จริงหรือไม่? ฝนตกแล้วไม่ล้างรถ จะทำให้สีรถหมอง
ฝนตกแทบทุกวันแบบนี้ จะล้างรถไปทำไมบ่อยๆ?
นั่นอาจเป็นคำถามที่ค้างคาใจใครหลายคนมาตลอด ว่าแท้ที่จริงแล้วในช่วงหน้าฝนควรจะล้างรถหรือไม่? เพราะบางครั้งก็เกิดเหตุการณ์ล้างรถเสร็จปุ๊บ ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาทันที แถมยังมีคำถามต่อเนื่องอีกว่า หากไม่ล้างรถในช่วงฤดูฝน ก็อาจจะทำให้สีของรถนั้นหมองขึ้นจริงหรือ?
คำตอบก็คือ... จริง เพราะหากไม่ล้างรถเป็นประจำสม่ำเสมอ คราบที่เกาะติดรถของคุณก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพอเจอฝนกระหน่ำลงมาบ่อยๆ ก็จะทำให้สีรถหมอง และถ้ายิ่งปล่อยเอาไว้นานเข้า มันก็จะแปรสภาพกลายเป็นคราบไคลที่ต้องใช้วิธีการขัดสีเพียงอย่างเดียว เสียสตางค์เพิ่มเข้าไปอีก
วันนี้ Sanook! Auto มีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ สำหรับผู้ที่อยากดูแลสีรถให้อยู่คงคู่รถคันโปรดของคุณไปนานๆ จะมีวิธีใดบ้าง ไปดูกัน
1.เมื่อฝนหยุด อย่าจอดรถกลางแดด
เพราะนั่นอาจก่อให้เกิดคราบฝังอยู่บนสีรถได้ง่ายขึ้น ยิ่งเป็นแดดจัดๆ ด้วยแล้วยิ่งไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากความร้อนจะทำให้น้ำฝนแห้งกลายเป็นคราบ หากหนักข้ออาจจะกัดลึกเข้าไปในเนื้อสีได้เลยทีเดียว
2.ที่จอดในร่มซึ่งเต็มไปด้วยยางเกสร หรือใต้ต้นไม้
นอกจากยางเกสรจะทำให้สีรถเป็นรอยด่างและเกิดความเสียหายได้แล้ว รถของคุณอาจโดนกิ่งไม้หรือมีบางสิ่งบางอย่างหล่นลงใส่ได้อีกต่างหาก
3.ฉีดน้ำล้างคราบต่างๆ ซะ
หากไม่อยากให้คราบน้ำฝน โคลน หรือฝุ่นเกาะติดสีรถแบบฝังแน่น วิธีง่ายที่สุดหากไม่มีเวลาไปล้างรถแบบจริงๆ จังๆ ก็คือแค่ใช้สายฉีดน้ำฉีดไล่คราบต่างๆ ออกไปก่อนนั่นเอง
4.ใช้ผ้าแห้งเช็ดหลังฝนหยุดตกก็ไม่ควร
ก็น้ำฝนบ้านเราไม่ได้สะอาดหมดจด หากใช้ผ้าแห้งเช็ดรถที่มีน้ำฝนเกาะอยู่ก็เสี่ยงภัยต่อการที่จะเกิดรอยด่างรอยคราบต่างๆ ได้ มุ่งหน้าไปล้างรถดีกว่าเนอะ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการล้างรถเป็นประจำแม้จะเป็นช่วงฤดูฝนก็ตาม อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็ยังดี