Chevrolet Corvette Stingray 2020 เจาะลึกเครื่องยนต์วางกลาง เร็ว-แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
คอร์เวทท์ (Corvette) ถือเป็นตระกูลรถที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานจากค่ายเชฟโรเลต (Chevrolet) ความตื่นตาตื่นใจล่าสุดที่ Sanook! Auto ได้รับข่าวคราวมาก็คือ Chevrolet Corvette Stingray 2020 กับครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของคอร์เวทท์รุ่นโปรดักชั่นที่มีเครื่องยนต์วางกลาง เต็มไปด้วยเร็ว แรง และทรงพลัง โดยในบทความนี้เราจะเจาะลึกลงไปที่เรื่องราวของเครื่องยนต์กันโดยเฉพาะ
Chevrolet Corvette Stingray 2020 มาพร้อมเครื่องยนต์ Small Black V-8 LT2 ความจุ 6.2 ลิตร ขุมพลัง V-8 แบบไร้ระบบอัดอากาศรุ่นเดียวในกลุ่มเดียวกัน ร่วมด้วยพละกำลัง 495 แรงม้า (369 กิโลวัตต์) และแรงบิด 637 นิวตันเมตร หรือ 470 ฟุต-ปอนด์ เมื่อติดตั้งท่อไอเสียสมรรถนะสูง ซึ่งบอกเลยว่าเป็นรถคอร์เวทท์รุ่นเริ่มต้นที่มีแรงม้าและแรงบิดสูงสุด
โดยขุมพลัง LT2 ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านหลังผู้ขับขี่นั้นจะมอบประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าอารมณ์ โดยพัฒนาขึ้นเพื่อมอบแรงบิดที่รอบต่ำได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีพละกำลังในรอบสูงที่ตอบสนองต่อคันเร่งได้อย่างสุดยอดในทุกรอบเครื่องยนต์ นอกจากนั้นการติดตั้งเครื่องยนต์ในตำแหน่งที่ต่ำ ก็ทำให้จุดศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำ ส่งผลต่อการควบคุมรถในระดับสูงสุดอีกด้วย
สิ่งที่ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของคอร์เวทท์รุ่นนี้น่าจะอยู่ที่ระบบการไหลเวียนและการหล่อลื่น นี่คือครั้งแรกของ Stingray รุ่นเริ่มต้นใช้ระบบอ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้งติดตั้งกับเครื่องยนต์ บวกกับปั๊มน้ำมันหล่อลื่นอีก 3 ตัวเพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ซึ่งน้ำมันหล่อลื่นจะคงปริมาณที่สูงเพื่อไม่ให้สมรรถนะการขับขี่ลดลง นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงในเรื่องศักยภาพการรับแรงเหวี่ยง โดยระบบหล่อลื่นแบบแห้งของเครื่องยนต์ LT2 ก็มีการออกแบบขึ้นมาใหม่ เพื่อมอบประสิทธิภาพของเครื่องยนต์อันยอดเยี่ยมระหว่าการเร่งที่มีแรงเหวี่ยงเกินกว่า 1G ในทุกทิศทางนั่นเอง
ในขณะที่ฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลังเป็นกระจกน้ำหนักเบา หนา 3.2 มิลลิเมตร ซึ่งตัวฝาครอบกระจกก็มีร่องขอบด้านข้างที่ช่วยระบายความร้อนจากห้องเครื่องยนต์ LT2 ได้ด้วย เรียกได้ว่าโชว์เครื่องยนต์สู่สายตาสาธารณชนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการติดตั้งเครื่องยนต์ที่มองเห็นได้ผ่านกระจกหลังนี้เปรียบได้กับตู้โชว์อัญมณีก็ว่าได้
นอกจากนั้นเครื่องยนต์ LT2 เจเนอเรชั่นใหม่ที่เคียงคู่มากับระบบเกียร์ดูอัลคลัตช์ 8 สปีดรุ่นแรกของเชฟโรเลตยังทำให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการถ่ายทอดกำลังที่ไม่น้อยหน้าใคร โดยมีการออกแบบระบบส่งกำลังชุดนี้กับ TREMEC ยืนหนึ่งทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติระดับพรีเมียม
แถมยังมีฟีเจอร์ดับเบิลแพดเดิลแบบปลดคลัตช์ ที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปลดการทำงานของคลัตช์ด้วยการรั้งแป้นแพดเดิลชิฟท์ค้างไว้ เสมือนว่ากำลังควบคุมเกียร์ธรรมดา ซึ่งเจ้าแพดเดิลชิฟท์นี้ ทางเชฟโรเลตใช้อัลกอริทึมของการเปลี่ยนเกียร์ที่พัฒนาเพื่อผู้ขับขี่โดยเฉพาะ
ความพิเศษต่อมาคือ เครื่องยนต์ Small Block V-8 รุ่นใหม่นี้ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพการถ่ายทอดแรงบิดเพื่อใช้ประโยชน์จากความเร็วระดับเสี้ยววินาทีของเกียร์ DCT ซึ่งเกียร์ 1 จะมีอัตราทดต่ำมาก เพื่อให้การพุ่งออกตัวของรถทำได้อย่างรวดเร็ว ยึดเกาะถนนก็ดี ส่งต่อสู่เกียร์ 2 ถึง 6 ซึ่งอัตราทดทำให้เครื่องยนต์รักษาพละกำลังเกือบจะอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนเกียร์ 7 และ 8 อัตราทดสูง ขับขี่ทางไกลก็สะดวกสบาย แถมยังประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก ซึ่งตัวเปลี่ยนเกียร์นั้นมีการออกแบบให้สะดุดตามากขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้เอกลักษณ์ทางความสะดวกสบายและสนุกสนานสไตล์คอร์เวทท์ยังคงอยู่ใน Stingray รุ่นปี 2020 ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าทุกรุ่นของคอร์เวทท์ที่ผ่านมา โดยคุณสมบัติพิเศษที่น่าสนใจเอามากๆ ก็คือ อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงที่เร็วที่สุดสำหรับคอร์เวทท์รุ่นเริ่มต้น เพียงแค่ประมาณ 3 วินาทีเท่านั้น (สำหรับแพ็คเกจ Z51) นอกจากนั้นการกระจายน้ำหนักที่เน้นการถ่ายเทน้ำหนักไปทางด้านหลัง เพื่อเพิ่มสมรรถนะบนทางตรงและบนสนามแข่ง ในขณะที่ตำแหน่งผู้ขับขี่ซึ่งใกล้กับเพลาล้อหน้ามากขึ้นก็ทำให้เกิดการควบคุมที่แม่นยำ มีการปรับฝากระโปรง มาตรวัด และพวงมาลัยให้ต่ำลง ทัศนวิสัยเสมือนว่ากำลังนั่งอยู่ในรถแข่ง รวมไปถึงพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรง 2 ตำแหน่งความจุรวมมากถึง 12.6 ลูกบาศก์ฟุต ซึ่งถือเป็นการพัฒนาจุดแข็งที่มีอยู่แล้วของคอร์เวทท์ให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก
คราวหน้า Sanook! Auto จะจัดเต็มเรื่องดีไซน์ของ Chevrolet Corvette Stingray 2020 กันล้วนๆ ห้ามพลาด
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