ยืม C-HR มาขับวาร์ปไป-กลับสวนผึ้งสบายๆ จ่ายค่าน้ำมันแค่นิดเดียว
ถึงแดดซัมเมอร์จะร้อนแค่ไหน แต่เราก็ไม่เคยหมดแรงที่จะออกเดินทาง แถมยังฉลาดบริหารเวลาโดยเก็บวันพักร้อนไว้ลายาวๆ สำหรับไปเที่ยวเมืองนอก ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เราก็ไม่ปล่อยให้ลอยนวล ยังอุตส่าห์ขยันจัดทริปเล็กทริปน้อย ชวนเพื่อนๆ ขับรถออกไปสำรวจเมืองไทยให้ทั่ว แต่จะให้ขับรถตัวเองเหมือนทุกวันก็น่าเบื่อเกินไป แบบนี้ต้องยืมรถรุ่นใหม่มาขับให้สนุกสุดเหวี่ยงไปเลย!
เพราะเราได้ยินมาว่าโตโยต้าเขามีกิจกรรมดีๆ ให้ยืมโตโยต้า C-HR มาใช้ฟรีๆ 7 วัน! รู้แบบนี้ก็เลยรีบเข้าไปลงทะเบียนและกรอกข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ เท่านี้ก็เข้าไปรับรถโตโยต้า C-HR ที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน แล้วออกไปลุยกันเลย
จุดหมายปลายทางที่เราเลือกก็คือ อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ หลายแห่งให้แวะตลอดทาง แถมแต่ละแห่งยังตกแต่งในบรรยากาศที่หลากหลาย ราวกับได้วาร์ปไปเที่ยวหลายประเทศในวันเดียว แต่หลักๆ แล้วเราจะไปจบที่ เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม เพราะมีกิจกรรมให้ทำครบ จบในที่เดียว ทั้งกินขนม จิบกาแฟ ให้อาหารแกะ ยิงธนู ขี่ม้า ปาลูกโป่ง ฯลฯ สมาชิกในรถจะได้สนุกกันครบทุกคน
ที่สำคัญคือ ระยะทางจากกรุงเทพฯ – สวนผึ้ง นั้นไม่ใกล้ไม่ไกล ไป-กลับราวๆ 300 กิโลเมตร แถมถนนก็ดี ใช้ความเร็วได้สบายๆ ทำให้ได้ทดสอบหลายๆ ระบบของ C-HR ได้เต็มที่ ซึ่งเราก็เริ่มเทสต์กันตั้งแต่ช่วงที่ขับตระเวนไปรับเพื่อนสาวในกรุงเทพฯ ก่อนออกต่างจังหวัดแล้ว ขอบอกว่าระบบ Blind Spot Monitor ที่ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้างนั้นเวิร์คมากจริงๆ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการระมัดระวังก่อนจะเปลี่ยนเลนได้เป็นอย่างดี
คราวนี้พอขับออกจากกรุงเทพฯ พ้นจากรถราที่ขวักไขว่แล้ว ก็เริ่มต้นทำความเร็วกันแบบยาวๆ มุ่งหน้าจังหวัดราชบุรีกันเลย ฟีลของการออกจากเขตเมืองถึงขั้นรับรู้กันได้ทั้งคันรถ เพราะจากเดิมที่เราเลือกใข้ระบบ ECO MODE เพื่อการประหยัดพลังงาน เพราะรถใช้ความเร็วต่ำ แต่พอขับออกมานอกเมืองแล้วเราเปลี่ยนมาเป็น SPORT MODE ที่เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และตอบสนองอัตราเร่งได้ดียิ่งขึ้น สัมผัสได้ถึงความเร็วที่ปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาทันที
และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะต่อให้ใช้ความเร็วแค่ไหนก็มี ระบบ Dynamic Radar Cruise Control คอยควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแถมรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าไปในตัว ทำให้ทั้งสบายและปลอดภัยมากขึ้นในการเดินทางไกล อีกทั้ง C-HR ยังขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยี TNGA สถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ ที่นอกจากจะสวยแกร่งที่ภายนอกแล้ว ยังขับนุ่มตลอดเส้นทาง ไม่โคลง เข้าโค้งก็เกาะถนนอีกต่างหาก ขับไปต่างจังหวัดได้สบายๆ
งานนี้ถามคนขับหรือคนนั่งข้างหน้าเดี๋ยวจะหาว่าโม้ ต้องให้เพื่อนที่นั่งเบาะหลังช่วยยืนยันว่าการเป็นผู้โดยสาร C-HR นั้นสบายแค่ไหน ชีพูดเองเลยว่า นั่งสบาย ไม่เวียนหัว แถมพื้นที่ยังกว้างขวาง ยืดขาได้สบายๆ ทำเอาเนวิเกเตอร์ที่นั่งข้างคนขับอยากขอเปลี่ยนที่ขึ้นมาทันที
เอาเป็นว่า ด้วยความที่ C-HR แล่นนิ่ม ทำความเร็วแบบเนียนๆ ทำให้ปุบปับก็ขับมาถึง เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว งั้นก็ได้เวลาลงไปยืดเส้นยืดสาย กินอาหารอร่อย ดวลยิงปืน และถ่ายรูปเล่นจนกว่าพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ก่อนบอกลาสวนผึ้งกลับกรุงเทพฯ
เบ็ดเสร็จวันเดย์ทริปของเรา ไป-กลับด้วยระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร แต่จ่ายค่าน้ำมันไม่ถึง 500 บาท! แถมน้ำมันยังมีอีกตั้งครึ่งถัง ทำให้เราเอาเงินที่เหลือไปกินปิ้งย่างกันต่อแบบชิลๆ
สำหรับทริปนี้ นอกเหนือไปจากความประทับใจในเรื่องการประหยัดน้ำมันของ C-HR คันสวยแล้ว พวกเราทุกคนยังทึ่งในสมรรถนะของเทคโนโลยี TNGA ที่ทำให้การขับขี่ดำเนินไปแบบนุ่มๆ นิ่งๆ เจอถนนขรุขระแค่ไหนก็แทบไม่สะเทือน และที่ชอบมากเป็นพิเศษก็คือ เสียงเครื่องยนต์ที่เงียบจนแทบไม่ได้ยินกับระบบไฮบริด ทำให้สมาชิกทุกคนสนุกไปกับบทสนทนาสลับกับฟังเพลง ร้องเพลงกันตลอดทาง โดยเฉพาะเพื่อนที่นั่งเบาะหลังยิ่งประทับใจหนักมาก เพราะนั่งสบายสุดๆ ใครเคยบอกว่านั่งเบาะหลัง C-HR แล้วอึดอัด เธอขอเถียงขาดใจ ชนิดที่บอกให้มานั่งหน้ายังเกี่ยงแล้วเกี่ยงอีก ที่สำคัญคือ กลับไปคราวนี้ แต่ละคนเริ่มอยากพุ่งตัวไปที่ตัวแทนจำหน่ายโตโยต้า แล้วจับจอง C-HR เป็นของตัวเองสักคันเร็วๆ
ส่วนใครอยากสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ในการทดลองขับ C-HR เหมือนกับเรา ก็สามารถไปได้ที่ตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าทุกสาขาทั่วประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.toyota.co.th/c-hr
(Advertorial)