ซูซูกิทุบราคา"เซเลริโอ"จับลูกค้าจยย. มั่นใจตลาดอีโคคาร์ยังฉิวโวปีหน้าขึ้นเบอร์หนึ่ง

     "ซูซูกิ" ยันตลาดหดตัวแต่อีโคคาร์กระทบน้อย มั่นใจ "เซเลริโอ" ช่วยเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ชูจุดขายความคุ้มค่า เตรียมเคาะราคาต่ำสุดในตลาด คาดยอดผลิตทะลุ 1 แสนคันก่อนกำหนด หวังขอขึ้นแชมป์ตลาดอีโคคาร์ปีหน้า

     นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองและสภาพเศรษฐกิจ มีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทำให้ยอดขายหดตัวลง แต่กลุ่มอีโคคาร์นั้นถือว่าได้รับผลกระทบน้อยในปีที่ผ่านมายังคงมีสัดส่วนยอดขายราว 26-28% ของกลุ่มรถยนต์นั่ง และคาดว่าปีนี้ยอดขายอีโคคาร์ก็น่าจะลดลงน้อยกว่าภาพรวมของตลาด ทำให้บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการดำเนินงานต่าง ๆ ตามเดิม และไม่มีนโยบายในการผลักภาระสต๊อกให้กับดีลเลอร์ โดยทำกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

     นายวัลลภกล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทเป็นผู้นำตลาดอีโคคาร์รุ่นแฮตช์แบ็ก ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 30% และในปีนี้ก็ได้แนะนำรถยนต์อีโคคาร์รุ่นใหม่คือขนาดเครื่องยนต์ 1 ลิตร รุ่น "เซเลริโอ" (Celerio)

     ซึ่งเป็นอีโคคาร์เพียงรุ่นเดียวที่เปิดตัวในปีนี้ ด้วยกลยุทธ์นำเสนอความคุ้มค่า และราคาจำหน่ายที่จะเปิดตัวในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในตลาดย่างแน่นอน (ต่ำกว่ารุ่นมิตซูบิชิ มิราจ ที่มีราคาเริ่มต้น 3.8 แสนบาท)

     การทำตลาดสำหรับเซเลริโอนั้น จับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจากรุ่นสวิฟท์ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบความแตกต่าง และชอบดีไซน์ของตัวรถ ส่วนเซเลริโอนั้นจะเน้นกลุ่มที่กว้างกว่านั่นคือกลุ่มที่ต้องการมีรถยนต์คันแรก มีความจำเป็นในการใช้รถ อาทิ กลุ่มนักศึกษา เฟิรสต์จ็อบเบอร์ กลุ่มที่มองหารถยนต์คันที่ 2 ของครอบครัว กลุ่มคนที่เคยใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งปีนี้ไม่ได้มีปัจจัยมากระตุ้นตลาด บริษัทจึงมุ่งเน้นให้กลุ่มลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้สัมผัสสินค้าด้วยการจัดให้ทดลองขับก่อนตัดสินใจมากขึ้น มากกว่ามุ่งเน้นในด้านแคมเปญ

     "เราคาดหวังว่าเมื่อคนคิดจะมีรถคันแรกต้องนึกถึงซูซูกิ เซเลริโอก่อน อย่างคนที่ซื้ออีโคคาร์ทั่วไปต้องผ่อนประมาณ 7,000-9,000 บาท แต่เซเลริโอจะต่ำกว่านั้น ทำให้คนเข้าถึงสินค้าง่าย ซึ่งอีโคคาร์ปัจจุบันมากินตลาดบีคาร์ แต่เซเลริโอเป็นรถที่เจาะอีกตลาด ยังไม่มีค่ายไหนทำตลาดตรงนี้จริงจัง" นายวัลลภกล่าว

     อย่างไรก็ตาม บริษัทก็มั่นใจว่ารถยนต์ทั้ง 2 รุ่นจะมียอดขายรวมกันเป็นสัดส่วน 75% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัทในปีนี้ โดยยอดขายหลักยังคงเป็นซูซูกิสวิฟท์ ส่วนเซเลริโอจะเปิดตัวโดยมีรุ่นย่อย 3 รุ่น คือ จีเอ จีแอล และจีแอลเอ็กซ์ ซึ่งรุ่นที่น่าจะได้รับความนิยมน่าจะเป็นจีแอล และจีแอลเอ็กซ์ พร้อมส่งมอบได้ในปลายเดือนนี้ ทำให้มีระยะเวลาการขายที่น้อยกว่า เบื้องต้นคาดว่ายอดขายของเซเลริโอจะอยู่ที่ 1,000 คันต่อเดือน และจะมีการส่งออกไปยังยุโรปและอาเซียนต่อไปด้วย

     ส่วนเป้ายอดขายรวมปีนี้นั้นอยู่ที่ 50,000 คัน หากตลาดรวมยังมียอดขายอยู่ที่ 1 ล้านคัน เท่ากับว่าบริษัทสามารถเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ได้ถึง 5% จากปีที่ผ่านมาที่ 3.4% จากยอดขาย 45,200 คัน เนื่องจากปีนี้มีสินค้าใหม่ รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่าย คือ จำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 78 แห่ง และจะครบ 100 แห่งภายในปีนี้

     ซึ่งจากการแนะนำสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ก็มุ่งหวังว่าจะสามารถเป็นแชมป์ด้านยอดขายในตลาดอีโคคาร์ได้ในปีหน้า เนื่องจากในปีนี้มีปัจจัยลบหลายด้าน และปีหน้าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาเติมเต็มความต้องการของลูกค้า ซึ่งการที่บริษัทจะเป็นแชมป์ยอดขายในตลาดก็ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากบริษัทแม่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กอยู่แล้ว ทำให้มีศักยภาพที่จะแข่งขันกับค่ายใหญ่ได้

     ด้านความคืบหน้าการเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ของภาครัฐนั้นในเฟสแรกบริษัทก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากยอดผลิตในปีแรกที่ 20,000 คัน และปีที่ผ่านมาอีก 50,000 คัน หากไม่มีปัจจัยภายนอกมากระทบก็น่าจะมียอดผลิตครบ 100,000 คันก่อนกำหนดการที่วางไว้ ซึ่งบริษัทก็มองว่าจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมืองเช่นนี้ ภาครัฐน่าจะมีมาตรการยืดหยุ่นด้านเป้าการผลิต ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ผลิตได้เข้าไปพูดคุยกับภาครัฐแล้ว แต่ภาครัฐเองก็ต้องการให้ผู้ผลิตพยายามทำตามเป้าให้เต็มที่ก่อน แต่หากยังมีปัจจัยลบรอบด้านต่อเนื่องก็อาจพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป