รีวิว Nissan Terra 2019 ใหม่ เห็นเรียบๆ แต่เทอร์โบคู่แรงเพียบนะจ๊ะ

รีวิว Nissan Terra 2019 ใหม่ เห็นเรียบๆ แต่เทอร์โบคู่แรงเพียบนะจ๊ะ

รีวิว Nissan Terra 2019 ใหม่ เห็นเรียบๆ แต่เทอร์โบคู่แรงเพียบนะจ๊ะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     Nissan Terra 2019 ใหม่ พีพีวีรุ่นล่าสุดพร้อมขุมพลังเทอร์โบคู่ 2.3 ลิตร เห็นภายนอกเรียบๆ แต่บอกเลยว่า “แรง” จนน่ากลัวกว่าที่คิด

     หลังจากที่ใครหลายคนเฝ้ารอมานานแรมปี ในที่สุดนิสสันประเทศไทยก็ได้ฤกษ์วางจำหน่ายพีพีวีรุ่นแรกของค่ายเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกอาจจะไม่ฉีกไปจากกระบะ Navara มากนัก เนื่องจากเป็นดีไซน์ของตลาดโลกที่ต้องใช้ร่วมกัน แต่ก็มีการปรับทั้งเครื่องยนต์และอุปกรณ์ภายในให้น่าใช้งานไม่แพ้กับคู่แข่ง ควบคู่กับการตั้งราคาจำหน่ายรุ่นท็อปไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ขณะที่บางค่ายฉีกไปแตะ 1.7 ล้านกันแล้ว

101

     Nissan Terra 2019 เวอร์ชั่นไทยมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย

  • 2.3 V 2WD 7AT
  • 2.3 VL 2WD 7AT
  • 2.3 VL 4WD 7AT

     ทุกรุ่นถูกติดตั้งเครื่องยนต์บล็อกเดียวกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้นหรือรุ่นท็อป โดยเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 4 สูบ ความจุ 2.3 ลิตร พ่วงกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด และมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์ พร้อมระบบ Brake Limited Slip Differential ติดตั้งไว้ในรุ่นท็อปสุด

141

     ดีไซน์ภายนอกของ Terra มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นนิสสัน ด้วยเอกลักษณ์กระจังหน้าทรง V-Motion ขนาดใหญ่ พร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED เปิด-ปิดอัตโนมัติและไฟส่องสว่างเวลากลางวันทรงบูมเมอแรงในทุกรุ่นย่อย มีไฟตัดหมอกหน้ามาให้เหมือนกันทั้งหมด

01

     เส้นสายด้านข้างตั้งแต่เสา B-pillar ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด มีโป่งสันบริเวณซุ้มล้อหลังที่ช่วยให้ดูบึกบึนขึ้นมาหน่อย ติดตั้งบันไดข้างสีเงินขนาดใหญ่, กระจกมองข้างปรับ-พับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED และใช้ฝาครอบสีเดียวกับตัวรถทุกรุ่น

150

     ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ LED Light Guide พร้อมแถบเหนือป้ายทะเบียนสีเงิน, ประตูท้ายไม่มีระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้ามาให้, บริเวณด้านล่างของกันชนตกแต่งด้วยลายคาร์บอนเคฟล่าร์ช่วยให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น มาพร้อมล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/60 R18 ทุกรุ่นย่อย

126

     ภายในห้องโดยสารยกชุดมาจาก Navara แทบทั้งหมด โดยรุ่นท็อป (2.3 VL 4WD) จะถูกตกแต่งเบาะนั่งและแผงประตูด้วยโทนสีน้ำตาล เบาะนั่งฝั่งผู้ขับขี่สามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มดันหลังไฟฟ้า ส่วนเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารเป็นแบบปรับมือ 4 ทิศทาง ไม่มีระบบปรับไฟฟ้ามาให้แม้แต่รุ่นเดียว

135

     เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับเลื่อนหน้า-หลัง, ปรับเอน และปรับพับแยกแบบ 60:40 มาพร้อมพนักพิงศีรษะปรับขึ้น-ลงได้ 2 ตำแหน่ง ไม่มีพนักพิงศีรษะสำหรับผู้โดยสารคนกลาง และมีปุ่มพับเบาะแบบไฟฟ้า (1-Touch Remote Fold and Tumble) บริเวณใกล้กับที่วางแก้วน้ำ เมื่อกดปุ่มดังกล่าว พนักพิงเบาะจะถูกพับลงและตัวเบาะจะถูกยกตลบขึ้น ทำให้เข้า-ออกเบาะนั่งแถวที่ 3 ได้สะดวก

134

     ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 มีพนักพิงศีรษะให้ 2 ตำแหน่ง พร้อมช่องวางแก้วน้ำและเก็บของทั้งซ้ายและขวา ตัวเบาะสามารถปรับแยกแบบ 50:50 ได้ แม้ว่าเมื่อพับเบาะลงจะไม่ถึงกับราบเรียบไปกับพื้นห้องโดยสาร แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงและสามารถใช้บรรทุกสิ่งของได้อย่างสบาย

     ทั้งนี้ พื้นที่ห้องโดยสารบริเวณเบาะนั่งแถวที่ 3 ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับคู่แข่ง ผู้เขียนที่มีความสูง 173 สามารถนั่งโดยสารได้โดยศีรษะไม่ติดหลังคา ส่วนพื้นที่วางขาก็สามารถปรับเบาะนั่งแถวที่ 2 ไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มระยะห่างของหัวเข่าได้ แต่จุดน่าสังเกตคือพื้นวางเท้าถูกออกแบบมาค่อนข้างสูง ทำให้การโดยสารต้องนั่งชันเข่าอยู่พอสมควร ซึ่งการเดินทางไกลๆ ก็อาจจะไม่สบายนักสำหรับบางคน

132

     เบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 มีช่องแอร์เหนือเพดานมาให้ทั้งคู่ พร้อมปุ่มปรับความแรงลมบริเวณเหนือศีรษะผู้โดยสารแถวที่ 2 จึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการกระจายความเย็น

     ทุกที่นั่งมีเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุดมาให้ทั้ง 7 ที่นั่ง คู่หน้ามีระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ พร้อมกับสัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งคู่

116

     เครื่องเสียงของ Terra 2019 เป็นแบบหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ DVD/MP3 และ Bluetooth พร้อมระบบนำทาง (ยกเว้นรุ่น 2.3 V ไม่มีระบบนำทาง) มีลำโพง 6 ตำแหน่งรอบคัน สามารถเสียบ USB/HDMI ได้ และยังมีหน้าจอติดเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลังให้ด้วย

     ขยับลงมาเป็นสวิตช์แอร์แบบอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมทั้งมีสวิตช์เปิด-ปิดระบบปรับอากาศแถวหลังมาให้ต่างหาก ใกล้กันเป็นปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ, ปุ่มเปิด-ปิดการทำงานระบบลิมิเต็ดสลิป และปุ่มระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน

124

     เหนือแผงคอนโซลยังมีช่องวางของพร้อมกับช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์มาให้ ซึ่งเหมาะสำหรับกรณีติดกล้องหน้ารถหรือชาร์จอุปกรณ์มือถือที่ใช้สำหรับนำทาง ไม่ต้องลากสายให้ระเกะระกะกวนใจ

115

     ฝั่งผู้ขับขี่ติดตั้งพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน แผงควบคุมฝั่งซ้ายใช้สำหรับควบคุมหน้าจอ MID และเครื่องเสียง ฝั่งขวาสำหรับควบคุมระบบ Cruise Control และรับ-วางสายโทรศัพท์ ขณะที่มาตรวัดความเร็วมีขนาดใหญ่ อ่านง่าย มาพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) ขนาด 5 นิ้ว ซึ่งสามารถแสดงผลการขับขี่แบบ Off-road ได้ ทุกรุ่นมีระบบกุญแจ Keyless Entry ทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์

166

     ไฮไลท์เด็ดของ Nissan Terra 2019 ใหม่ อยู่ที่กระจกมองหลังแบบ Intelligent Rearview Mirror พร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ ซึ่งกระจกตัวนี้จะแสดงภาพจากกล้องที่ติดตั้งไว้บริเวณกระจกประตูท้าย (คนละตัวกับกล้องมองภาพรอบคัน) ทำให้มองเห็นทัศนวิสัยด้านหลังโดยไม่ถูกบดบังจากผู้โดยสารหรือสิ่งกีดขวางใดๆ หากวันไหนคุณผู้อ่านเดินทางไปต่างจังหวัดแบบเต็มคันพร้อมสัมภาระแน่นเอี๊ยดเต็มท้ายรถ กระจกมองหลังที่ว่านี้จะช่วยให้มองเห็นรถคันหลังได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

     ทีแรกผู้เขียนเองก็ไม่ได้เห็นประโยชน์ของระบบที่ว่านี้สักเท่าไหร่ เพราะยังมีความเชื่อว่าองศาการมองที่สะท้อนจากกระจกจริงๆ น่าจะตอบสนองการใช้งานได้ดีกว่า แต่พอได้ใช้งานจริงก็พบว่ามุมมองที่ได้มีขนาดกว้างกว่าการสะท้อนด้วยกระจกปกติอย่างเห็นได้ชัด มองได้ถนัดกว่าที่คิดไว้ แถมยังไม่ถูกบดบังด้วยสัมภาระใดๆ ที่วางไว้ท้ายรถเลยแม้แต่นิดเดียว

     แต่หากไม่ชอบใจการทำงานของกล้องที่ว่านี้จริงๆ ก็สามารถกดปิดการทำงานได้ ก็จะกลายเป็นกระจกมองหลังแบบปกติทันที

137

     นอกจากนี้ กระจกมองหลังยังถูกใช้สำหรับแสดงภาพจากกล้องรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) ซึ่งแสดงภาพจากกล้อง 4 จุดรอบคัน และยังแสดงภาพแบบ Bird’s eye view ได้อีกด้วย ทำให้การจอดรถในที่แคบๆ ทำได้ง่ายมากขึ้น คุณผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็สามารถมองได้อย่างสะดวก

     Nissan Terra 2019 ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอื่นๆ ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีวัตถุในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางขับขี่ (Lane Departure Warning), ระบบตรวจจับวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection) รวมถึงระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) มาให้ด้วย

110

     ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานของ Nissan Terra 2019 ประกอบด้วย

  • ถุงลมนิรภัย 6 จุด (คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านถุงลม)
  • ระบบเบรก ABS/EBD/BA
  • ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ VDC
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน HDC
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS
  • สัญญาณกะระยะท้ายแบบ 4 จุด
  • จุดยึดเบาะนั่ง ISOFIX และอื่นๆ

107

     ขุมพลังของ Nissan Terra 2019 ใหม่ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ รหัส YS23DDTT แบบ 4 สูบ ความจุ 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดเกียร์ธรรมดา

159

     ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบคอยล์สปริง 5-link พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกแบบหน้าดิสก์เบรก หลังดรัมเบรก

     ตัวถังมีความยาว 4,885 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,865 มิลลิเมตร ความสูง 1,835 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร มีความสูงจากพื้นถนน 225 มิลลิเมตร

164

     เราเริ่มออกเดินทางจากจุดสตาร์ทที่โรงแรม A-Star Phulare Valley Resort จ.เชียงราย สิ่งแรกที่เราสัมผัสได้ คือ อัตราเร่งของเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 2.3 ลิตร ที่มีแรงบิดให้เค้นอย่างจัดจ้าน ซึ่งเราลองจับเวลาทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จำนวน 2 ครั้ง ได้ตัวเลขอยู่ที่ 11.30 และ 11.66 วินาทีเท่านั้นเอง นั่นทำให้ Terra 2019 กลายเป็นพีพีวีที่มีอัตราเร่งในระดับต้นๆ ของตลาดพีพีวีทั้งหมด ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบความแรงแบบตะบี้ตะบันอย่างแน่นอน (ถึงรถจะแรงแค่ไหนก็ต้องขับขี่ตามกฎหมายจราจรและอยู่บนพื้นฐานมารยาทการใช้ถนนร่วมกันด้วยนะครับ)

     ขณะที่การซับแรงสะเทือนของช่วงล่างทำได้นุ่มนวล นุ่มเสียจนมีอาการโยนให้เห็นบ้างเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง แต่กระนั้นก็ยังถือว่าอยู่ในการควบคุมเป็นอย่างดี ซึ่งจะว่าไปก็เป็นธรรมชาติของรถประเภท Body-on-frame อยู่แล้ว

170

     จุดเด่นอีกอย่างคือความเงียบของห้องโดยสาร ซึ่งสามารถเก็บทั้งเสียงลมปะทะและเสียงจากช่วงล่างได้ดีมาก สามารถพูดคุยกับคนในรถด้วยระดับเสียงปกติได้ แม้ว่าจะขับผ่านรอยต่อของพื้นถนนหรือพื้นผิวขรุขระ ก็มีเสียงรบกวนเข้ามาในระดับต่ำจนน่าพอใจ

     แต่สำหรับพวงมาลัยของ Terra นั้น การควบคุมทิศทางพวงมาลัยยังไม่กระชับฉับไวเท่าที่ควรนัก รวมถึงการตอบสนองที่ให้ความรู้สึกค่อนข้างทื่อ ไร้อารมณ์ ทำให้ Terra ไม่ได้เป็นรถที่ขับสนุกหากต้องเลาะไปตามการจราจรในเมือง ในทางกลับกันการขับขี่ต่างจังหวัดด้วยความเร็วสูง จะช่วยให้ตัวรถมั่นคงมากกว่า เพราะอัตราทดพวงมาลัยที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเพ่งสมาธิไปกับการประคองพวงมาลัยตลอดเวลา ช่วยให้ผ่อนคลายได้มากกว่าพีพีวีที่ใช้พวงมาลัยแบบไฟฟ้าอยู่นิดหน่อย (แต่ถึงอย่างไร พวงมาลัยไฟฟ้าก็น่าสนใจกว่าอยู่ดี)

     โดยรวมแล้ว Nissan Terra 2019 เป็นรถที่ขับสบาย ช่วงล่างนุ่มนวล เหมาะสำหรับขับขี่ทางไกล อีกทั้งยังมีมุมมองที่สูงกว่ารถเก๋ง ทำให้มีทัศนวิสัยดีกว่าชัดเจน

168

     สรุป Nissan Terra 2019 เป็นพีพีวีรุ่นใหม่ล่าสุดในตลาดที่มีความน่าสนใจในเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ ส่งผลให้กลายเป็นพีพีวีที่แรงเบอร์ต้นๆ ของตลาด รวมถึงอ็อพชั่นล้ำๆ อย่างกระจกมองหลัง Intelligent Rear View Mirror ซึ่งใช้งานได้จริง และยังหาไม่ได้ในรถรุ่นไหน ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานบางอย่างยังด้อยกว่าคู่แข่งอยู่ เช่น ไม่มีประตูท้ายไฟฟ้า, เบาะนั่งผู้โดยสารหน้ามีเฉพาะปรับมือ ฯลฯ แต่หากมองถึงราคาจำหน่ายที่ต่ำกว่าคู่แข่งหลายค่าย และชื่อเสียงอันยาวนานของนิสสัน ก็ทำให้ Terra 2019 กลับมาน่าสนใจไม่น้อยครับ

     ราคาจำหน่าย Nissan Terra 2019 ใหม่ มีดังนี้

  • 2.3 V 2WD 7AT ราคา 1,316,000 บาท
  • 2.3 VL 2WD 7AT ราคา 1,349,000 บาท
  • 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,427,000 บาท (รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ)

 

     ขอขอบคุณ ผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้เป็นอย่างสูง

 

อัลบั้มภาพ 66 ภาพ

อัลบั้มภาพ 66 ภาพ ของ รีวิว Nissan Terra 2019 ใหม่ เห็นเรียบๆ แต่เทอร์โบคู่แรงเพียบนะจ๊ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook