ข้อสอบใบขับขี่แบบใหม่หมวด 'กฏหมายว่าด้วยจราจรทางบก'

ข้อสอบใบขับขี่แบบใหม่หมวด 'กฏหมายว่าด้วยจราจรทางบก'

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แบบข้อสอบสำหรับการทดสอบเพื่อขอรับใบขับขี่หมวด กฏหมายว่าด้วยจราจรทางบก มีดังนี้:

 

การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
ข  เมื่อพบป้ายเตือนทางร่วมทางแยกให้ขับรถด้วยความเร็วปกติ
ค  หากไม่มีสัญญาณไฟจราจร ให้รถคันที่ใหญ่กว่าผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน
ง  เมื่อพบป้ายเตือนสัญญาณไฟบริเวณทางร่วมทางแยกให้ขับรถไปตามปกติ

ผู้ขับขี่ต้องการเลี้ยวรถต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  ชะลอรถและเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร
ข  เปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยว 20 เมตร
ค  หยุดรถเพื่อเตรียมตัวเลี้ยว
ง  เร่งความเร็วก่อนเลี้ยว
 

การหยุดรถบริเวณทางแยกผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  หยุดทับเส้นแนวหยุด
ข  หยุดหลังเส้นแนวหยุด
ค  หยุดเลยเส้นแนวหยุด
ง  หยุดเลยป้ายหยุด
 

บริเวณใดห้ามแซง
ก  ทางตรง
ข  ทางที่ปลอดภัย
ค  ทางโล่ง
ง  ทางโค้งรัศมีแคบ
 

การจอดรถต้องจอดให้ห่างจากขอบทางไม่เกินกี่เซนติเมตร
ก  ห่างไม่เกิน 35 เซนติเมตร
ข  ห่างไม่เกิน 30 เซนติเมตร
ค  ห่างไม่เกิน 25 เซนติเมตร
ง  ห่างไม่เกิน 40 เซนติเมตร
 

การขับรถแซงรถคันหน้าต้องแซงด้านขวามือ ยกเว้นกรณีใดที่สามารถแซงด้านซ้ายมือได้
ก  เมื่อรถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวา หรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
ข  แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายในทางเดินรถช่องทางเดียว
ค  แซงรถคันอื่นในช่องทางขวาของรถที่ถูกแซง
ง  แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายขณะรถวิ่งบนสะพาน

 
รถในข้อใดที่สามารถนำมาใช้ในทางได้

ก  รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด
ข  รถที่จดทะเบียนและเสียภาษีแล้ว
ค  รถที่ขาดต่อภาษี
ง  รถที่แจ้งเลิกใช้ตลอดไป
 

รถในข้อใด ห้ามนำมาใช้ในทาง
ก  รถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง
ข  รถที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด
ค  รถที่จดทะเบียนและเสียภาษีแล้ว
ง  รถที่อุปกรณ์ส่วนควบครบถ้วน
 

เขตปลอดภัย หมายความว่าอย่างไร
ก  พื้นที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้ผู้ขับขี่เห็นว่าปลอดภัยขับต่อไปได้
ข  เขตที่ผู้ขับขี่สามารถนำรถผ่านเข้าไปได้
ค  พื้นที่ในทางเดินรถที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้เห็นได้ชัดเจนทุกเวลาสำหรับให้คนเดินเท้าที่ข้ามทางหยุดรอ หรือให้คนที่ขึ้นหรือลงจากรถหยุดรอก่อนจะข้ามทางต่อไป
ง  เขตที่คนเดินเท้าสามารถข้ามทางได้โดยไม่ต้องหยุดรอ
 

รถในข้อใดที่สามารถนำมาใช้ในทางเดินรถได้
ก  รถที่มีเสียงดังกว่าเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด
ข  รถที่มีสิ่งลากถูไปบนทางเดินรถ
ค  รถที่มีล้อไม่ใช่ยาง
ง  รถที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังในระดับ 80 เดซิเบล
 

