เปิดประสบการณ์ความเร็วสไตล์สายพันธุ์สปอร์ต ไปกับฟอร์ด มัสแตงปี 2018

เปิดประสบการณ์ความเร็วสไตล์สายพันธุ์สปอร์ต ไปกับฟอร์ด มัสแตงปี 2018

เปิดประสบการณ์ความเร็วสไตล์สายพันธุ์สปอร์ต ไปกับฟอร์ด มัสแตงปี 2018
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อโชว์รูมฟอร์ด ประเทศไทยส่งตรงฟอร์ด มัสแตงปี 2018 มาเปิดประสบการณ์ความเร็วพาเราพุ่งทะยานไปบนถนนด้วยขุมพลังแบบ EcoBoost กับ Performance Package ซึ่งนั่นหมายความถึงระบบที่จะทำให้การจ่ายน้ำมันแม่นยำกว่าเดิม ส่งต่อไปถึงการจุดระเบิดที่เหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือกำลังที่มากถึง 300 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 440 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที โดยที่เขาการันตีว่าประหยัดน้ำมัน! เราจะรอช้าอยู่ได้อย่างไร ทันทีที่กุญแจของรถยนต์ที่ถือเป็นตำนานอเมริกันสายพันธุ์สปอร์ตมาอยู่ในมือก็ได้เวลาออกซิ่ง เหยียบกันให้มิดไมล์ไปเลย

แรกเห็นบอกได้ทันทีว่าฟอร์ด มัสแตงโฉมใหม่ในปี 2018 คืองานออกแบบที่ลงตัว น่าจะถูกใจสายพันธุ์สปอร์ต เพราะเป็นการประกอบร่างงานดีไซน์ที่ปราดเปรียวเข้ากับความ โฉบเฉี่ยว โดยไม่ทิ้งเสน่ห์ของความบึกบึนแบบกล้ามมัดตามสไตล์อเมริกัน ที่ถูกแทรกด้วยความอ่อนช้อยแบบอิตาลีในจังหวะที่พอเหมาะ ส่วนไฟท้ายได้รับอิทธิพลจากรุ่นคลาสสิกเป็น Full-Led ซึ่งสอดรับกับกั้นชนท้ายที่มาพร้อมสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ และชุดท่อไอเสียแบบคู่ ทั้งหมดนี้สามารถสะท้อนถึงความทรงพลังได้เป็นอย่างดี

ขยายความให้เข้าใจตรงกันก่อนว่าฟอร์ด มัสแตงในปีนี้มีทั้งหมด 2 รุ่นคือ ฟอร์ด มัสแตง 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack กับการปฏิวัติเครื่องยนต์ในตำนาน V8 ให้กลายเป็นขุมพลังที่ทรงอำนาจที่สุดกับราคาเริ่มต้นที่ 4,799,000 บาท และ ฟอร์ด มัสแตง 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของรถสปอร์ตมาสู่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทุกรอบของการทำความเร็วให้ทั้งความประหยัดและมลพิษต่ำ ราคาเริ่มต้นที่ 3,599,000 บาท

รุ่นที่เรากำลังจะเตรียมเหยียบคันเร่งออกสตาร์ททะยานไปสู่ถนนในวันนี้คือ ฟอร์ด มัสแตง 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack

เสียงเครื่องยนต์ที่ปรากฏขึ้นหลังสตาร์ทของ ฟอร์ด มัสแตง EcoBoost  ดังกระหึ่มและคำรามได้เร้าใจมาก ส่วนของความสนุกที่ถือเป็นไฮไลท์ซึ่งเราตั้งตารอจะทดลองคือ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งเป็นแบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ได้ที่พวงมาลัย เมื่อได้ลองเล่นบอกได้คำเดียวว่าเจ๋งจริง! เพราะฟอร์ด มัสแตงตอบสนองได้ทันทีแบบฉับไว ทำให้สามารถเล่นกับสมรรถนะของรถในฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เขาอัดแน่นมาได้อย่างครบถ้วนกระบวนสายซิ่ง

นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ถึง 5 แบบมาให้เลือก เริ่มจาก Normal Mode ที่จะสร้างความสมดุลระหว่างความสะดวกสบายและการตอบสนองที่ฉับไว หรือถ้าคิดจะเอาไปลงสนามแข่งให้ขยับไปที่ Track Mode เพราะฟังก์ชั่นนี้เสถียรภาพการทรงตัวจะถูกปิด และคันเร่งจะปรับให้มีความไวขึ้นเพื่อให้ผู้ขับขี่รีดเอาสมรรถนะของมัสแตงออกมาให้ถึงขีดสุด ส่วนในวันฝนตกหรือในช่วงที่สภาพถนนย่ำแย่เปลี่ยนไปที่ Wet Mode เพราะระบบจะควบคุมให้การตอบสนองของคันเร่งช้าลง เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี อีกโหมดที่สนุกคือ Drag Strip Mode เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อการวิ่งแบบเต็มฝีเท้าบนทางตรง เมื่ออยู่ในโหมดนี้แรงบิดจะถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องและไม่หล่นลง พร้อมกับที่เพิ่มการยึดเกาะมากกว่าเดิม สุดท้ายคือ Sport  Mode ที่จะพาเราขับบนถนนที่คดเคี้ยวได้สนุกกว่าเดิมกับการปรับการทำงานของคันเร่งและระบบบังคับเลี้ยวให้ไวกว่าเดิม

ยุคนี้เป็นยุคเทคโนโลยีร้อยเปอร์เซ็นต์ ฟอร์ด มัสแตงจึงได้ออกแบบ Ford SyncTM3 ขึ้นมาเพื่อจัดการเรื่องการเลือกเพลง รับสายโทรศัพท์จนถึงโทรออกพร้อมส่งข้อความ และยังควบคุมระบบปรับอากาศได้แบบสบายๆ ผ่านการสั่งงานด้วยเสียง หรือหน้าจอแบบ Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว

ที่สำคัญเขายังมีระบบ Track AppsTM ที่จะช่วยประมวลและแสดงผล ทั้งสมรรถนะของรถและการขับขี่ของเราได้แบบละเอียดยิบ เช่น จับเวลาอัตราเร่ง จับเวลารอบสนามแข่ง หรือมาตรวัดแรง G

ส่วนความสบายในห้องโดยสาร การันตีได้จากตัวเองเลยว่าสะดวกมาก ให้อารมณ์เหมือนกับนั่งอยู่ในห้องนั่งบินแบบที่เขาบอกมาไม่มีผิด ด้วยองศาที่ลงตัวของเบาะนั่งกับความกว้างขวางในทัศนะวิสัยที่ได้มองในฐานะผู้ควบคุม เรียกได้ว่ามันสุดในทุกอารมณ์จริงๆ

ประสบการณ์วันนี้กับฟอร์ด มัสแตง ปี 2018 ถือได้ว่าสนุกทะลุพิกัด เรียกได้ว่าครบในทุกด้านถูกใจคนชอบความเร็วแบบไม่มีช่องที่ทำให้ต้องชะงัก เพราะทุกอย่างลื่นไหล ปราดเปรียวสมกับที่ถูกยกให้เป็นเจ้าแห่งความเร็วระดับตำนานสายพันธุ์อเมริกันโดยแท้จริงๆ

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook