ส่องทุกปัจจัยที่ทำให้ All-new Nissan Kicks e-Power เป็นรถใหม่ที่หลายคนรอคอย

ถือว่าเป็นรถใหม่ที่ชาวไทยรอคอยอีกหนึ่งรุ่นประจำปีนี้ และในที่สุดรถยนต์คอมแพ็คเอสยูวี All-new Nissan Kicks e-Power ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า e-Power น่าสนใจเอามากๆ ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่ต้องพูดถึงเป็นอย่างแรกคงต้องยกให้ เทคโนโลยี e-Power ที่ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator), อินเวอร์เตอร์ (Inverter), มอเตอร์ไฟฟ้า (electric motor) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยจุดเด่นของเจ้าเทคโนโลยีนี้ก็คือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนรถยนต์เพียงอย่างเดียว ส่วนเครื่องยนต์สัปดาปภายในจะมีหน้าที่ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งต่อให้กับระบบนั่นเอง ส่งผลให้ All-new Nissan Kicks e-Power จะมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่มากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนั้น All-new Nissan Kicks e-Power ยังมีเอกลักษณ์ในเรื่องของ หากต้องการเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น หรือขับขึ้นในที่สูงชัน มอเตอร์ไฟฟ้าจะได้รับพลังงานไฟฟ้าจากทั้งแบตเตอรี่และอินเวอร์เตอร์เพื่อเพิ่มพละกำลัง แต่หากชะลอความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และฟื้นฟูพลังงานด้วยการชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ จนกระทั่งรถหยุดนิ่ง นั่นหมายความว่าการลดความเร็วในลักษณะนี้จะไม่สิ้นเปลืองพลังงานแต่อย่างใด

ประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator) และ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (inverter) ที่ผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.2 ลิตร 12 วาล์ว 3 สูบ แถวเรียงแบบ DOHC มอบกำลังสูงสุด 129 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร รวมไปถึงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 kWh

ในด้านการขับขี่ All-new Nissan Kicks e-Power โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ One-Pedal จะเร่งจะชะลอหรือจะเบรกจนหยุดนิ่งก็ใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว กับโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ได้แก่ Normal, Smart, Eco และ EV พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอีกเพียบจาก NissanIntelligent Mobility อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ, ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ, ระบบเทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ, ระบบเตือนจุดอับสายตา เป็นต้น หรือแม้กระทั่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค, ระบบกระจายและเสริมแรงเบรก และถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด

ด้านการดีไซน์ของ All-new Nissan Kicks e-Power ภายนอกยังคงเอกลักษณ์กระจังหน้าแบบ V-Motion ส่วนไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบบูมเมอแรง หลังคาแบบลอยตัวพร้อมที่บังแดดจากกระจกหน้าไปจนถึงกระจกข้าง เสาหลังคาท้ายใช้สีดำซ่อนพรางตา แถมยังผสมผสานเข้ากับกระจกประตูท้ายอีกต่างหาก นอกจากนั้นก็มีไฟเลี้ยว LED แบบบูมเมอแรง, ไฟ DRL แบบ LED, ไฟหน้าและท้าย LED เช่นกัน ทั้งนี้โดยรวมจะมีความปราดเปรียว กว้าง และยาวขึ้นภายใต้ปรัชญาในการสร้างสรรค์รถยนต์แบบ “รูปทรงเรขาคณิตที่สื่อถึงอารมณ์ หรือ Emotional Geometry” ของ Nissan

ส่วนภายในห้องโดยสารของ All-new Nissan Kicks e-Power มีทั้งแผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่ที่เป็นลายเส้นของแนวปีกเครื่องร่อนหรือ Gliding Wing ที่เรียบง่ายและทันสมัย กับจอสีแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 7 นิ้ว ติดตั้งอยู่ภายในพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์เต็มรูปแบบ เน้นตกแต่งด้วยสีทูโทน สีดำและสีส้ม ซึ่งมีเฉพาะในรุ่น VL เท่านั้น ในขณะที่ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะก็จัดเต็มระบบข้อมูลและความบันเทิง มาพร้อมหน้าจอสีระบบสัมผัสแบบ AIVI ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay

All-new Nissan Kicks e-Power มาพร้อม 6 สีตัวถัง ได้แก่ สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star), สีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White), สีแดง เรเดียนท์ เรด (Radiant Red), สีเทา กัน เมทาลิค (Gun Metallic), สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver) และ สีส้ม โมนาร์ช (Monarch Orange) นอกจากนี้ยังนำเสนอสีทูโทนเฉพาะในรุ่น VL สำหรับ 4 สีภายนอก สีส้ม โมนาร์ช, สีแดง เรเดียนท์ เรด, สีเทา กัน เมทาลิค, และสีขาว สตอร์ม ไวท์ ราคาเริ่มต้นที่ 8.89 แสนบาท

นอกจากนั้นยังมีการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มี อายุการใช้งานที่นาน มีความทนทาน และมีสมรรถนะและคุณภาพสูงเป็นเวลา 10 ปี และรับประกันระบบไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี และการรับประกันคุณภาพรถยนต์ ใหม่ เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยจะเริ่มส่งมอบรถในเดือนมิถุนายน 2563

• สดๆ ร้อนๆ! เปิดราคา All-new Nissan Kicks e-Power ทุกรุ่นย่อย