนมีบางคนกล่าวว่าหากต้องยกเกียร์ใหม่ ซื้อรถใหม่ไปเลยคุ้มกว่า!
แต่ปัจจุบันหลายคนยังมีพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์เกียร์อัตโนมัติแบบผิดๆ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะบั่นทอนให้อายุการใช้งานของเกียร์สั้นลง Sanook! Auto จึงขอแนะ 4 พฤติกรรมใช้รถเกียร์ออโต้แบบผิดๆ ที่คุณเองก็อาจกำลังทำอยู่เช่นกัน
1.ปล่อยไหลด้วยเกียร์ N
หลายคนที่เคยขับรถเกียร์ธรรมดามาก่อน อาจติดนิสัยเข้าเกียร์ว่างแล้วปล่อยให้รถไหลไปเรื่อยๆ จนหยุดนิ่ง ซึ่งในกรณีรถเกียร์ธรรมดาสามารถทำได้โดยไม่มีปัญหา แต่ในเกียร์ออโต้ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะการผลักเกียร์ไปยังตำแหน่ง N จะทำให้ปั๊มหยุดการฉีดจ่ายน้ำมันหล่อลื่นห้องเกียร์ ขณะที่ชุดเกียร์เองยังคงหมุนอยู่ตามการหมุนของล้อ ซึ่งจะทำให้ชุดเกียร์เกิดการสึกหรอได้ เพราะไม่มีแรงดันน้ำมันเกียร์ช่วยหล่อลื่น
นอกจากนั้น การปล่อยรถไหลขณะใส่เกียร์ N เพราะเข้าใจว่าจะช่วยประหยัดน้ำมันได้นั้น เป็นความคิดที่ผิดโดยสิ้นเชิง เพราะทันทีที่ใส่เกียร์ N เครื่องยนต์จะสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อป้องกันรถดับ ซึ่งมีอัตราการกินน้ำมันเทียบเท่าการสตาร์ทเครื่องยนต์จอดทิ้งไว้เฉยๆ แต่หากปล่อยรถไหลด้วยเกียร์ D ตามปกติ สมองกลจะสั่งตัดการจ่ายน้ำมันทันทีที่ปล่อยคันเร่ง แต่เครื่องยนต์ยังคงหมุนอยู่ได้ตามการหมุนของล้อนั่นเอง
2.สลับไปมาระหว่าง D และ R ขณะที่รถยังไม่หยุดสนิท
พฤติกรรมนี้พบเห็นได้บ่อยเวลาขับรถไปจอดตามสถานที่ต่างๆ หลายคนยังไม่หยุดรถให้นิ่งสนิท ก็ใจร้อนสลับเกียร์เดินหน้า-ถอยหลังเสียแล้ว ซึ่งการสลับเกียร์ระหว่าง D ไป R หรือ R ไป D จะทำให้แรงดันน้ำมันเกียร์ไหลกลับทิศทางอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้แผ่นคลัทช์ในเกียร์อัตโนมัติเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติได้
3.เปิดโหมด Sport ค้างไว้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
รถยนต์รุ่นใหม่ๆ มักมีโหมด Sport มาให้เลือก ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบตำแหน่งเกียร์ถัดลงมาจากเกียร์ D (รถบางรุ่นมีลำดับขั้นเกียร์ P-R-N-D-S-L) หรือบางรุ่นอาจเป็นปุ่ม Sport แยกไว้ต่างหาก ซึ่งการทำงานของโหมดสปอร์ตโดยทั่วไป จะช่วยให้เกียร์เปลี่ยนอัตราทดในรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ทำให้รถมีแรงบิดมากขึ้น สามารถเร่งแซงได้อย่างทันใจ
แต่โหมด Sport ไม่ควรใช้กับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานานๆ ตัวอย่างเช่น กรณีขับออกต่างจังหวัด เพราะโหมด Sport ในรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จะป้องกันไม่ให้เกียร์เปลี่ยนไปยังอัตราทดสูงสุด พูดง่ายๆ คือ หากรถมีอัตราทด 5 สปีด สมองกลจะสั่งให้เปลี่ยนอัตราทดระหว่าง 1-4 เท่านั้น ทำให้เครื่องยนต์ลากรอบสูงเมื่อขับทางไกล สิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ
4.ลากยาวเกียร์ D ขณะลงเขา
การลงเขาเป็นระยะทางยาวๆ ไม่ควรใช้เกียร์ D ตลอดเวลา เพราะจะทำให้ระบบเบรกทำงานหนักจนเกิดความร้อนสูง ส่งผลให้เกิดอาการเบรกเฟด (Brake Fade) ไม่สามารถชะลอความเร็วลงได้ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุตามมา
ทางที่ดี การลงเขาควรใช้ตำแหน่งเกียร์ 3, 2, 1 (หรือ L) ตามความเร็วในขณะนั้น โดยประคองให้รอบเครื่องยนต์อยู่ในระดับ 2,500 - 3,000 รอบต่อนาทีเป็นอย่างต่ำ เพื่อเพิ่มแรงเบรกจากเครื่องยนต์ (Engine Braking) ช่วยลดภาระของระบบเบรกได้
หากใครยังเผลอทำพฤติกรรมใดๆ ที่กล่าวไปข้างต้นแล้วล่ะก็ ให้รีบแก้ไขเพื่อยืดอายุการใช้งานเกียร์ออโต้ให้อยู่กับเราไปนานๆ ด้วยนะครับ