สัญญาณจราจรไฟสีแดงที่ทำเป็นรูปกากบาทเฉียงอยู่เหนือช่องเดินรถ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถอย่างไร
ก  จอดรถในช่องเดินรถนั้น
ข  หยุดและจอดรถในช่องเดินรถนั้น
ค  ขับรถในช่องเดินรถนั้น
ง  หยุดรถในช่องเดินรถนั้น
 

เมื่อพนักงานจราจรยืนและเหยียดแขนซ้ายออกไปเสมอระดับไหล่ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ
ก  ด้านข้าง
ข  ด้านหน้าและด้านหลัง
ค  ด้านหลัง
ง  ด้านหน้า
 

เมื่อพนักงานจราจรยืนและเหยียดแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบนและตั้งฝ่ามือขึ้น ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ
ก  ด้านหลัง
ข  ด้านหน้าและด้านหลัง
ค  ด้านหน้า
ง  ด้านข้างและด้านหลัง
 

การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงให้ขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ข  ลดความเร็วของรถลงและผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
ค  จอดรถด้วยความระมัดระวัง
ง  เพิ่มความเร็วของรถและผ่านทางเดินรถนั้นไปโดยเร็ว
 

การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีเหลือง ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  ลดความเร็วของรถลงและผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
ข  หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ค  จอดรถ
ง  เพิ่มความเร็วของรถและผ่านทางเดินรถนั้นไปโดยเร็ว
 

ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย ยกเว้นกรณีใดสามารถเดินรถทางขวาหรือ ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถได้
ก  ไม่มีรถสวนทางมา
ข  ทางเดินรถกว้างมาก
ค  ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง
ง  ทางเดินรถมีน้ำท่วมขัง
 

การให้สัญญาณด้วยแขน โดยผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกตัวรถเสมอระดับไหล่และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง หมายถึงผู้ขับขี่นั้นต้องการอะไร
ก  หยุดรถ
ข  เลี้ยวขวา
ค  จะลดความเร็วของรถ
ง  จอดรถ
 

ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างจากรถคันหน้าเท่าไร
ก  ในระยะที่จะสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น
ข  ไม่น้อยกว่า 2 เมตร
ค  ไม่น้อยกว่า 1 เมตร
ง  ไม่น้อยกว่า 3 เมตร
 

ผู้ขับขี่ต้องการจะเลี้ยวซ้ายต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายก่อนถึงทางเลี้ยวกี่เมตร
ก  ไม่น้อยกว่า 15 เมตร
ข  ไม่น้อยกว่า 20 เมตร
ค  ไม่น้อยกว่า 25 เมตร
ง  ไม่น้อยกว่า 30 เมตร
 

ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ให้รถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าเท่าใด
ก  150 เมตร
ข  100 เมตร
ค  60 เมตร
ง  120 เมตร
 

ในการขับรถสวนทางกัน ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  แซงเข้าไปในช่องเดินรถประจำทางได้
ข  ให้ขับรถชิดด้านซ้าย
ค  ในทางที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้าไม่ต้องหยุดรอให้รถที่สวนมาผ่านไปได้
ง  ในทางแคบที่ไม่อาจสวนกันได้ ผู้ขับรถคันที่เล็กกว่า ต้องหยุดชิดด้านซ้ายให้รถคันที่ใหญ่กว่าไปก่อน
 

ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นขณะที่มีหมอก ฝุ่น ฝน หรือควัน จนไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ เท่าใด
ก  60 เมตร
ข  90 เมตร
ค  70 เมตร
ง  80 เมตร
 

บริเวณใดห้ามขับรถแซงรถคันอื่น
ก  ทางโค้งรัศมีแคบ
ข  ในกรณีที่ทางเดินรถด้านซ้ายมีสิ่งกีดขวาง
ค  150 เมตร จากทางร่วมทางแยก
ง  แซงด้านซ้ายในขณะที่มีรถรอเลี้ยวขวา
 

บริเวณใดสามารถกลับรถได้
ก  ทางเดินรถที่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
ข  บริเวณบนสะพาน
ค  ระยะ 150 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน
ง  เขตปลอดภัย
 

เมื่อผู้ขับขี่พบเครื่องหมาย "เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด" ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร?
ก  ลดความเร็วของรถลงและเลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที
ข  หยุดรอจนกว่าจะได้รับสัญญาณไฟเขียวจึงเลี้ยวซ้ายไปได้
ค  หยุดรอให้คนข้ามถนนและรถที่มาจากทางด้านขวามือขับผ่านไปก่อนแล้วจึงเลี้ยวซ้ายผ่านไป
ง  เลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที
 

ผู้ใดไม่มีหน้าที่ให้สัญญาณจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522
ก  ผู้ขับขี่รถยนต์
ข  พนักงานจราจร
ค  ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์
ง  คนเดินเท้า
 

ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามข้อใดไม่ถูกต้อง
ก  ลดความเร็วเมื่อถึงวงเวียน
ข  ลดความเร็วเมื่อถึงที่คับขัน
ค  จอดรถบริเวณทางร่วมทางแยก
ง  ลดความเร็วเมื่อเห็นคนกำลังข้ามทาง
 

บริเวณใดแซงได้
ก  ทางร่วมทางแยก
ข  สะพานเดินรถทางเดียว
ค  ทางโค้งรัศมีแคบ
ง  บนพื้นทางที่มีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้
 

เมื่อจะเปลี่ยนช่องทางหรือแซงรถทุกครั้งต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  รีบเปลี่ยนช่องทางโดยเร็ว
ข  ต้องให้สัญญาณไฟหรือสัญญาณแตร
ค  แซงขึ้นหน้าแล้วเหยียบเบรกทันที
ง  รีบเร่งเครื่องแซงโดยเร็ว
 

บริเวณใดจอดรถได้
ก  ที่มีป้ายห้ามหยุดรถ
ข  ในอุโมงค์
ค  ทางร่วมทางแยก
ง  ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า
 

การขับรถตามข้อใดปฏิบัติได้ถูกต้อง
ก  ขับรถลักษณะผิดปกติวิสัย
ข  แซงรถในอุโมงค์
ค  ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร
ง  ขับรถเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
 

เมื่อถึงทางรถไฟและมีรถไฟกำลังแล่นผ่าน ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  หยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร
ข  ขับรถผ่านไปโดยเร็ว
ค  ให้เสียงสัญญาณแตรเตือนและขับผ่านไปได้
ง  หยุดรอสัญญาณไฟและเปิดไฟฉุกเฉิน
 
บริเวณใดใช้สัญญาณเสียงแตรได้

ก  โรงเรียน
ข  สถานที่ราชการ
ค  สวนสาธารณะ
ง  โรงพยาบาล
 


เมื่อเกิดอุบัติเหตุผู้ขับขี่หลบหนีจะมีผลอย่างไร

ก  ไม่มีผล เพราะไม่ใช่ฝ่ายผิด
ข  ให้สันนิษฐานว่าผู้นั้นเป็นผู้กระทำผิด
ค  มีผลให้เป็นฝ่ายถูก
ง  จะได้รับการกันไว้เป็นพยาน
 

สัญญาณเสียงแตรใช้ได้เมื่อใด
ก  ใช้ได้เมื่อรถคันหน้าขับช้า
ข  ใช้ได้ตามสะดวก
ค  ใช้ตลอดเวลา
ง  ใช้ได้เมื่อจำเป็นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

 
ขณะขับขี่รถต้องเว้นระยะห่างรถคันหน้าเท่าใด

ก  ในระยะที่ปลอดภัย
ข  13 เมตร
ค   50 เมตร
ง   3 ช่วงตัวรถ

 
ก่อนเลี้ยวรถต้องเข้าช่องทางที่จะเลี้ยวและเปิดไฟเลี้ยวก่อนเลี้ยวรถไม่น้อยกว่ากี่เมตร

ก  3 เมตร
ข  30 เมตร
ค  10 เมตร
ง  15 เมตร

 
ผู้ขับรถที่ดื่มสุราเมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจจะต้องไม่เกินเท่าใด

ก  ไม่เกิน 60 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น
ข  ไม่เกิน 70 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น
ค  ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น
ง  ไม่เกิน 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น

 
ขณะขับรถตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมีโทษอย่างไร

ก  จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 1,000 ถึง 50,000 บาท
ข  จำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค  ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ง  ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
 

ในเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ต้องขับรถด้วยความเร็วเท่าไร
ก  ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข  ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค  ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ง  ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 
นอกเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ต้องขับรถด้วยความเร็วเท่าไร

ก  ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข  ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค  ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ง  ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
 

ในการให้สัญญาณไฟเลี้ยว จะต้องให้ผู้ขับรถคันอื่นเห็นได้ในระยะเท่าไร
ก  ไม่น้อยกว่า 10 เมตร
ข  ไม่น้อยกว่า 15 เมตร
ค  ไม่น้อยกว่า 60 เมตร
ง  ไม่น้อยกว่า 30 เมตร
 

ผู้ขับขี่ซึ่งจะเลี้ยวรถจะต้องให้สัญญาณมืออย่างไร
ก  ให้สัญญาณมือด้วยมือซ้ายเท่านั้น
ข  ให้สัญญาณมือได้ทั้งมือซ้ายและมือขวา
ค  ไม่ต้องให้สัญญาณมือใด ๆ ทั้งสิ้น
ง  ให้สัญญาณมือด้วยมือขวาเท่านั้น
 

บริเวณทางร่วมทางแยกและมีเครื่องหมายห้ามกลับรถแต่เจ้าพนักงานจราจรอนุญาตให้กลับรถได้ผู้ขับขี่ ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  กลับรถได้
ข  กลับรถได้ถ้าไม่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
ค  กลับรถไม่ได้
ง  กลับรถได้ถ้าไม่ใช่ทางร่วมทางแยก
 

ผู้ขับขี่ต้องการกลับรถต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  ขับรถช่องทางไหนก็ได้
ข  ดูป้ายจราจรที่อนุญาตให้กลับรถและเข้าช่องทางให้ถูกต้อง
ค  เข้าช่องทางที่มีลุกศรบนพื้นถนนให้ตรงไป
ง  กลับรถที่บริเวณเส้นทะแยงเหลือง

 
ข้อใดปฏิบัติถูกต้อง

ก  รถจักรยานยนต์ต้องขับในช่องเดินรถด้านซ้ายสุด
ข  รถบรรทุกคนโดยสารต้องขับในช่องเดินรถด้านขวาสุด
ค  รถบรรทุกสิ่งของต้องขับในช่องเดินรถด้านขวาสุด
ง  การเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางด้านขวาหรือซ้ายไม่ต้องดูกระจกด้านซ้ายหรือขวา
 

ในช่องทางเดินรถตั้งแต่สองช่องทางขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  ต้องขับรถชิดด้านขวาสุด
ข  ต้องขับรถชิดด้านซ้ายสุด
ค  ต้องขับรถคล่อมเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ
ง  ต้องขับรถอยู่ในช่องทางที่ให้ขับตรงไป
 

ผู้ใดได้รับยกเว้นไม่ต้องสวมหมวกนิรภัยขณะโดยสารรถจักรยานยนต์
ก  ภิกษุ สามเณร
ข  คนโดยสาร
ค  เด็ก
ง  คนขับรถ
 

ข้อใดเปิดไฟฉุกเฉินได้ถูกต้อง
ก  รถเสียหรือรถเกิดอุบัติเหตุ
ข  เปิดได้ตลอดเวลา
ค  มีหมอก
ง  ผ่านทางแยก
 

ในการบรรทุกสิ่งของ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก  บรรทุกได้กว้างกว่าความกว้างของตัวรถข้างละ 1 เมตร
ข  บรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหลังไม่เกิน 2.50 เมตร
ค  บรรทุกสูงโดยวัดจากสิ่งของที่บรรทุกได้เกิน 5 เมตร
ง  บรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหน้าไม่เกิน 2.50 เมตร
 

การลากจูงรถที่ไม่สามารถใช้พวงมาลัยหรือเบรกได้ควรทำอย่างไร
ก  ใช้คนดันไป
ข  ใช้รถดันไป
ค  ใช้สายพ่วงลากจูงไป
ง  ใช้วิธีการยกหน้าหรือยกท้ายลากไป

 
รถที่มีความเร็วช้า ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร

ก  ขับรถได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ข  ขับรถชิดขอบด้านขวา
ค ขับรถที่บริเวณไหล่ทาง
ง  ขับรถชิดขอบด้านซ้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook