MG3 ใหม่ ปล่อยของแบบเต็มพิกัด เติมความสนุกให้เต็มทุกเส้นทาง!
วิเคราะห์ เอ็มจี 3 ใหม่ ใหม่ แบบเจาะลึก หลังจากเปิดตัวแรงทุกกระแสได้รับคำชมทางบวกอย่างล้นหลาม อะไรคือข้อดีที่ได้ใจนักขับยุค 2018 ไปแบบเต็มๆ
- เอ็มจี 3 ใหม่ ถูกออกแบบให้เป็นมากกว่ารถยนต์
เพราะเข้าใจชัดว่าคนยุคนี้ต้องการความสมบูรณ์แบบในทุกทางส่งผลให้เอ็มจี 3 ใหม่ ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์คนเมืองแบบรอบด้าน นอกจากจะทำหน้าที่เป็นพาหนะขับเคลื่อน เอ็มจี 3 ใหม่ ยังเป็นเหมือนแอ๊คเซสเซอรี่ชิ้นหรูที่เสริมไลฟ์สไตล์ของผู้ขับให้ชัดเจนขึ้นด้วยการออกแบบที่ดูล้ำสมัย ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและการตกแต่งภายใน ส่วนของสมรรถนะการขับขี่ก็ปราดเปรียวพร้อมด้วยช่วงล่างที่ให้ความมั่นใจได้ว่าปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ ที่สำคัญคือเรื่องของเทคโนโลยีที่ช่วยให้ทุกการเดินทางสนุกยิ่งขึ้น
- มองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง We Are Fun & Brit Dynamic คือโจทย์หลักของการออกแบบเอ็มจี 3 ใหม่
เมื่อเริ่มต้นด้วยความสนุก ผลลัพธ์ที่ได้จึงยิ่งสนุก แนวคิดในการออกแบบบริท ไดนามิคของเอ็มจี 3 ใหม่ มาจากรถต้นแบบอย่างเอ็มจี อี-โมชั่น (E-Motion) เพื่อคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของรถสัญชาติอังกฤษที่เน้นในเรื่องสมรรถนะ การควบคุม การออกแบบ และความปลอดภัย ก่อนจะมาผสมผสานกับนิยามใหม่ของรถแฮทช์แบ็คคันนี้ที่ว่า We Are Fun หรือมองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง จนได้รูปโฉมภายนอกที่ดูปราดเปรียว มีเอกลักษณ์ ส่วนภายในก็เต็มไปด้วยสมรรถนะที่เรียกได้ว่าครบเครื่องสำหรับรถคนเมืองยุคนี้
- ข้างนอกสวยเฉียบทุกมุม
เอ็มจี3 ใหม่ เตะตาด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ให้ความหรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเอ็มจีอย่างชัดเจน ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) สอดรับกับไฟท้ายแนวตั้งแบบแอลอีดี ไลท์ไกด์ (LED Light Guide) พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลัง ก่อนจะเพิ่มความสปอร์ตอย่างโฉบเฉี่ยว ที่ไม่มีในรถอื่นๆ ขนาดเดียวกัน ด้วยหลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า เสริมด้วยสปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต สเกิร์ตข้างสีทูโทน และล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว
สีสันภายนอกเป็นแนวบริท ดูโอ้ คัลเลอร์ส สไตลิ่ง (Brit Duo Colour Styling) ให้ความสดใสในสไตล์ของแต่ละคน ด้วยตัวถังถึง 5 สีคือ สีเหลืองหลังคาดำ (Tudor Yellow - Blacktop), สีแดงหลังคาดำ (Ruby Red - Black Top), สีฟ้าหลังคาขาว (Marina Blue - White Top), สีขาว (Arctic White) และสีดำ (Black Knight)
- สนุกกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในแบบสปอร์ตพรีเมี่ยม
ด้วยความกว้างขวางของทั้งที่นั่งแถวหน้าและแถวหลัง เบาะคนขับปรับได้ถึง 6 ทิศทาง ขณะที่เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้ 4 ทิศทาง ส่วนของเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับแยกส่วนได้ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระ พวงมาลัยหุ้มหนังเป็นแบบมัลติฟังก์ชัน สามารถควบคุมเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับและวางสายโทรศัพท์ รวมทั้งมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
ส่วนคอนโซลหน้าสะท้อนความสปอร์ต ด้วยการตกแต่งเส้นสายสีสันโมเดิร์นกราฟิก ระบบปรับอากาศเป็นแบบอิเล็คทรอนิก พร้อมช่องแอร์ทรงกลมสไตล์เจ็ท เทอร์ไบน์ ขณะที่ตรงกลางคอนโซลหน้าติดตั้งจอระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้ว เพื่อเติมความสนุกบนทุกเส้นทางจาก i-SMART เทคโนโลยี ที่สามารถรองรับการสั่งงานฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถได้ด้วยเสียงภาษาไทย สั่งการผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน และสั่งการด้วยปลายนิ้วบนจอทัชสกรีน โดยเฉพาะในเรื่องของ Multimedia และ Entertainment ที่รองรับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ช่วยให้ผู้ขับขี่สนุกกับทุกๆ การเดินทางมากขึ้น
ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งาน WONGNAI สำหรับเสิร์ชหาร้านอาหารและแนะนำเมนูเด็ด จากระบบของ WONGNAI ฟังก์ชันใช้งาน AGODA เพื่อค้นหาโรงแรมและที่พักในระบบ AGODA เมื่อต้องท่องเที่ยวหรือเดินทางค้างแรม รวมทั้งฟังก์ชันใช้งาน Online Music อันเป็น Live Stream จากบนระบบคลาวด์มากกว่า 1 ล้านเพลง
- สนุกกับขุมพลังขับเคลื่อนสีสันชีวิต
ด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ DOHC VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 112 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานด้วยเกียร์อัตโนมัติใหม่เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่อย่างสนุกและเต็มประสิทธิภาพ และความปลอดภัยยิ่งกว่าใคร ทั้งระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design) พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า สมทบด้วยระบบความปลอดภัยแบบ Synchronize Protection System รวม 8 ฟังก์ชัน ที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว
- เอ็มจี 3 ใหม่ ยกระดับความปลอดภัยสู่อีกระดับขั้น
ทั้งระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS - Anti-Lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD- Electric brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBA - Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS - Stability Control System) เข้าโค้งอย่างมั่นใจด้วยระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง (CBC - Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System) และระบบป้องกันการชื่นไถล เมื่อเกียร์บดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor Control Slide Retainer)
ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดข้างต้น ที่เอ็มจี3 ใหม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน จึงผลักดันให้รถแฮทช์แบ็คคันนี้ กลายเป็นตัวเลือกต้นๆ ของคนรุ่นใหม่ แถมเมื่อหันมาพิจารณาราคาค่าตัว ที่เริ่มต้นรุ่น C ราคา 519,000 บาท รุ่น D ราคา 549,000 บาท รุ่น X ราคา 589,000 บาท และสูงสุดรุ่น V ราคา 629,000 บาท คงใช้คำว่า ราคาเหมาะสมไม่ได้เพราะเอ็มจี3 ใหม่มีค่าตัวเกินคุ้มไปแล้ว
[Advertorial]